วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

The Gold War ภาคพิสดาร ( 2 of 3 ).......มาทำความเข้าใจก่อนว่า...ทำไมคุณต้องอ่าน !!

ก่อนอื่นจะต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจใดๆของป๊าเช็งทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ท่านมีอยู่ก่อนแล้ว หรือธุรกิจในด้านสุขภาพใดๆ และบทความต่อไปนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อเชียน้ำเอนไซน์หรือที่เรียกกันติดปากว่า "น้ำหมัก" ของค่ายใดค่ายหนึ่งหรือแม้กระทั่งของป้าเช็งเองก็ตาม

เพียงแต่เรามีจุดร่วมกันตรงที่ต้องการเปิดเผยเรื่องราวหลายๆอย่างที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทยเพื่อนร่วมชาติโดยรวมครับ ซึ่งถ้าหากท่านใดที่ติดตามความเคลื่อนไหวของบล๊อคแห่งนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาคงเคยผ่านตามาในหลายๆบทความครับ ที่ผมเปิดเผยข้อมูลในด้านสุขภาพและอาหารการกิน ซึ่งทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับทั้งหมดที่ผมได้เก็บรวมรวมข้อมูลไว้ และด้วยความสงสัยถึงที่มาที่ไปจึงเป็นการศึกษาข้อมูล ค้นคว้าร่วมกันกับบุคคลากรทางการแพทย์ท่านหนึ่งและอยู่ในวงการแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ของบริษัทต่างชาติชั้นนำในประเทศไทย และทั้งหมดที่เราค้นคว้าและจะเปิดเผยคือข้อมูลที่เป็นประสบการณ์จริงทั้งหมดในวงการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีโอกาสเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ในต่างประเทศอย่างกว้างขวาง 

เพราะก่อนที่เราจะกลับมาอาศัยอยู่บ้านของเราหรือประเทศไทย เรามีโอกาสศึกษาเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ในฐานะบุคคลากรทางการแพทย์ในมลรัฐแมสซาชูเซ็ท ประเทศสหรัฐอเมริกา "ทั้งด้านสว่างและด้านมืด" ก็คือข้อมูลที่แพทย์หลายๆท่านอาจจะไม่เคยรู้ หรือรู้แต่ไม่บอก เพราะถ้าบอกแล้วอาจจะอยู่ในวงการไม่ได้ ต้องสูญเสียอาชีพหรือรายได้มหาศาลกันไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ผมจะพยายามเปิดเผยอย่างเจาะลึกให้ได้มากที่สุด "เท่าที่จะเปิดเผยในที่สาธารณะได้" แต่อย่างไรก็ดีขอให้ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมดเลยในทันทีครับ ควรจะมีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ในกรณีหรือประเด็นที่ท่านสนใจจริงๆ อย่างละเอียด และหลายๆแหล่งเพื่อการเปรียเทียบครับ 

ผมเชื่อว่าทุกประเด็นที่ผมกำลังจะเขียนต่อไปนี้ จะเป็นการเปิดสมอง หรือระเบิดสมองของคุณออก แต่ทั้งหมดอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า คุณต้อง "เปิดใจ" ครับ เอาความคิด ความเชื่อ วิชาการ และข้อมูลที่ถูกฝังหัวมาซ่อนไว้ ณ มุมใดมุมหนึ่งของสมองก่อน แล้วนำข้อมูลเหล่านี้เชื่อมโยงเข้าหากัน "ด้วยเหตุด้วยผล" ซึ่งผมเชื่อว่าคุณจะมองเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้ ที่เค้า "ล้อมดัก" หรือ "วางกับดัก" พวกเราไว้ในที่สุด

คงต้องพูดถึงความเชื่อมโยงกับคุณป้าเช็ง และช่อง Super Cheng ซักหน่อยครับ ก็คือข้อมูลต่างๆเหล่านี้ที่คุณจะได้อ่านในบล๊อค ก็คือข้อมูลชุดเดียวกันกับที่ป้าเช็งท่านจะนำไปเปิดเผยในรายการ หรือในช่องดาวเทียมของท่านนั่นเองครับ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา ความเข้าใจของท่าน และภาษาทางวิชาการแพทย์และเทคโนโลยี อาจจะทำให้ท่านเสนอผ่านสื่อไม่ได้ทั้งหมด และกรณีบางกรณียังเป็นการ "แฉ" ใส้ในของวงการอาหาร ยา เวชภัณฑ์ วงการแพทย์และสาธารณะสุข ที่ถูกครอบงำโดยเครือข่ายบริษัทข้ามชาติขนาดยักษ์ในระดับโลก 

โดยเฉพาะเครือข่ายหรือ "กลุ่มอิลลูมินาติ" ที่มีคนอีกจำนวนมายังเชื่อว่าเป็นเพียงทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดหรือว่ามีอยู่ในโลกภาพยนตร์เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายอิลลูมินาติในสายการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน ไวรัส และอาหาร ที่เป็นต้นเหตุหลักของโรคภัยไข้เจ็บหลักของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศไทยและคนไทยที่ถูกกระทำมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ที่สำคัญที่สุด "โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวครับ" ว่าเรากำลังถูกกระทำอยู่ หรือก็คือมันอยู่ที่ปลายจมูกเรานี่แหละแต่เรากลับมองไม่เห็น แต่ผลของมันกลับสามารถทำลายชีวิตมนุษย์ได้อย่างเลือดเย็น ไร้คุณธรรม เห็นแก่ได้ ด้วยกลยุทธแบบ " Soft Kill " คือค่อยๆฆ่าเหยื่อเหล่านั้นอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว และด้วยความเต็มใจของเหยื่อเอง ฟังแล้วอาจจะไม่น่าเชื่อใช่ไม๊ครับ แต่ผมจะพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อจุดประเด็นให้คุณฉุกคิด แล้วนำไปต่อยอด ทั้งหมดทั้งสิ้นก็เพื่อตัวคุณเอง คนที่คุณรัก หรือครอบครัวของคุณครับ

ดังนั้นประเด็นต่างๆเหล่านี้คือการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากหลายๆแหล่ง ซึ่งหลายๆข้อมูลไม่มีอยู่ในภาษาไทยครับ ซึ่งก็พอจะตีความได้ว่านั่นคือข้อมูลที่คนไทยโดยส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้รับรู้นั่นเอง และอีกบางส่วนที่ "สู้รบ" กันอยู่ในวงแคบๆ อยู่บนยอดของระบบปิระมิดแห่งผลประโยชน์บนชีวิตของคนไทย แต่ผลของมันกว้างใหญ่ไพศาล และกระทบกับชีวิตของผู้คนโดยรวมอย่างน่าหวาดกลัว ก็คือเรื่อง GMO หรือการตัดแต่งพันธุกรรมในพืช เพื่อมาเป็นอาหารให้เราบริโภคในชีวิตประจำวันนั่นเองครับ 

เป้าประสงค์ของวัคซีนหวัด 2009 คืออะไร หวัด 2009 คืออะไร ถ้ามันไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติแล้วเป็นฝีมือใคร โดยเฉพาะยิ่งพบกรณีการเสียชีวิตอย่างฉับพลันมากมายในผู้ที่รับวัคซีน "ในประเทศไทย" แล้วมีการปิดข่าว เค้าทำกันเป็นขบวนการอย่างไร  นั่นก็คือเรื่องของหวัด 2009 และวัคซีนหวัดชนิดนี้

ภาวะออทิสติดในเด็ก โรคความดัน เบาหวาน หัวใจ และโรคต่อเนื่องเหล่านี้มากจากไหน มะเร็งในส่วนต่างๆของร่างกายเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเป็นเพราะโรงพยาบาล หมอ หรือผลข้างเคียงจากการฉายรังสี และการตรวจร่างกายประจำปีเป็นสาเหตุของโรคเหล่านั้น ประเภท "ยิ่งตรวจยิ่งเจอ" แต่คนที่ไม่เคยตรวจกลับไม่เป็นอะไร มะเร็งทรวงอกหรือที่เรียกง่ายๆว่ามะเร็งเต้านมอาจจะมีสาเหตุมาจากการตรวจหาด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ทรวงอกหรือแมมโมแกรมหรือไม่

ความเชื่อมโยงของกลุ่มบริษัทข้ามชาติ โดยเฉพาะที่เป็น front หรือ ฉากหน้าของกลุ่มอิลลูมินาติ บริษัทผู้ค้นคว้า ทดลอง ผลิตและจัดจำหน่ายพันธุ์พืช ผู้ผลิตปุ๋ยและสารเคมี ผู้ผลิตและแปรรูปอาหาร แฟรนไชส์ธุรกิจอาหารฟาสฟู๊ดชื่อก้องโลก  บริษัทยา โรงเรียนแพทย์ และหมอ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ถ้าทั้งหมดอยู่ในเครือข่ายเดียวกันล่ะจะเกิดอะไรขึ้น หรือว่า มันได้เกิดขึ้นแล้ว แล้วพวกเพรากำลังรับผลกระทบของมัน?? แล้วถ้าเอามารวมเข้ากับระบบผลประโยชน์ ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ไร้จิตสำนึกและจรรยาบรรณของมนุษย์ในยุควัตถุนิยมในปัจจุบันแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น??

คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่หลายๆคนอาจจะเคยสงสัยครับ แต่น้อยคนที่จะมีหรือหาคำตอบ หรือแม้แแต่จะกล้าคิดไปถึง โดยเฉพาะในสังคมไทยหลายๆส่วน ที่สงสัยแต่ไม่กล้าแสดงออก ไม่รู้แต่ไม่กล้ายกมือถาม เชื่อถือกระดาษหรือหีบห่อมากกว่าคุณค่าหรือสิ่งที่อยู่ข้างใน ที่สำคัญที่สุดการถูกมอมเมาด้วย "เทคโนโลยีของต่างชาติ" จนเราทิ้งวิถึชีวิตความเรียบง่ายหรือความเป็นไทย(ไท) ห่างออกไปทุกที



NOTE : ข้อมูลเรื่องความเป็นจริงเรื่องฟลูออไรด์  การผสมแร่ฟลูออไรด์ลงไปในน้ำดื่มเพื่ออะไร?? ป้าเช็งได้นำไปเปิดเผยนำไปก่อนแล้วนะครับ ทางช่อง Super Cheng ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หรือคุณสามารถ สืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้คีย์เวิร์ด danger of fluoride, danger of water fluoridation, fluoridation, nazi water fluoridation จะมีทั้งข้อมลที่เป็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษครับ ซึ่งถ้าคุณรู้แล้วคุณอาจจะหลีกเลี่ยงโรคอัลไซเมอร์ ปวดตามข้อ และผลกระทบจากการที่หินปูนหรือฟลูออไรด์เหล่านี้ไปจับตามอวัยวะภายในส่วนต่างๆของร่างกายครับ!!

ลิ๊งค์สำหรับเฟสบุ๊ค :
The Gold War Phase II...by Jimmy Siri บน Facebook

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

The Gold War ภาคพิสดาร ( 1 of 3 ).......รู้จักกับป๊าเช็ง

‘ป้าเช็ง..อุดมการณ์ชีวภาพ’ และการต่อกรกับอำนาจรัฐ

บทความจาก: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2553 00:00:17 น
เขียนโดย: อ.อภิชาต ทองอยู่

"ผมเปิดดูรายการ “ซูเปอร์เช็ง” (super cheng) จากทีวีดาวเทียมช่อง 133 โดยบังเอิญ ตั้งแต่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว จากนั้นก็ติดตามดูเรื่อยมา เนื่องจากป้าเช็งสตรีวัย 72 ปี ที่ดูแข็งแรงเหมือนกับคนวัย 50 เคยมีข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ว่า ถูกเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พา ตำรวจ บุกจับกรณีน้ำหมักมหาบำบัด


ภูมิหลังของป้าเช็ง ป้าเช็งมีชื่อจริง ศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ เป็นนักธุรกิจที่ต่อสู้ชีวิตฝ่าความยากจนมาจนกระทั่งประสบความสำเร็จร่ำรวย ขึ้นมาด้วยตัวเอง ปัจจุบันมีธุรกิจบริษัทจดทะเบียนหลากหลายสาขา ตั้งแต่ธุรกิจซื้อขายที่ดิน เรือโดยสาร จนถึงเคเบิลทีวี รวม 18 แห่ง ทุนจดทะเบียนประมาณ 500 ล้านบาท เรียกว่า ร่ำรวยมาก่อนที่จะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องน้ำหมัก

ป้าเช็งเล่าว่า เคยเรียนรู้เรื่องการหมักจากพระภิกษุเมื่อ 40 ปีก่อน เมื่อคราวที่ตัวเองป่วยจึงได้นำน้ำหมักมารักษาตัว จากนั้นก็ขวนขวายศึกษาเรื่องนี้จากแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีผลให้อาการป่วยดีขึ้น ประกอบกับพ่อป้าเช็งเป็นผู้ที่มีความรู้แบบหมอยาพื้นบ้านด้วย จึงทบทวนรื้อฟื้นความรู้ที่เคยได้มาคู่ไปกับการหาประสบการณ์ตรง และการวิเคราะห์เชิงประสบการณ์มาเสริมความรู้ ทำให้ป้าเช็งปลูกฝังอุดมการณ์ชีวภาพให้กับตัวเองอย่างลุ่มลึก และออกมารณรงค์เผยแพร่เรื่องนี้ จนเกิดปัญหาถูกจับเป็นคดีความในเวลาต่อมา

กรณี น้ำหมักชีวภาพ หรือ การดูแลรักษาตัวเอง ด้วยการปรับดุลภาวะตามแนวทางการแพทย์ ตะวันออก นั้น มีความเป็นมา มีพื้นฐานวิธีคิดแตกต่างจากการแพทย์แบบตะวันตก และการแพทย์แผนใหม่อย่างมีนัยสำคัญอยู่หลายประการ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งสองแบบ แต่ประเด็นเหล่านี้คงปล่อยให้เป็นการวิวาทะและการพัฒนาร่วมกันของวงการแพทย์ ต่อไป

ความน่าสนใจของ กรณีป้าเช็ง คือประเด็น “ความรู้” และ “อำนาจ” เพราะเมื่อมีการนำ มะขามป้อม สมอ ลูกยอ บอระเพ็ด ลำใย มาหมักเป็นน้ำชีวภาพที่ป้าเรียกว่า “น้ำมหาบำบัด” หรือการส่งเสริมให้ผู้คนช่วยกันลดโลกร้อนโดยนำ “ขยะบ้าน” มาทำความสะอาดและนำไปหมักเพื่อปรับขบวนการชีวภาพเพื่อนำกลับไปใช้เป็นเชื้อ บำรุงดิน ปรับสภาพดิน นำไปทำความสะอาดบ้านเรือน ดูแลตัวเอง ที่ป้าแกเชิญชวนเรียกตลกๆ ว่ายี่ห้อ “กูหมักเอง” กลายเป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อผิดกฎหมาย จึงน่าตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองเรา?

กรณีนี้เป็นเรื่องความเลวร้าย เป็นความผิดที่ควรลงโทษป้าเช็ง? หรือเป็นความบิดเบี้ยวของ “ความรู้” และ “อำนาจ” ของกระแสหลักที่ครอบงำความคิดของสังคม? หรือเป็นความมักง่าย ล้าหลัง ไม่เอาไหน ไร้น้ำยา ของหน่วยงานและระบบการบริหารจัดการของรัฐกันแน่?

ที่จริงเรื่องน้ำหมักนี้นอกจากใน พระไตรปิฎก ได้ตราความว่า มะขามป้อม สมอ ลูกยอ และบอระเพ็ดนั้น สมัยพุทธองค์ได้นำมาหมักกับปัสสาวะเป็นน้ำมูตรเน่ารักษาโรคแล้ว ในประเด็น เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ยังเป็นกลไกสำคัญทางเศรษฐกิจใน เศรษฐมิติแห่งคลื่นลูกที่ 6 ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย ไม่รู้ว่า องค์การอาหารและยา (อย.) หรือ สำนักงานตำรวจ รู้เรื่องแบบนี้บ้างรึเปล่า?

ถ้าพิจารณาถึงประเด็น ความรู้เชิงประสบการณ์ ที่มีการสื่อสารเรียนรู้จากกลุ่มคนร่วมประสบการณ์เดียวกันผ่านการพบปะพูดคุย และผ่านสื่อทีวีช่องซูเปอร์เช็งอยู่ขณะนี้ จะเห็นชัดว่าความรู้เชิงประสบการณ์แบบของป้าเช็งกำลังถูก “เบียดขับ” และ “ทำให้เป็นอื่น” จาก วาทกรรมกระแสหลัก ที่อาศัยหลักการและกฎเกณฑ์ของการแพทย์ การสาธารณสุข แบบตะวันตก ที่มีอิทธิพลครอบงำความคิดผู้คนในสังคมไว้อย่างแนบนัยด้วยหลักการ วิทยาศาสตร์ ซึ่งวาทกรรมกระแสหลักที่ได้สร้างขึ้นมาในรูปของความรู้ชุดดังกล่าว คือแม่บทที่นำมาใช้สร้าง กลไกอำนาจ เพื่อจัดการกับ ความรู้แบบอื่น และ ความเคลื่อนไหวที่ต่างออกไป

การจัดการ กรณีป้าเช็ง โดยอำนาจของอย. และ ตำรวจ จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นการใช้อำนาจของวิธีคิดกระแสหลัก ที่มุ่งกดทับเบียดขับ ความรู้แบบของชาวบ้าน อย่างชัดเจน โดยอาศัยกฎเกณฑ์ที่สร้างทำกำกับไว้ แต่ผู้กระทำคงลืมไปว่าอีกด้านหนึ่งของการกระทำนี้ก็สะท้อนให้เห็นความล้า หลัง คับแคบ ความอับจนไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย!

ด้วยเหตุว่า ความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมโลกทุกวันนี้ องค์กรและหน่วยงานรัฐที่ทำงานเกี่ยวข้องกับผู้คนและสังคม ควรจะต้องปรับตัวปรับบทบาทเพื่อเรียนรู้โลกอย่างรอบด้านในการสร้างสรรค์ส่ง เสริมสังคม และรู้จักทำความเข้าใจโลกแวดล้อมทั้งปัจจุบันและอนาคตที่กำลังเปลี่ยนไป รู้จักที่จะเชื่อมโยงเพื่อปรับกลไกรัฐให้เคลื่อนไหวแบบสร้างสรรค์เพื่อส่ง เสริมการพัฒนาสังคมให้เท่าทันกระแสคลื่นลูกใหม่

แต่กรณีนี้ ไม่มีการศึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นให้ละเอียด ไม่ได้มีการตรวจสอบความรู้เพื่อเข้าถึงคุณสมบัติที่มีอยู่ แต่กลับเดินหน้าใช้อำนาจไล่ล่า ซึ่งการทำงานแบบนี้นอกจากจะเป็นความล้าหลังของระบบราชการแล้ว ยังเป็นอุปสรรคขัดขวาง ความก้าวหน้าของประเทศ อย่างรุนแรงอีกด้วย! ถึงเวลาแล้วที่ หน่วยงานรัฐ ควรจะมี ทัศนะใหม่ ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้."



ผมขอถือโอกาสเปิดตัวโพสต์นี้ในด้วยบทความนี้นำไปก่อนล่ะกันนะครับ ประเด็นจริงๆเลย คงต้องขออุบไว้ก่อน แต่บอกได้ว่าเรื่องต่อๆไปที่จะเขียนถึงคงเป็นเรื่อง "ความเป็นความตาย" ที่เป็นภัยใกล้ตัวที่กำลัง"ล่อลวง" และหลบซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนอย่างคาดไม่ถึง แต่พอจะบอกใบ้ให้ว่าเป็นเรื่องระหว่าง ผม ป้าเช็ง อิลลูมินาติ NWO(การจัดระเบียบโลกใหม่) สุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บของผู้อ่านทุกๆท่านนั่นเอง อย่าพลาดครับ!!


ลิ๊งค์สำหรับเฟสบุ๊ค :
The Gold War Phase II...by Jimmy Siri บน Facebook