วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

The Gold War ภาคพิสดาร ( 1 of 3 ).......รู้จักกับป๊าเช็ง

‘ป้าเช็ง..อุดมการณ์ชีวภาพ’ และการต่อกรกับอำนาจรัฐ

บทความจาก: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2553 00:00:17 น
เขียนโดย: อ.อภิชาต ทองอยู่

"ผมเปิดดูรายการ “ซูเปอร์เช็ง” (super cheng) จากทีวีดาวเทียมช่อง 133 โดยบังเอิญ ตั้งแต่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว จากนั้นก็ติดตามดูเรื่อยมา เนื่องจากป้าเช็งสตรีวัย 72 ปี ที่ดูแข็งแรงเหมือนกับคนวัย 50 เคยมีข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ว่า ถูกเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พา ตำรวจ บุกจับกรณีน้ำหมักมหาบำบัด


ภูมิหลังของป้าเช็ง ป้าเช็งมีชื่อจริง ศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ เป็นนักธุรกิจที่ต่อสู้ชีวิตฝ่าความยากจนมาจนกระทั่งประสบความสำเร็จร่ำรวย ขึ้นมาด้วยตัวเอง ปัจจุบันมีธุรกิจบริษัทจดทะเบียนหลากหลายสาขา ตั้งแต่ธุรกิจซื้อขายที่ดิน เรือโดยสาร จนถึงเคเบิลทีวี รวม 18 แห่ง ทุนจดทะเบียนประมาณ 500 ล้านบาท เรียกว่า ร่ำรวยมาก่อนที่จะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องน้ำหมัก

ป้าเช็งเล่าว่า เคยเรียนรู้เรื่องการหมักจากพระภิกษุเมื่อ 40 ปีก่อน เมื่อคราวที่ตัวเองป่วยจึงได้นำน้ำหมักมารักษาตัว จากนั้นก็ขวนขวายศึกษาเรื่องนี้จากแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีผลให้อาการป่วยดีขึ้น ประกอบกับพ่อป้าเช็งเป็นผู้ที่มีความรู้แบบหมอยาพื้นบ้านด้วย จึงทบทวนรื้อฟื้นความรู้ที่เคยได้มาคู่ไปกับการหาประสบการณ์ตรง และการวิเคราะห์เชิงประสบการณ์มาเสริมความรู้ ทำให้ป้าเช็งปลูกฝังอุดมการณ์ชีวภาพให้กับตัวเองอย่างลุ่มลึก และออกมารณรงค์เผยแพร่เรื่องนี้ จนเกิดปัญหาถูกจับเป็นคดีความในเวลาต่อมา

กรณี น้ำหมักชีวภาพ หรือ การดูแลรักษาตัวเอง ด้วยการปรับดุลภาวะตามแนวทางการแพทย์ ตะวันออก นั้น มีความเป็นมา มีพื้นฐานวิธีคิดแตกต่างจากการแพทย์แบบตะวันตก และการแพทย์แผนใหม่อย่างมีนัยสำคัญอยู่หลายประการ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งสองแบบ แต่ประเด็นเหล่านี้คงปล่อยให้เป็นการวิวาทะและการพัฒนาร่วมกันของวงการแพทย์ ต่อไป

ความน่าสนใจของ กรณีป้าเช็ง คือประเด็น “ความรู้” และ “อำนาจ” เพราะเมื่อมีการนำ มะขามป้อม สมอ ลูกยอ บอระเพ็ด ลำใย มาหมักเป็นน้ำชีวภาพที่ป้าเรียกว่า “น้ำมหาบำบัด” หรือการส่งเสริมให้ผู้คนช่วยกันลดโลกร้อนโดยนำ “ขยะบ้าน” มาทำความสะอาดและนำไปหมักเพื่อปรับขบวนการชีวภาพเพื่อนำกลับไปใช้เป็นเชื้อ บำรุงดิน ปรับสภาพดิน นำไปทำความสะอาดบ้านเรือน ดูแลตัวเอง ที่ป้าแกเชิญชวนเรียกตลกๆ ว่ายี่ห้อ “กูหมักเอง” กลายเป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อผิดกฎหมาย จึงน่าตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองเรา?

กรณีนี้เป็นเรื่องความเลวร้าย เป็นความผิดที่ควรลงโทษป้าเช็ง? หรือเป็นความบิดเบี้ยวของ “ความรู้” และ “อำนาจ” ของกระแสหลักที่ครอบงำความคิดของสังคม? หรือเป็นความมักง่าย ล้าหลัง ไม่เอาไหน ไร้น้ำยา ของหน่วยงานและระบบการบริหารจัดการของรัฐกันแน่?

ที่จริงเรื่องน้ำหมักนี้นอกจากใน พระไตรปิฎก ได้ตราความว่า มะขามป้อม สมอ ลูกยอ และบอระเพ็ดนั้น สมัยพุทธองค์ได้นำมาหมักกับปัสสาวะเป็นน้ำมูตรเน่ารักษาโรคแล้ว ในประเด็น เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ยังเป็นกลไกสำคัญทางเศรษฐกิจใน เศรษฐมิติแห่งคลื่นลูกที่ 6 ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย ไม่รู้ว่า องค์การอาหารและยา (อย.) หรือ สำนักงานตำรวจ รู้เรื่องแบบนี้บ้างรึเปล่า?

ถ้าพิจารณาถึงประเด็น ความรู้เชิงประสบการณ์ ที่มีการสื่อสารเรียนรู้จากกลุ่มคนร่วมประสบการณ์เดียวกันผ่านการพบปะพูดคุย และผ่านสื่อทีวีช่องซูเปอร์เช็งอยู่ขณะนี้ จะเห็นชัดว่าความรู้เชิงประสบการณ์แบบของป้าเช็งกำลังถูก “เบียดขับ” และ “ทำให้เป็นอื่น” จาก วาทกรรมกระแสหลัก ที่อาศัยหลักการและกฎเกณฑ์ของการแพทย์ การสาธารณสุข แบบตะวันตก ที่มีอิทธิพลครอบงำความคิดผู้คนในสังคมไว้อย่างแนบนัยด้วยหลักการ วิทยาศาสตร์ ซึ่งวาทกรรมกระแสหลักที่ได้สร้างขึ้นมาในรูปของความรู้ชุดดังกล่าว คือแม่บทที่นำมาใช้สร้าง กลไกอำนาจ เพื่อจัดการกับ ความรู้แบบอื่น และ ความเคลื่อนไหวที่ต่างออกไป

การจัดการ กรณีป้าเช็ง โดยอำนาจของอย. และ ตำรวจ จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นการใช้อำนาจของวิธีคิดกระแสหลัก ที่มุ่งกดทับเบียดขับ ความรู้แบบของชาวบ้าน อย่างชัดเจน โดยอาศัยกฎเกณฑ์ที่สร้างทำกำกับไว้ แต่ผู้กระทำคงลืมไปว่าอีกด้านหนึ่งของการกระทำนี้ก็สะท้อนให้เห็นความล้า หลัง คับแคบ ความอับจนไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย!

ด้วยเหตุว่า ความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมโลกทุกวันนี้ องค์กรและหน่วยงานรัฐที่ทำงานเกี่ยวข้องกับผู้คนและสังคม ควรจะต้องปรับตัวปรับบทบาทเพื่อเรียนรู้โลกอย่างรอบด้านในการสร้างสรรค์ส่ง เสริมสังคม และรู้จักทำความเข้าใจโลกแวดล้อมทั้งปัจจุบันและอนาคตที่กำลังเปลี่ยนไป รู้จักที่จะเชื่อมโยงเพื่อปรับกลไกรัฐให้เคลื่อนไหวแบบสร้างสรรค์เพื่อส่ง เสริมการพัฒนาสังคมให้เท่าทันกระแสคลื่นลูกใหม่

แต่กรณีนี้ ไม่มีการศึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นให้ละเอียด ไม่ได้มีการตรวจสอบความรู้เพื่อเข้าถึงคุณสมบัติที่มีอยู่ แต่กลับเดินหน้าใช้อำนาจไล่ล่า ซึ่งการทำงานแบบนี้นอกจากจะเป็นความล้าหลังของระบบราชการแล้ว ยังเป็นอุปสรรคขัดขวาง ความก้าวหน้าของประเทศ อย่างรุนแรงอีกด้วย! ถึงเวลาแล้วที่ หน่วยงานรัฐ ควรจะมี ทัศนะใหม่ ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้."



ผมขอถือโอกาสเปิดตัวโพสต์นี้ในด้วยบทความนี้นำไปก่อนล่ะกันนะครับ ประเด็นจริงๆเลย คงต้องขออุบไว้ก่อน แต่บอกได้ว่าเรื่องต่อๆไปที่จะเขียนถึงคงเป็นเรื่อง "ความเป็นความตาย" ที่เป็นภัยใกล้ตัวที่กำลัง"ล่อลวง" และหลบซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนอย่างคาดไม่ถึง แต่พอจะบอกใบ้ให้ว่าเป็นเรื่องระหว่าง ผม ป้าเช็ง อิลลูมินาติ NWO(การจัดระเบียบโลกใหม่) สุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บของผู้อ่านทุกๆท่านนั่นเอง อย่าพลาดครับ!!


ลิ๊งค์สำหรับเฟสบุ๊ค :
The Gold War Phase II...by Jimmy Siri บน Facebook

7 ความคิดเห็น:

  1. อิอิ รอติดตาม อย่างใกล้ชิด ชิดใกล้ ครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ9 เมษายน 2554 เวลา 23:18

    แม่ผมทำน้ำหมักมาร่วมๆ จะปีแล้วครับ หมักทุกรูปแบบของป้าเช็งเลย ขนาดผมยังบ่นๆกลัวว่าจะสะอาดไม่พอเลย มีทั้งไวน์หมัก ผลไม้หมักรวม และเศษอาหารเจหมัก เคยลองชิมน้ำองุ่นกับกล้วยหมักอร่อยดีครับ แต่อย่างอื่นไม่กล้าลอง ไว้รอคุณจิมมี่มาเฉลยก่อนดีกว่าครับ

    วินซ์

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ10 เมษายน 2554 เวลา 06:51

    รู้สึกว่าเส้นทางของท่านกับผม เหมือนจะเป็นไปทางเดียวกัน เราอาจจะรู้จักกันมาก่อนก็ได้ LoL

    อย่าลืม ท่านยังติดค้างเืรื่องพระศรีอาริยะเมตไตร และ พระเยซูกับผมอยู่น๊ะครับ

    Verachai W.

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ10 เมษายน 2554 เวลา 07:51

    คุณวินซ์ น่าจะลองหากระชายมาหมักบ้างน๊ะ

    เพื่อนผมไม่ต้องพึงไวอากร้า ก็อาศัยสูตรนี้แหละ

    Verachai W.

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ14 เมษายน 2554 เวลา 19:15

    กินอยู่ครับ
    สูตรหมักนี้ผมเคยเรียนรู้จากคนแก่ ครับ
    พอดีเปิดไปเจอ ป้าเชง สูตร เหมือนกันเลย...

    Maalaachi

    ตอบลบ
  6. เพ็นนี โรจน์14 พฤษภาคม 2555 เวลา 19:56

    ที่บ้านทำน้ำหมักมาได้2เดือนแล้ว ผลไม้รวมค่ะทราบมาจากรุ่นพี่ลองทานดูปกติท้องผูกมาก3-4วันเข้าห้องน้ำครั้ง พอดื่มน้ำหมักก่อนนอนค่อนแก้ว ตอนนี้ถ่ายทุกช้าวแล้วค่ะจะลองทานไปเลื่อยๆ ได้ข่าวว่าปรับสมดุลด้วย จะลองต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ26 พฤษภาคม 2556 เวลา 15:36

    26-06-2013(2556)

    คนไข้ที่ใช้น้ำหมักป้าเช็ง ตาบอดไป 1 รายแล้ว

    น้ำหมักป้าเช็ง (เชื้อแลคโตบาซิลลัสมันมี 2ที่ หนึ่งในยาคูลท์ที่ นพ.ชาวญี่ปุ่นวิจัยไว้ สายพันธุ์ คาเซอิ อย่างที่ท่านว่า สองในช่องคลอดเด็กก่อนวัยรุ่น)ฮ่วย...ส่วนน้ำป้าเช็งมันเป็นน้ำเน่า ไม่ได้มีการควบคุมเป็นระบบปิดอะไรเลย สารพัดเชื้อโรคมันเลยเจริญได้ดี


    เรื่องอื่นผมไม่ทราบ แต่เรื่องป้าเช็งนี่แกโดนดำเนินคดีไปแล้ว

    ตอบลบ