วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Jesuits Order กับการยึดครองโลก

สิ่งที่ผมพยายามจะสื่่อครับ มันคือความพยายามล้มเศรษกิจ ทำลายล้างเพื่อลดประชากรโลก และก่อสงครามเพื่อนำไปสู่การยึดครองแบบเบ็ดเสร็จ หรือ NWO - New World Order โดยใช้องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เช่น สหประชาชาติ, IMF, WHO, ธนาคารโลก และศาลโลก (ที่มาโยนระเบิดไว้เรื่องพระวิหารย์ ทำให้เป็นปัญหามาจนทุกวันนี้) ผ่านสิ่งต่อไปนี้ครับ

1.ผ่านระบบการเงินการธนาคารที่เรียกว่าระบบธนาคารกลางหรือ Federal Reserve


2.ผ่านทางทำลายล้างชีวิตมนุษย์ในโดยเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น "HAARP" เพื่อสร้างแผ่นดินไหว ซึนะมิ ความแห้งแล้ง น้ำท่วม โคลนถล่ม เฮอริเคน และอีกเครื่องมือนึงที่กำลังจะมาคือ การปล่อยอาวุธชีวภาพที่มาในรูปของไข้หวัด 2009 และการฉีดวัคซีน (เราโดนไปรอบนึงแล้ว)

3.ผ่านทางความเชื่อของศาสนาหนึ่ง ซึ่งบิดเบือนคำสอนที่แท้จริง แล้วตรงนี้นี่แหละครับที่เป็นต้นตอของทั้งหมด ใช้ความเป็นผู้นำทางวิญญาณเป็นเครื่องมือ อิลูมินาติไม่ใช่ทั้งหมด แค่เป็นมือทำงานให้คนกลุ่มนี้ แต่ผมจะไม่อัดให้ทั้งหมดในทีเดียวเพราะมันจะแน่นเกินไป คุณจะไม่เชื่อหรอกครับ ถ้าไม่มีการพิสูจน์ ต้องใช้เวลาครับ คนกลุ่มนี้สั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พระและประชาชนชาวเซิร์บไป 800,000 คน ก่อนที่จะหนุนให้ฮิตเล่อร์ค่ายิวไปอีก 6,000,000 กว่า และในทุกสงครามที่ผ่านมาทั้งหมดของมนุษย์

4.ผ่านทางการทำให้เงินดอลล่าท่วมโลก แล้วดันให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนทองคำ ที่หนักกว่านั้นก็คือเอามาหนุนการพิมพ์ธนบัตรของแต่ละชาติ อันนี้สาหัสมาก "ซึ่งผิด" แต่ก็ทำจนสำเร็จ....... จึงเอาตลาดค้าทองคำโลกทั้งลอนดอนและนิวยอร์คมาเป็นเครื่องมีอ" ที่สำคัญมากตัวนึง ถ้าคุณจะเล่นกับทอง คุณต้องรู้ตรงนี้ครับ เพราะคุณหลุดเข้ามาแล้วโดยไม่รู้ตัว เค้าพูดถูก "ถ้าคุณหาแต่ทองคุณจะเสียชีวิตครับ" เพราะคุณอาจจะไปรับวัคซีนในข้อ 2 หรือไม่ก็หมดตัวเมื่อเงินดอลล่าลดค่าหรือล่มสลาย เพราะมันจะฉุดเงินบาทเราไปด้วยครับ แต่ถ้าคุณอยากรู้แค่ส่วนนี้เราก็ไม่ว่ากันครับ

สรุปก็คือเค้าใช้

1.อำนาจทางศาสนาคืออำนาจสูงสุด มีผู้นำ 2 คนแยกกันทำงาน ให้ตัวขาวนำทางจิตวิญญาณให้ดู Holy หรือศักสิทธิ์เข้าไว้ ส่วนตัวดำทำหน้าที่ที่เหลือจากตัวขาวทั้งหมดหนักๆ เลยคือการทหารครับ แและองค์กรนี้มีปัญญาเรื่องรักร่วมเพศสูงมาก มีคดีความฟ้องกันตลอด คือเป็นเกย์ซะเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะในลัทธิความเชื่อนี้เป็นชายทั้งหมดและห้ามแต่งงาน





ดูวีดีโอนี้ครับ "บุรุษผู้ทรงอิทธิพลงที่สุดในโลก.......ตัวจริง"
ตำแหน่งคือ Jesuits Superior Gerneral 
ชื่อ Adolfo Nicolas, The Black Pope



2.อำนาจการเงิน การธนาคาร ศูนย์กลางอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีคนที่รวยที่สุดในโลกเป็นคนควบคุมทั้งหมด รวมทั้งตลาดทองคำ***

3.อำนาจการทหาร อยู่ที่วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา มีกลุ่มทำงานแยกกันตามหน้าที่ เช่น

" CFR "ควบคุมนโยบายต่างประเทศ เป็นรัฐบาลเงา จัดรัฐบาลในหลายๆประเทศในกลุ่มเครือข่าย
 

" BILDERBERG  GROUP " เป็นที่ปรึกษาและการวางแผนระดับสูง และควบคุมนโยบายหลักๆ ของรัฐบาลในทุกด้าน
 

" THE ILLUMINATI " ควบคุมการทหาร และการสงครามทั้งหมด
 

" COMMITTEES OF 300 " หรือคณะบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในระดับโลกเพียง 300 คน จากทั่วโลก แต่โดยส่วนใหญ่จะมาจากสหรัฐ อังกฤษและยุโรป มีหน้าที่กำหนดทิศทางและควบคุมทรัพยากร การทหาร การเงินการธนาคาร แม้กระทั่งสงคราม และเกือบทุกอย่างบนโลกในนี้เพื่อให้เดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ คือ "รัฐบาลโลก" สมาชิกจะประกอบไปด้วยราชวงศ์ ผู้บริหารประเทศดับสูง นักการเมือง นักการเงินการธนาคาร  นักธุรกิจในระดับโลก ผู้บัญชาการทหารระดับสูง และอีกมาก (รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก!) (ลีสต์รายชื่อ คลิก!)
 

" MASONIC " หรือ " FREE MASON  " เป็นผู้นำระดับสูงมี 33 ระดับการปกครอง และประธานาธบดีสหรัฐหลายๆคนมาจากตรงนี้ครับ

(ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่ม YT,GG หรือ WIKI ชื่อแต่ละชื่อ จะออกมาเป็นชุดเลยครับ มีรูปเยอะ ดูกันเอาเองว่าใครเป็นใคร)



วีดีโอชุดนี้ความยาว 2 ชั่วโมงครับ "ชัดเจน"




ผมก็เป็นอีกคนที่เคารพในสิทธิเสรีภาพของความเชื่อหรือศาสนาครับ แต่ที่ผมต้องเปิดเผยเรื่องนี้เพราะพวกเค้าไปบูชาลัทธิแห่งความชั่วร้ายบางลัทธิ แล้วเอาเป็นข้ออ้างไปทำลายศาสนาอื่นทั้งหมด ทุกอย่างอยู่บนประวัติศาสตร์ มีเอกสาร หลักฐาน คลิปวีดีโอ ภาพถ่ายเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นครับ แล้วมันยังเป็นหัวใจของเรื่องซะด้วย เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลว่าจะคิดเห็นอย่างไร ไม่มีการชี้นำครับ เป็นการนำเสนอถึงภัยอันตรายอันใหญ่หลวงที่กำลังจะมาทำลายประเทศชาติและประชาชนอย่างเราๆนั่นเองครับ

สิ่งที่ผมต้องการคือให้คนไทย "รู้ทัน" ครับ คุณจะได้อะไรจากบล๊อกนี้แค่ไหน ผมคงบอกไม่ได้ คงขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง ถ้าคุณคิดว่ามีประโยชน์ก็อ่านต่อ ถ้าคิดว่าเป็นการเสียเวลา ก็แล้วแต่ครับ ไม่ว่ากัน

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทองคำปริศนา????

ทองคำปริศนา????


เจ้าของทองคำก้อนนี้ มีเชื้อสายเยอรมัน-ยิว มีหน้าที่คอยปรับราคาทองคำในตลาดโลก "เป็นรายวัน" ครับ อยู่ที่เค้าอยากจะให้เป็นเท่าไหร่ และเป็นเจ้าของตลาดค้าทองคำลอนดอนตัวจริง(LBMA) ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่จากประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าทรัพย์สินของตระกูลร๊อธไชลด์มีมากกว่า Bill Gate ประมาณ 500 เท่า เท่าที่ประมาณกันคือ $500-600 ทริลเลี่ยน ($500-$600,000,000,000,000) หรือครึ่งนึงของความมั่งคั่งทั้งหมดของโลกใบนี้ เป็นครอบครัวที่ปล่อยและทำกำไรจากเงินกู้ในสงครามที่ผ่านๆมาเกือบทั้งหมดของของมนุษยชาติ รวมทั้งฮิตเลอร์ครับ


ซ้ายสุดคือวอเรน บัฟเฟต ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นคนที่รวยเป็นอันดับ  2 ของโลก
ตรงกลางคืออาโนลด์ คนเหล็ก ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนีย
ขวาสุดคือผู้นำเครือครอบครัวร๊อธไชลด์คนปัจจุบันหรือก็คือท่านเซ่อร์เอเวอรินน์ ร๊อธไชลด์นั่นเอง

เค้าจะปล่อยให้ทั้ง 2 ฝ่ายครับ สงครามใหญ่ยิ่งได้ตังค์เยอะ ถ้าไม่มีสงครามจะไปปล่อยให้ใครล่ะ เอ้างั้นรอก่อนเดี๋ยวเดี๋ยวผมโทรไปวอชิงตันแป๊บให้เเพื่อนผมไปสั่งให้ CIA เข้าไปทำให้มีสงครามก่อน แล้วมากู้นะ ( แล้วกระซิบข้างหู ถ้าไม่กู้แล้วไปพิมพ์ เงิน Green Back ใช้เอง อาจจะจบลงเหมือนลินคอร์นนะ) แล้วเรายังมีอาวุธขายให้ด้วยนะ เดี๋ยวเราจะส่งเซลไปหาปธน.นายกหรือผู้บัญชาการเหล่าทัพของคุณนะ อยากดูตัวอย่างสินค้าของเราก็ดูในอิรัคก็ได้นะ เราทดลองและฆ่าไป 1,300,000 กว่าละ เราบริการครบวงจรนะ ผ่านเรื่องให้หน่อยนะ แล้วเอาคอมมิชชั่นไป มันมากกว่าเงินเดือนทหารที่คุณเป็นมาทั้งชีวิตอีก ไม่เอาจริงๆ เหรอ ดูมาเลเซียสิเค้ามีฝูงบินมาจากรัสเซียนะ คุณอ้างได้น่า กัมพูชาก็มาเหย็งๆ เอ่ออออ คือว่าเดี๋ยวผมขอปรึกษาผู้ใหญ่หน่อย ........กริ๊งงงงงง โทรไปอีกบริษัทที่รัสเซีย แล้วถามว่า ไหนของคุณให้เท่าไหร่นะ ไม่ใช่ราคานะ คอม(มิชชั่น)อ่ะ


  ครอบครับนี้มีตราประจำตระกูลครับ
และในตรานี้ซ่อนเครื่องหมายและอักขระของความชั่วร้ายไว้เต็มไปหมด


คลิปวีดีโอ ร๊อดไชลด์ครอบครัวที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลที่สุดในโลก






คลิปวีดีโอ 3 คลิปนี้จะอธิบายสิ่งที่ครอบครัวนี้ทำไว้กับมนุษยชาติ 
เช่นการล้มเศรษฐกิจในยุคต่างๆ การก่อสงครามเพื่อหาผลประโยชน์ 
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การก่อตั้งระบบธนาคารกลางเพื่อการควบคุมระบบการเงินโลก 

*** หาดูยากครับ เพราะจะโดนลบตลอด




เห็นความชั่วอันยิ่งใหญ่หรือยังครับ ใหญ่คับโลกขนาดนี้ แต่.......ครอบครัวนี้เป็นฝ่ายการเงินให้ "ตัวดำขาว" เห็นความเชื่อมโยงไม๊ครับ ช่วงปลายปี 2001 หัวหน้าครอบครัวนี้พาแฟนสาวไปเที่ยวนิวยอร์ ไปตามคำเชิญของเพื่อนเค้าที่ชื่อว่า "บุช" ที่วอชิงตันครับ ไปพักที่โรงแรงที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ห่างจากตึกเวิล์ดเทรดพอสมควร ห่างมากไม่ได้เดี๋ยวเห็นไม่ชัดครับ เพื่อนเค้าแค่ชวนมาดูโชว์ ......."การถล่มตึกเวิล์ดเทรดเซนเตอร์"  เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 4,000 คนนั่นเองครับ

Youtube, wiki : Rothschild Family


ถนนแห่งความยากลำบากทุกสายกำลังมุ่งไปสู่อเมริกา 
และการกันดารอาหารก็เป็นอีกหนึ่งที่สัญญาไว้

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

FDIC สถาบันรับประกันเงินฝากของสหรัฐ...จะไปรอดหรือไม่ และประเด็นที่น่าสนใจตอนนี้

FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) 

หรือ สถาบันประกันเงินฝากก็อาจจะต้องประกาศล้มละลายในที่สุด เรามาดูกันว่า Fed จะเข้าไปอุ้มหรือไม่ ถ้าอุ้มจะต้องใส่เงินเข้าไปอีกมหาศาล เพราะมีธนาคารที่รอล้มละลายอยู่อีก 300-1,000 แห่งทั่วประเทศ จากที่ล้มไปแล้ว 76 แห่งถึง ณ วันนี้ของปีนี้

วันที่ 24 Aug, 2009 FDIC จะมีการเปิดเผยงบดุลไตรมาส 2 ของกองทุน และเป็นที่ทราบกันในวงในว่า เงินสำรองของกองทุนเหลือเพียง 2 Billion หรืออาจจะหมดลงแล้ว จากการที่ต้องเข้าไปค้ำประกันเงินฝากของธนาคารที่ล้มละลายไป เพราะฉะนั้น ข่าวจะออกอย่างเป็นทางการวันที่ 25 Aug นี้ และ มีความเป็นไปได้ที่ วันที่ 26 Aug อาจจะเกิดการแห่ถอนเงินของผู้ฝากจากทั่วประเทศ และทำให้ระบบธนาคารต้องเสี่ยงกับการล้มลงในที่สุดหากแก้สถานการณ์ไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีข่าวลือออกมาเป็นระยะ เรื่องการทยอยปิดธนาคาร เพื่อทำการปฏิรูปครั้งใหญ่ เริ่มมีหลักฐานเป็นเอกสารคือ Executive Order สั่งการออกมาจากรัฐต่างๆ เรื่องการเปิดปิดการให้บริการทั้งสาขาของธนาคาร และดู้เอทีเอ็ม


ตัวเลขผลประกอบการเงินกองทุน


Fed ซ่อนหนี้เน่าไว้ในระบบ และให้ธนาคารลงบัญชีเท็จเพื่อชลอการล้มละลายของธนาคารจำนวนมหาศาล เพราะถ้าเข้าไปซื้อหนี้เน่าออกมา จะต้องซื้อ ณ ราคาปัจจุบัน หรือ เรียกว่าราคา Mark to Market ธนาคารเหล่านี้ก็จะต้องลงบัญชีตามจริงทันที ก็จะแสดงภาวะขาดทุนอย่างรุนแรง บางแห่งจะต้องล้มละลายหรือจะต้องเพิ่มทุนทันที ซึ่งในภาวะอย่างนี้การเพิ่มทุนคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ก็ล้มละลายอยู่ดี แต่การที่รัฐพยายามสร้างภาพของการฟื้นตัว ก็ปล่อยให้ล้มไม่ได้อีก ก็เลยตกลงกันว่า "ซ่อนไว้ก่อนก็แล้วกัน"





ยังมีหลายประเด็นสำคัญๆ ครับ ประเด็นแรกสำหรับใครที่ยังไม่เคย หรือเพิ่งจะเข้ามาอ่านโพสต์นี้ ผมอยากบอกให้รู้ว่า หลังจากที่อ่านโพสต์นี้แล้ว คุณจะต้องกลับไปอ่านตั้งแต่หน้าแรกครับ เพราะทุกเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเหมือนจิ๊กซอแต่ละตัวที่ต้องเอามาเรียงร้อยและต่อกันครับ ทำไมหรือเพื่ออะไรเหรอครับ...... "เพื่อตัวคุณเองครับ"........ ถ้าคุณกำลังอยู่ระหว่างการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ หรือทองคำแท่ง คุณกำลังอยู่ในใจกลางของสงครามครับ "The Gold War" หรือ"สงครามทองคำ"ครับ ในทางลึกมันคือ "สงครามระหว่างความดีและความชั่ว" ครับ 

ในโพสต์นี้จะไม่มีคำว่า Hi เท่าไหร่ Low เท่าไหร่ สามเหลี่ยมทิ่มตรงนั้น ทิ่มตรงนี้ แล้วเอ้า.......เอาไปแทง........ แล้วมีในวงเล็บว่า (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ผู้วิเคราะห์ไม่มีส่วนร่วมรับผิดชอบใดๆ ในการนำข้อมูลไปใช้) ก็คือ "เดาครับแล้วจะไม่รับผิดชอบด้วย" แต่ถามว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมันอาจจะทำลายคนอื่นครับ เงินที่เค้าเก็บออมมาอาจจะตลอดทั้งชีวิต แต่คนส่วนใหญ่ก็ "ไปแทง" ตามนั้น สิ่งที่เค้าวิเคราะห์ ถ้าอยากจะทำต้องระวังสิ่งที่เค้าซ่อนไว้ และทำด้วยความรับผิดชอบครับ ระวังการไปเอาสิ่งที่ถูกเค้าหลอกมาบอกคนอื่นอีกที โดยเฉพาะการไปเอา Quote ข่าวจากสำนักข่าวตะวันตก เช่น Reuters, CNN, The Sun, Bloomberg  อะไรพวกนี้ต้องระวังครับ ฟังได้แต่อย่าเชื่อทั้งหมด ครึ่งนึงคือความจริงที่เรียกว่าข่าว แต่อีกครึ่งนึงเป็น Propaganda หรือการชี้นำครับ

ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หรือปี 1900 ต้นๆ สื่อหลัก 12 บริษัทในอเมริกา ที่ครอบคลุม ทั้ง วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ถูกกว้านซื้อโดย นายธนาคารชื่อ JP Morgan ครับ(ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มการเงินจากอังกฤษและยุโรป) และได้รับการต่อต้านจากรัฐบาลเหมือนที่เราเคยทำไงครับ แต่สุดท้ายรัฐบาลชนะครับ และพยายามริดรอนกำลังของเค้าด้วยกฏหมายครับ เค้าเปลี่ยนแผนครับ เค้าซื้อสื่อไม่ได้ งั้นซื้อรัฐบาลเลยดีกว่า และเค้าทำสำเร็จครับ ในปี 1913 แล้วในช่วงคริสต์มาสของปีนั้นเค้าก็ยัดเยียด 2 สิ่งให้กับประเทศชาติและประชาชนครับ คือ FED (Federal Reserve) และ CIA (Central Intelligent Agency) หลังจากนั้นก็เข้ายึดครอง 90% ของสื่่อในอเมริกา ด้วยระบบเครดิต การเงิน การธนาคาร และ Central Bank หรือธนาคารกลาง ปัจจุบัน สื่อ 12 บริษัทนี้ก็ได้แตกกิ่งก้านสาขาออกไป กลายเป็นสื่อขนาดกลางและขนาดใหญ่ อย่างน้อย 12,000 บริษัท ครอบคลุมทั่วพื้นภิภพครับ


'Truth" หรือ "ความจริง" คือสิ่งที่คุณต้องหาครับ Wiki ชื่อองค์กรเหล่านั้นที่คุณสงสัย ใครเป็นเจ้าของ ใครถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นไขว้ไปหรือมาจากที่ไหนบ้าง ถ้าเป็นบริษัทให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็น นอมีนี่ ขุดต่อครับ ลากมันออกมาแล้วถามหาความจริง 

ประเด็นที่ 2 ฮ่องกง(จีน) Call in หรือเรียกคืนทองคำที่ฝากอยู่ที่อังกฤษ กลับเข้าประเทศแล้วบอกว่าเค้าสร้าง Vault หรือสถานที่เก็บที่เพิ่งสร้างเสร็จและมีความปลอดภัยสูงสุด ใกล้ๆ สนามบินของเค้าครับ เรามาช่วยกันวิเคราะห์ครับว่าเกิดอะไรขึ้น

สำหรับผม "นิทาน" เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จีนอ้างว่าเค้าก็มีที่เก็บใหม่แล้วนะ แล้วความปลอดภัยก็สูงกว่าด้วย อืมมมมมม มีเหตุผล แต่จีนเกิดความไม่มั่นใจหรือเปล่า กลัวอังกฤษอมทองหรือเปล่า จีนไม่เอาแค่รายงานที่เป็นกระดาษแล้ว เอาของจริงคืน มันก็สอดรับกับข่าวอื่นๆ ของจีนครับ แล้วทองจีนไปอยู่กับอังกฤษได้ไงล่ะ เค้ากู้ไปครับแล้วต้องคืนพร้อมดอกครับ เอาไว้เผื่อเวลามีองค์กรระหว่างประเทศมาตรวจสอบหรือ Audit ครับ อ้าวแล้วทองอังกฤษไปไหนหมดล่ะ ก็เอามาทุ่มตลาดกดราคาทองมาตั้งหลายสิบปีไง ผมว่าอาจจะมีการต่อยกันก่อน ถ้ามาบอกจีนว่า "หมกเลี่ยว" จีนจะให้เพื่อนชื่อพี่หมี แจวเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปทวงให้แน่นอน หนาวครับ

ทั้งเมกาทั้งอังกฤษทำเหมือนกันครับเอาทองตัวเองที่มีทุ่มตลาดมาตลอดหลายสิบปี "กดราคาทองไว้" แล้วทำไมคนอื่นยอมล่ะ "ผลตอบแทน" ไงครับ ราคาทองถูกกดมาหลายสิบปี แทบไม่มีผลตอบแทนอะไร แต่มันเป็นเงินก้นถุงของชาติครับ หลวงตาบัวถึงห้ามให้พวกนักการเมืองวิสัยทัศน์สั้นนำทองออกมาขาย ถ้าเอาไปโดนเขวี้ยงด้วยกระโถนหมากแน่แก ธนาคารชาติของแต่ละประเทศ ก็เอาทองไปให้นักเลงพวกนี้กู้ครับ ใครกล้าไม่วางใจ เจอมิกครับหรือไม่ก็เอฟ หรืออาจจะโดนแมคโดนัลครับและฟาสต์ฟู๊ดต่างๆ (อันนี้เป็นการบ้าน ไปคิดเอาเอง ถ้าลืมเฉลยทวงละกันนะ)

ที่จริงแล้วมีอีกหลายชาติที่มีความเคลื่อนไหวแบบนี้ครับ คือ Call In ทองตัวเองกลับประเทศตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาทั้งเป็นข่าวและไม่เป็นข่าว หนึ่งในนั้นคือเยอรมันครับ 



ประเด็นที่ 3 จีน ซื้อ IMF Bond (SDR=Special Drawing Right) 50 Bln. อย่างเปิดเผยและเป็นทางการ ประกาศไปเลยว่าไม่ซื้อพันธบัตรของไอ้กันแล้ววววววว ที่ซื้อกับ IMF เพราะ

1.พันธบัตร IMF มีทองหนุนครับ
2.ดั๊มดอลล่าหนีตาย จ่ายด้วยดอลล่าครับ

ดูเหมือนจีนจะฉลาดและมีทางเลือก และแก้ปัญหาได้ใช่ไม๊ครับ แต่ในทางลึก(สุดใจ) เป็นเกมส์ของฝั่งไอ้ดำขาวครับ ลองไปค้นดูครับการออก SDR ตัวนี้เคยทำอยู่ช่วงนึงนานมาแล้ว อย่าลืมครับ ใครตั้ง IMF ก็เมกาอีก ต่อไป SDR ตัวนี้แหละจะมาเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ หลังจากดอลล่าล้มพร้อมปอนด์ แล้วลากกันล้มทั้งระบบเงินกระดาษ เรียกได้หลายชื่อมากเช่น World Currency, Super Currency, One World Currency เข้าทางไอ้ตัวดำตัวขาวเลย UN เป็นรัฐบาลโลก หรือ World Government, IMF เป็นธนาคารกลาง, ศาลโลกก็มีแล้ว เค้าวางไว้แบบนี้ครับ แต่ประชากรโลกดูเหมือนจะเยอะเกินไปนะ ควบคุมลำบาก แย่งกันกินใช้ ทำลายธรรมชาติ เอาไงดีน๊าาาาาา เราก็รวยซะขนาดนี้ทำไมต้องมาทนเหม็นสาปกับมนุษย์พวกนี้ (มันหมายถึงผมกับคุณครับ)

ไอ้ตัวดำขาวเค้าเลือกอนาคตให้พวกเราแล้ว แล้วมันกำลังจะมาครับ ลดด้วย Swine Flu และวัคซีน ไงครับ แล้วปิดด้วย WW III หรือ สงครามใหญ่ที่กำลังจะมา น่าจะเกือบหมดนะ มันตั้งเป้าไว้ให้ได้ซัก 90% ครับ ที่เหลือเอาไว้ทำแรงงานและจ่ายภาษี เป้าหมายแรกคือมนุษย์ที่มีความเชื่อต่างจากไอ้ดำขาวนี่ครับ และคนทีไม่มีเท่าเค้าครับ (อีกสุดยอดขององค์ความรู้นึงของมนุษย์คือหาให้เจอว่าไอ้ดำขาวนี่เชื่อในอะไร แล้วคุณจะเครียด นอนไม่หลับ สงสัย และมีแต่คำถามที่ไม่มีคำตอบ เหมือนที่ผมเคยเป็น แล้วก็คิดว่าเออเราต้องกลับบ้านแล้วล่ะ) มันบ่มกำลังจะสุกแล้ว ใครเป็นคนขายและส่งอาวุธทำลายล้างสูง ไปในทวีปต่างๆ ทั่วโลกครับ "บางประเทศแทบไม่มีจะกิน แต่มีนุค (นิวเคลียร์ ไม่ใช่ดารานะ ) จัดฉากเรื่องเกาหลีเหนือ และอิสราเอล ถ้าตอบว่าเมกา อังกิด และมันทำงานให้ใครครับ เห็นภาพหรือยังครับ เค้าเล่นกันยังไง 

ตื่นครับ "จะทะเลาะกันไปถึงไหน จะเรียกร้องไปถึงไหน ถ้าคุณเข้าใจโลก คุณจะรู้ว่าเราเป็นประชาธิปไตยที่สุดแล้วครับ ทุกคนมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่ ไปไหนมาไหนได้สะดวก ไม่ถูกกดขี่ทางภาษีมากเกินไป มองและภูมิใจในสิ่งที่มี จะเรียกร้องมากกว่านี้ไปทำไม มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีประเทศ " หลายประเทศต้องตีกันเองภายในจนสิ้นชาติก่อนแล้วถึงจะคิดกันได้  "ถึงเวลานั้นไม่ต้องมารักชาติ มันไม่มีแล้ว".....สิ่งที่คุณเห็นมันเป็นสงครามตัวแทน ใครแทนใคร แล้วใครแทนใคร แล้วใครแทนใครอีกชั้นนึง 

ใครที่รอ Anti Christ "แอนไท ไครสต์" อยู่ ไม่ต้องไปหา มันอยู่นี่แล้วครับ มันพรางตัวมาตลอด แล้วมันพรางยังไงเข้า Youtube หา Antichrist Delusions ครับ ยังไม่ต้องเชื่อที่ผมบอกเล่ามาทั้งหมดนี้ Do your own research หาข้อมูลครับด้วยตัวคุณเอง หาความจริง อย่าบอกว่าไม่มีเวลา มันใกล้ตัวเกินกว่าที่คุณจะรู้สึกได้ครับ สำหรับผมจะใช้เวลากับคุณอีกซักพัก แล้วผมจะทำให้คุณ "Undeniable" หรือ "ปฏิเสธไม่ได้ครับ"

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อเมริกาฟื้นแล้ว (Green Shoot) จริงหรือ??? (2/2)

ต่อจากตอนที่แล้วว่าอเมริกาฟื้นหรือยัง ขอให้ดูกราฟนี้ประกอบ กราฟนี้เป็นภาวะตลาดหุ้นเมื่อครั้งเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกครั้งใหญ่เมื่่อปี 1929-1930 ถ้าเรากลับไปดูประวัติศาสตร์ว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะเห็นว่าเป็นภาพเดียวกันหมด เพราะกลุ่มคนที่ทำและล้มเศรษฐกิจครั้งนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน วิธีการเดียวกัน มีจุดประสงค์เดียวกัน จำไว้นะครับว่า เมื่อเศรษฐกิจพัง ไม่ใช่ทุกคนจะต้องจนลงกันหมด แต่.... จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า หรือมองออกจะต้องไปดักตรงไหน เพราะหลักเศรษฐศาสตร์ก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีกฏเกณฑ์ตายตัวเสมอ และจะทำเงินได้มหาศาล มากกว่าเศรษฐกิจดีเสียอีก

กลับมาที่กราฟ จุดสูงสุดก่อนที่จะล่วงลงสู่จุด A ก็คือ DJI (dowjone index)ก่อนที่ตลาดจะถล่ม เมื่อเดือน Nov 08 แต่หลังจากนั้น หุ้นก็ดิ่งลงอย่างรุนแรง ลงมาที่จุด A ก็คือเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่ประมาณ 6,500 หลังจากนั้น DJI ก็เริ่มฟื้นตัวจากการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ของรัฐบาล หรือ Green Shoot และพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีปัจจัยรองรับ เพราะตัวเลขต่างๆ ติดลบหมด ที่บวกขึ้นคือหนี้เท่านั้น กลับไปที่ปี 1930 จากจุด A หุ้นก็ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เป็นเวลาติดต่อกันถึง 7 เดือน ไปจนแตะที่จุด B ทำให้เกิดภาพว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว หรือถึงจุดต่ำสุดแล้ว แต่......

ในปี 1930 จากจุด B หุ้นดิ่งลงอีกครั้งและลงอย่างถล่มทลายต่อเนื่องกันเป็นเวลาถึง 3 ปี จาก 290 จุดหลือเพียง 40 จุด ลดลงไปถึง 86% ในที่สุดก็ต้องปิดธนาคารและลื้อระบบกันใหม่ทั้งหมด หากเป็นไปตามนี้ จากเดือนมีนาคม DJI จะพุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง อาจจะขึ้นไปถึง 11,000-12,000 จุด แล้วก็จะถล่มลงอีก หลายกระแสวิเคราะห์ว่าอาจจะประมาณ Oct-Nov 2009 แต่ในภาวะหนี้และสภาพแวดล้อม ณ ขณะนี้ ถ้า DJI ถล่มลงอีกครั้ง ครั้งนี้ จะไม่ใช่ 6,500 แล้ว อาจจะลงลึกไปถึง 3,500 หรือ 1,500 จุด อย่างเลี่ยงไม่ได้

การฟื้นตัวที่เกิดขึ้นในปี 1930 เป็นเพียงการ "ล่อเข้าไปเชือด" ของกลุ่มทุนใน Wallstreet หรือเค้ารู้อยู่แล้วว่าสภาพความเป็นจริงคืออะไร จึงมีการปั่น และบิดเบือนตลาดของกลุ่มทุนของรัฐบาล เพื่อสร้างภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ล่อให้คนที่ไม่ทันเกม เข้าไปซื้อหุ้นที่ราคาต่ำเพื่อหวังกำไรจากการฟื้นตัว แต่กลายเป็นการเข้าไปถูกเชือดซ้ำ บริษัทเหล่านี้เทขายออกมาอย่างบ้าคลั่งและต่อเนื่อง และได้กำไรมหาศาลจากราคาหุ้นที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อเทขายจนหมด หุ้นก็หมดแรงขึ้นต่อ แล้วก็หักหัวลงไป 86% ต่อเนื่องยาวนานถึง 3 ปี ระวังประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยอีกแล้วครับ

Black Monday & นาฬิกาหนี้ของสหรัฐอเมริกา ( US Debt Clock )

"BLACK  MONDAY" 

คือ อาการและสีหน้าของนักเลงหุ้น(นักเล่นหุ้น) ระหว่างที่อยู่และหลังจากเดิน(ขาสั้นดิ๊กๆและมีอาการชักกระตุก)ออกจากห้องค้า หลังจากตลาดปิดทำการในวันจันทร์นั้นๆ ครับ คือหน้ามันจะดำสนิท ขู่และกัดทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้แต่มือตัวเอง แม้แต่แม่บ้านที่พยายามเอาน้ำมาเสริ์ฟและนวดเฟ้นให้หลังจากตลาดปิดช่วงเช้าและเข้ามาพักที่มุมแล้ว (มึนมากครับ เข้ามุมผิดอีกกกกก) แต่อาการยากเกินเยียวยาครับเพราะ คิ้วซ้ายแตกเลือดกระจาย หน้าบวมจนจำไม่ได้ พอเริ่มภาคบ่ายเดินออกจากมุม เหยียบเลือดตัวเองล้ม หัวฟาดจอคอมครับ แว่นหล่นหายอีก เพราะแม่บ้านโมโหเลยแกล้งไปทิ้งครับ ทุกทีมีทิปให้แต่วันนี้ "เธอเปลี่ยนไป" เลยขับรถกลับบ้านไม่ถูกครับเพราะไม่อยากเจอหน้าคนที่บ้านไปเอาเงินเค้ามาช้อนไว้เพียบ หมดอาลัยในชีวิต แล้วบอกกับตัวเองว่า "ตู.....ไม่น่าเลย เค้าก็เตือนมาแล้ว " ..............อย่าซีเรียสครับ เห็นภาพไม๊ครับ เอาเวอร์ชั่นจริงดีกว่านะ

การที่ตลาดหุ้นถล่ม(ไม่ใช่ตก)ลง เป็นเปอร์เซ็นที่สูงมากเช่นมากกว่า 10% ในวันจันทร์หนึ่งๆ ครับ ทำไมต้องเป็นวันจันทร์ เพราะเวลามีข่าวอะไรที่ร้ายสุดๆ รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เค้าจะรักและห่วงเรามาก เค้าจะ(ซ่อน กด ดึง เม้ม เหยีบบ)เอาไปประกาศวันศุกร์เย็นก่อนหน้านั้นครับเพื่อไม่ให้มีการ Panic หรือตื่นตระหนก(แต่พวกตัวเองบอกไปหมดแล้ว) แล้วหยุดเสาร์อาทิตย์ ระหว่างนั้นก็ซ่อมมันไปครับ แต่ซ่อมไม่เสร็จก่อนเช้าวันจันทร์ หาอะไรดีๆ มาประกาศเพื่อแก้ภายในวันจันทร์เช้าไม่ได้ "เละครับ" นักรบตายอื้อครับ เพราะไม่ได้พกยาดมไว้ในกระเป๋า ไปหายืมจากมาร์เก็ตติ้งก็ไม่ให้ เพราะดมอยู่ทั้ง 2 รูจมูกครับ

จากพวกข้อมูลภายในที่แอบปล่อยปล่อยไป ทำให้พวกขาใหญ่เช่นนักการเมืองที่เล่นหุ้น และกองทุนต่างๆไหวตัวครับ ส่งคำสั่งขาย ขาย และขายมารอไว้ทันทีที่มีโอกาสครับ สุดท้ายในวันจันทร์พวกเราสีหน้าจะเปลี่ยนไป แล้วมีเจ๊ผู้หญิงคนนึงร้องกรี๊ดๆๆๆๆๆๆ เพราะเพื่อนเค้าข้างๆ.......มีปีกออกมา และ.... "กลายเป็นแมงเม่าไปแล้วครับ" ....ไม่น่าเลย



Link นี้เป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญทุกตัว ซึ่งบอกสถานะทางเศรษฐกิจได้ทั้งหมดในหน้าเดียว ดูแล้ว ก็เตรียมพร้อมไว้หน่อย เพราะถ้าดูตัวเลขออกจะเห็นว่า อเมริกาเดินต่อไปลำบาก และอาจจะล้มได้ทุกวินาทีจากนี้ไปครับ

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เมื่อคนอเมริกันเริ่มตื่น การประท้วงต่อต้านรัฐบาลจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง "Silence No More"






จากการที่รัฐบาลโอบาม่า พยายามผลักดันกฏหมายต่างๆ ซี่งซ่อนความฉ้อฉลไว้ และเพื่อลิดรอนสิทธิพลเมืองอเมริกัน และปูทางไปสู่ระบบเผด็จการ ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาประชาชนที่เดือดร้อนจากการผลักดันกฏหมายเผด็จการต่างๆ เช่น
  1. Health Care Reform Bill
  2. Cap & Trade หรือ Carbon Tax Bill
  3. Stilmulus & Bailout Packages ต่างๆ
  4. การปรับขึ้นภาษีของรัฐต่างๆ
  5. Gun Confisticate Bill
การรวมตัวกันนี้เรียกว่า Tea Party และการประท้วงอย่างเงียบๆ นี้เริ่มส่งเสียงดังขึ้นทุกขณะ และกระจายไปสู่รัฐต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ ในอดีตที่ผ่านมา Tea Party ที่เกิดขึ้นที่ Boston รัฐแมสซาชูเซท นี่เองที่นำไปสู่ American Civil War หรือการปฏิวัติในอเมริกา และครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน เพียงแต่จะช้าเร็วเท่านั้นเอง เราจะเห็นความรุนเแรงในอเมริกาเพิ่มขึ้นทุกวัน และ Civil Unrest หรือ Riot ครั้งใหม่คงอีกนานแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อเมริกาฟื้นแล้ว (Green Shoot) จริงหรือ??? (1/2)

ถ้าใครที่ติดตามเศรษฐกิจโลกอยู่ตอนนี้จะเห็นภาพการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมๆ กัน ในอัตรา 40-60% โดยเฉพาะตลาดในเอเซีย ไม่แปลกครับที่การฟื้นตัวครั้งนี้นำโดยเอเซียเป็นหลัก เพราะ

1.เอเซียได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ลดลง แต่ไม่ได้เป็นต้นตอปัญหาที่แท้จริง
2.เกิดจากการเคลื่่อนย้ายทุนออกจากอเมริกา และยุโรป เพื่อหนีภาวะซบเซาของตลาดทุนในซีกโลกตะวันตก

เพราะฉะนั้นการฟื้นตัวในเอเซียไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ยังไม่ได้เปลี่ยนไปมาก นอกจากด้านการผลิตและการส่งออกของแต่ละประเทศ

แต่การฟื้นตัวของอเมริกา จะต้องระวังเพราะ ปัจจัยพื้นฐานไม่ใช่แค่เปลี่ยน แต่ไม่เหลืออะไรมากไปกว่าหนี้ หนี้จำนวนมหาศาลจากภาครัฐบาล ที่ไม่แก้ปัญหาให้ตรงจุด คือหนี้และการใช้จ่าย แต่กลับขุดหลุมฝังตัวเองให้ใหญ่ขึ้น โดยการสร้างหนี้เพิ่ม พิมพ์และอัดฉีดเงินเข้าระบบการเงินการธนาคารเพียงอย่างเดียว (แต่ไม่มีการปล่อยกู้เพิ่ม เหมือนที่ไหนก็ไม่รู้ คุ้นๆ) ซึ่งแฝงไปด้วยเบื้องหลังที่น่าเคลือบแคลง คือการสร้างและใช้วิกฤติ เพื่อดูดเงินภาษีของประชาชน เข้ากระเป๋ากลุ่มทุนของตัวเองโดยผ่านภาพของการเข้าไปแก้ปัญหา เช่น Goldman Sachs, JP Morgan, AIG และอีกหลายราย โดยที่กลุ่มทุนเหล่านี้มีการเชื่อมโยงกันทั้งหมด และผู้บริหารระดับสูงก็ร่วมอยู่ในรัฐบาลของโอบามา เช่น

Timmothy Geithner (ทิมโมที ไกเนอร์) รัฐมนตรีคลัง เคยเป็น CEO ของ Goldman Sachs, สมาชิก CFR และเค้ายังเป็นประธาน Fed ของ New York กล่าวคือเป็นทั้งผู้ก่อปัญหา แก้ปัญหา และเป็นผู้ควบคุมการแก้ปัญหาของรัฐบาล

Hank Paulson (แฮงค์ พอลซัน)อดีตรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลบุช เคยเป็น CEO ของ Goldman Sachs, สมาชิก CFR (Council of Foreign Relation) ผู้เชิดหุ่นหรือรัฐบาลตัวจริง มีหน้าที่วางแผน กำหนดนโยบาย สั่งการต่างๆ ให้รัฐบาลเงา(โอบาม่าเป็นหุ่นเชิด)ในวอชิงตันทำตาม แล้วยังเป็นตัววางต่ำแหน่งบริหารต่างๆ ในทำเนียบขาว และสภาคองเกรส กล่าวคือ เป็นทั้งผู้ก่อปัญหา แก้ปัญหา และเป็นผู้ควบคุมการแก้ปัญหาของรัฐบาล เหมือนเดิม


และมีอีกมากกระจายอยู่ในส่วนต่างๆ ในระดับบริหารของรัฐบาลโอบาม่า ซึ่งครึ่งหนึ่งของคนเหล่านี้ก็มาจาก CFR และที่เหลือเป็นบริษัทที่รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ที่สำคัญยังเป็นผู้ชงกฏหมายต่างๆ ที่เกียวข้องทั้งหมด และรู้ข้อมูลภายในของบริษัทเหล่านี้ทั้งหมด อย่างเช่นการ "ปล่อย" ให้ล้มของ Lehman Brother เพราะ Lehman Brother เป็นทั้งคู่แข่ง และเป็นเจ้าหนี้ของ Goldman Sach และ การที่ Lehman กระจายการลงทุนไปในยุโรป จึงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอเมริกา อังกฤษ และยุโรป 

การปล่อยให้ Lehman ล้มจึงเป็นการจุดชนวนระเบิดอีกลูกนึงให้ทางฝั่งอังกฤษและกลุ่มยุโรป ได้รับผลกระทบไปด้วยเต็มๆ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า รัฐบาลโอบาม่า ก็่มีการแฝงตัวของกลุ่มทุน Goldman Sachs อยู่ข้างในนั่นเอง มันเลยฟันกำไรเละเลย Record High อีกต่างหาก ในอเมริกาเรียกสิ่งนี้ว่า "Ponzi Scheme" (หาหนังสืออ่าน ดีมากครับ) และคนอเมริกัน จะถูกรูดทรัพย์ไปเรื่อยๆ โครงการรูดทรัพย์ต่อไปก็คือ Climate Change Bill หรือ Carbon Tax คือคนอเมริกันทุกคนที่ใช้รถจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มคิดตามไมล์ที่ขับในแต่ละปีครับเพื่อเอาไปช่วยหมี เอ้ยไม่ใช่ แก้ปัญหาเรื่องโลกร้อนครับ เห็นโฆษณาจะไปช่วยหมีที่ขั้วโลกเหนือกันใหญ่ ในขณะที่ทั้งอังกฤษและเอมริกากำลังจะล้มละลายอยู่แล้วครับ Prince Philip
CFR (Council of Foreign Relation) ผู้เชิดหุ่นหรือรัฐบาลตัวจริง มีหน้าที่วางแผน กำหนดนโยบาย สั่งการต่างๆ ให้รัฐบาลเงา(โอบาม่าเป็นหุ่นเชิด)ในวอชิงตันทำตาม แล้วยังเป็นตัววางต่ำแหน่งบริหารต่างๆ ในทำเนียบขาว และสภาคองเกรส อีกทั้งยังเป็นตัวการระดมสมองและวางแผนการล้มเศรษฐกิจขอสหรัฐและของโลกในครั้งนี้ครับ

Note: เรื่องภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change ใช้เวทีออสกาหลอกต้มคนทั่วโลกอีกแล้วครับ ไม่เป็นความจริง โลกร้อนขึ้นจริงครับแต่ไม่ใช่เพราะน้ำมือมนุษย์ เป็นวัฐจักรของธรรมชาติ แล้วจะเอากราฟมาอธิบายให้ฟังครับ วงการวิทยาศาสตร์ เค้าเรียกว่า Pseudo Science คือเอาวิทยาศาสตร์มาหลอกต้มหาเงินครับ เล่นกันเป็นขบวนการเหมือนเดิม

สิงคโปร์ ( Singapore )

ผมดึงมาจาก Wiki ให้ครับ พวกเราจะได้ตาสว่างครับ ผมไม่ชื่นชมประเทศนี้ เพราะ

"In 1819 the British East India Company established a trading post on the island, which was used thereafter as a strategic trading post along the spice route. Singapore would become one of the most important commercial and military centres of the British Empire, and the hub of British power in Southeast Asia".

แปลครับ ในปี 1918 บริษัท อีส อินเดีย ของอังกฤษ ได้จัดตั้งศูนย์กลางการค้าขึ้นที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการค้า ของเครื่องเทศต่างๆ และสิงคโปร์ได้กลายเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางทางการค้า และการทหาร ที่สำคัญของสหราชอาณาจักร หรืออังกิด (เอางี้นะง่ายหน่อย ) ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

แปลอีกทีครับเป็นภาษาคนที่พอจะรู้ประวัติศาสตร์บ้าง:

อังกิดเข้ามาล่าอาณานิคม ยึดสิงคโปร์ ยึดช่องแคบไว้ เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการค้าและการทหาร ตั้งฐานทัพและกองเรือ เพราะเรือต้องผ่าน ไม่ผ่านไม่ได้ถ้าจะส่งสินค้าออก เพราะการบินยังไม่ก้าวหน้ามาก ต้องเรือเท่านั้น อุดมันไว้ไม่ให้ออก จ่ายค่าผ่านทางมา โขกเข้าไว้ๆ หรือไม่ก็เอามาส่งแค่นี้ ราคานี้จะเอาไม๊ ไม่เอา ขนกลับไป สิงคโปร์ถึงได้เป็นคนกำหนดราคาสินค้าไงครับ และอีกทางนึงได้โควต้าจากจากหน่วยเหนือฝั่งเมกา อังกิด และยุโรปเกือบทั้งหมด ทั้ง Demand & Supply อยู่ในมือ

แต่น่าสังเกตุอย่าง อังกิด ลอยเรือมาครึ่งโลก เพื่อมาขาย Spice หรือพริกไทยเหรอครับ อ๋อ บ้านผมเรียกว่า " ฝิ่น " ครับ ใส่มาในเรือลำเดียวกันกับที่ไปมอมจีนบริษัทเดียวกัน บ้านเราและอีกหลายประเทศก็อัพ พริกไทยชนิดนี้ไปเยอะ สรุปว่า "ผู้ชนะเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์" จากฝิ่นเพี้ยนนิดนึงไปเป็นเครื่องเทศ งง

แต่ไทยห้ามขุดคลองคอดกระเด็ดขาด เค้าจะตายทันที เพราะฉะนั้นต้องซื้อรัฐบาลไทย หรือยึดประเทศไทย ซึ่งอยากได้มานานนนนน ถ้ากางแผนที่ดู เราอยู่ตรงกลาง เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และเดี๋ยวเผื่อมันจะขุด หมดอำนาจต่อรองทันที ........แต่ติด เล่นมันทุกไม้ มอมยาก็แล้ว แทรกซึมใน "หลาย" รัฐบาลก็แล้ว หว่านเงินก็แล้ว .......แต่ติด "พระอัจฉริยะภาพและพระบารมีของพระองค์ท่านทั้งสอง" ครับ พวกมันถึงไม่ชอบระบบกษัตริย์ไงครับ เพราะเข้าไม่ถึง ซื้อไม่ได้ เอาคนเสียบไม่ได้ งั้นหาทางใหม่วีธีเพื่อล้มดีกว่า ทำอะไรก็ได้เพื่อ "ตีสถาบัน" เพราะทำสำเร็จมาแล้ว ที่ฝรั่งเศษ รัซเซีย และจีน จับตัดคอและฆ่าหมด แล้ว"ยัดเยียด" สิ่งนึงให้คือ ประชาธิปไตย เย้ๆๆๆ มันดีน๊า อย่างนั้นอย่างนี้ เดี๋ยวแถมยาให้อีกหน่อย อืมมมมม...อาจจะไม่แนบเนียนเพิ่มตรงนี้หน่อย ต้องเลือกตั้ง โอ้โห เนียนเลยยยยยยย

"ประชาธิปไตยที่มีคนของฉันเป็นประมุข" เช่นอิสราเอล และ อีรัค 

เพราะฉะนั้น มันแทรกซึม ยึดครอง ซื้อรัฐบาล (เอ้า เอาไป 73,000) แล้วทำงานตามนี้ 1.ไปทำสนามบินให้เสร็จ เดี๋ยวจะมีสงครามแล้ว ต้องใช้ เอาใหญ่หน่อย Run Way ต้องแข็งๆ นะ เพราะเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นใหม่ต้องไปลงมันหนัก 2.เรื่องกฏหมายติดหนวด เหมือนที่ผมจากมาเลยครับหลักคิดเดียวกันเป๊ะ เรื่อง 3 จังหวัดภาคใต้คือ 911 ของเมืองไทยหรือเปล่าครับ ผมชื่นชมท่านครับ งานดีที่สุดเท่าที่่เราเคยมีมา ท่านช่วยลดหนี้ให้บ้านผม ผมติดค้างท่าน แต่ถ้าภาพตรงนี้ไม่เคลีย ผมอยู่ข้างท่านไม่ได้ ผมเลือกประเทศชาติครับ (ถ้าใครที่ต้องใช้ชีวิตในต่างแดนนานๆ ท่านจะเข้าใจว่าทำไม คนเหล่านี้จะรักชาติมากกว่ากว่าคนที่อยู่ในบ้านตัวเองเสียอีก ผมศรัทธาคำว่า "Patriot" ครับ เค้าพร้อมสละเพื่อชาติได้)

" Coup เลยครับถ้าต้องทำ" ผมไม่ได้ต้องการครับ แต่ต้องมีเหตุผลแบบถึงที่สุดแล้ว และอธิบายกับประชาชนได้ หาทางอธิบายให้เค้าเข้าใจ แต่ทุกอย่างต้องดีขึ้น "ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน" คณะที่มาใหม่ต้องสุดยอดดด ไม่ใช่ถูกจับมานั่งแบบมึนๆ งงๆ โปรดเกล้าแล้วยังงง นึกว่าฝันไป ถ้ามันต่อยใต้เข็มขัด เราเอาไม้ตีหัวมันให้สลบน่าจะ Make sense

โอ๊ยไม่ได้หรอก พวกนักวิชากินไปชวนนักวิชาเกินที่จบจากสถาบัน Top ten ของโลกที่เป็นของตัวดำกับตัวขาวซะส่วนใหญ่ (มันสอนมาว่ายูก็จ่ายตังค์มาตั้งเยอะแล้ว "ยูเป็นดอกเตอร์แล้วนะ ยูต้องเชื่ออย่างนี้ เอ้าเราคีย์ใส่หัวให้แล้วนะ อย่าไปล้มหัวกระแทก เดี๋ยวลืมแล้วจะเห็น"Truth" หรือ "ความจริง" นะ ต้องมาจ่ายตังค์เพิ่มอีกนะ) 2 คนนี้มาโวย โอ๊ยไม่ได้ ต่างชาติไม่ยอมรับ ใครล่ะต่างชาติ อ๋อ สิงคโปร์ เมกา อังกิด และพวกเค้า ตอบเค้าไปว่า เทียนอันเหมิน จีนต้องทำไปเท่าไหร่ แล้ววันนี้ทั้งโลกทำไมซื้อของจากจีนล่ะ ใครไม่ซื้อ ใครไม่ค้าขาย เค้ากำลังจะเป็นมหาอำนาจโลกแล้ว อยู่ที่เรามีอะไรให้เค้ามากกว่า ทั้งกินและเกินตื่นแล้วคิดครับ

กับสิงคโปร์ เราต้องอ่านเค้าให้ลึกๆ เลยครับ ประเทศนี้คล้ายๆ กับอิสราเอล คือเป็นตัวแทนให้ทั้งแขนซ้าย(อังกฤษ) และแขนขวา(อเมริกา) ซึ่งเป็นมือทำงานให้ทั้งตัวดำและตัวขาว (ที่นั่งอยู่บนหัวของกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ EU และสหประชาชาติ ซึ่งก็ของเค้าตั้งมากับมือ ไปหาดูมีรูปการลงนามในรัฐธรรมนุญของกลุ่ม EU รูปในเวบเป็นตัวดำครับ )


วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (อันใกล้)




"Novus Ordo Seclorum" ตราสัญลักษณ์ที่ถูกใส่ไว้ด้านธนบัตร 1 เหรียญ เมื่อปี 1938 มีความหมายอย่างไร ก่อนอ่านต้องเข้าใจก่อนว่า นี่ไม่ใช่ Conspiracy หรือทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด แต่เป็นเรื่องจริงที่อาจจะเหนือความเข้าใจของคนทั่วไป ที่กำลังเผาผลาญโลก ชีวิตคน และเศรษฐกิจ

บทความนี้เป็นช่วงเวลาประมาณ 3 ศตวรรษที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้ จะบอกถึงต้นกำเนิด การสร้างปัญหา ทิศทางที่ถูกวางไว้แล้วทั้งหมด การก่อกำเนิด จักรวรรดิ์นิยมอังกฤษ จักรวรรดิ์นิยมอเมริกา การปฎิวัติ กลุ่มคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง การวางรากฐานระบบการเงิน การธนาคารเพื่อยึดครองเศรษฐกิจโลก และ การจัดระเบียบโลก เพื่อไปสู่โลกยุคใหม่ New Age ที่มีการปกครองโดย
  1. New World Government รัฐบาลเดียวปกครองโลก (U.N. หรือองค์การสหประชาชาติ)
  2. New World Reserve Currency ทั่วโลกใช้เงินสกุลเดียว (เตรียมไว้แล้วกำลังมา หลังจากล้มเศรษฐกิจทั่วโลกได้แล้ว โดยการล้มเงินดอลล่าที่เป็นเงินสำรองสกุลหลักของโลก)
  3. New World Language ทั่วโลกใชัภาษาเดียวกัน
  4. New World Religion & Spiritual ศาสนา และ ศาสดาองค์ใหม่ (เตรียมไว้นานมากแล้ว เอาของเก่า ที่อยากเป็นมานานมาแล้ว แล้วมาบอกว่าเป็นของใหม่)
"Novus Ordo Seclorum" หรือ "New World Order" นั่นเอง

1.Global Power and Global Government: Evolution and Revolution of the Central Banking System

2.Origins of the American Empire: Revolution, World Wars and World Order: Global Power and Global Government: Part 2
http://silverbearcafe.com/private/08.09/origins.html




ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้ในปี 2008 เพียงปีเดียว มี American Citizen ที่ไหวตัว และตื่นแล้ว อพยพออกจากอเมริกาประมาณ 2 ล้านคน และได้ถ่ายโอนทรัพย์สินในสกุลดอลล่าไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก จนโอบาม่า ต้องนำกฏหมาย Patriot Act ที่่ออกมาใช้หลังเหตุการณ์ 9/11 เพื่อควบคุมการไหลออกของเงินไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก เพราะฉะนั้นยิ่งเคลื่อนไหวช้า การถ่ายโอนทรัพย์สินก็ยิ่งทำได้ลำบาก

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ประเด็นร้อนๆ.......

July 29 Obama เยื่อนจีน ซึ่งสรุปได้เพียงประเด็นเดียวง่ายๆ คือ ขอให้จีนช่วยซื้อหนี้ต่อไป หมายถึงการเข้าซื้อพันธบัตรของสหรัฐตามปกติ ดูเหมือนผลจะออกมาดี ดอลล่าอินเด็กซ์ USD บวกขึ้นทันที 1-2 จุด ราคาทองตกฮวบทันที เกือบ $30 แต่ในวันต่อมา USD (ดอลล่าอินเด็กซ์) ล่วงลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็สรุปได้ว่ามีการ Rebound ตามข่าว แต่จีนคงไม่เอาด้วยแล้ว ซึ่งก็สะท้อนความเป็นจริงของค่าเงินดอล

July 31 มีการเปิดตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจ GDP ออกมาน่าเกลียดกว่าที่คาดการไว้มาก ส่งผลให้ USD ล่วงลงเกือบ 1 จุด ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ส่งผลให้ราคาทองพุ่งขึ้นทันที $20.80 ซึ่งก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐโดยตรง

Unemployment Data

http://thecomingdepression.blogspot.com/2009/07/unemployment-figures-far-weaker-than.html

GDP
http://www.marketwatch.com/story/gold-falls-as-gdp-data-reduce-safe-haven-appeal-2009-07-31?dist=news

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บิน ลาเด็น กับอัฟกานิสถาน

มีเพื่อนเราถามมาว่ามีอะไรในอัฟกานิสถาน และทำไมทหารอเมริกันเข้าไปทำอะไรที่นั่นมาหลายทศวรรษไม่ยอมกลับบ้านซะที

คำตอบคือ มีครับมีมานานมากแล้วครับ " ไร่ฝิ่น " กับ "บิน ลาเด็น" ครับ ผมไม่แน่ใจว่าใหญ่ที่สุดในโลกหรือเปล่า และเคยเป็นของอังกฤษครับ จำสงครามฝิ่นของจีนกับอังกฤษได้หรือเปล่าครับ อังกฤษ(แขนซ้าย)ปลูก แล้วใช้บริษัท East India ขนมาขายและมอมเมาคนจีนครับ หลังจากที่เมาไปครึ่งประเทศแล้ว รัฐบาลจีนก็เริ่มสกัด อังกฤษไม่ยอมครับเอาปืนใหญ่ใส่เรือรบมาประชิดจีน แล้วจีนต้องยอมสงบศึกแทบจะยกฮ่องกงให้เค้าไป เลยทำเป็นให้เช่าไปไงครับ

ต่อมาให้เอมริกา(แขนขวา)ดูแลต่อ มีฐานทัพใหญ่อยู่ที่นั่นครับ ให้ CIA ที่ชื่อ "บิน ลาเด็น" เป็นคนดูแลให้ครับ ครอบครัว"ลาเด็น" ใช้เครื่องบินส่วนตัวเข้าออกน่านฟ้าอเมริกาเป็นว่าเล่น ไม่ต้องมีวีซ่าครับ เพราะเป็นคู่หูค้าน้ำมันกับ "บุชผู้พ่อ" ในนาม "คาไลน์กรุ๊ป" ครับ ลองเซิร์ชหาเรื่องนี้ใน Google Video หรือ Youtube ครับใช้ Key words " Bin Laden CIA, Bin Laden Bush connection" อะไรประมาณนี้ ดูหลายๆ อันครับ

ครับ บิน ลาเด็น เป็นเพียงตัวละครในเรื่อง 911 ไม่ได้ทำครับ ทำกันเอง ฆ่าคนของตัวเองไป 4,000 เพื่อพาอเมริกาเข้าสงครามอีรัคแค่นั้นเอง ผมถามคุณว่า คุณเชื่อเหรอครับว่า แสนยานุภาพระดับนั้น รบอยู่ 7 ปี ทหารตายไป 50,000 หมดไปหลายพันล้านเหรียญ จับแขกคนเดียวที่ซ่อนอยู่ในถ้ำตามหุบเขาไม่ได้ แต่ Suddam Hussein เป็น ปธน.มีทหาร กองทัพ กองกำลังป้องกันชาติ National Guard จรวดมิซไซล์ แต่ไปลากคอเค้าออกมาจากหลุมแล้วฆ่าได้ เรื่องนี้ "Stupid" ครับ

จุดนี้เป็นจุดตัดสินใจอีกจุดที่ผมกลับครับ เค้าฆ่าคนของตัวเองไป 4,000 เพื่อเรื่องนี้ เอาไว้จะเล่าและเอาหลักฐานจะจะให้ดูครับ เชื่อไปก่อนเลยครับ ไม่ต้องสงสัย หรือลังเลใจ จะโพสต์เร็วๆนี้ครับ ใกล้ๆ 9/11 ครับ

ก่อนที่เค้าจะใช้ระบบเงินกระดาษไปมอมเมาชาวโลก เค้าใช้ฝิ่นครับ และแปรสภาพไปเป็นสารเสพติดอื่นๆ เพื่อทำลายและยึดครองครับ พวกประเทศในแถบอเมริกากลาง และใต้ โดนไปเยอะ ใช้ยาเสพติดมอมเมา ทำให้สั่นคลอน (destabilize) ทำทีเข้าไปร่วมตามล่าพ่อค้ายาข้ามชาติ ร่วมมือกับรัฐบาลประเทศนั้นแล้วแทรกซึมเข้าไปในระดับต่างๆ ของรัฐบาลครับ สุดท้ายยึดผ่านระบบเลือกตั้งแล้วตั้งรัฐบาลท้องถิ่นที่มาจากพวกเค้าเองบริหารครับแล้วลำเลียงเหมือนเดิมครับ ทรัพยากรและทาสครับ


คงรู้จักประโยค In GOD we trust ที่อยู่บนธนบัตรของเค้านะครับ คำว่า "GOD" หรือพระเจ้าของเค้าตอนนี้ไม่ใช่.."พระยาเว"..พระเจ้าที่เค้าเคยเชื่อ เค้าทิ้งพระเจ้าของเค้า พระเจ้าที่ทรงสร้างเค้าเละประทานความยิ่งใหญ่ให้กับเค้าครับ คำว่า "GOD" ของเค้าตอนนี้คือ




G = Gold 

O = Oil 

D = Drug


ภาพโดยรวมของอเมริกา ณ เวลานี้คือ

1.อัตราการว่างงาน U6 = 20.50% พุ่งสูงถึงระดับ The Great Depression หรือเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1932 แล้ว และยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง


2.หนี้สาธารณะสูงถึง 11.50 Trillion ($11,500,000,000,000)


3.Federal Budget Deficit งบประมาณประจำปีขาดดุล อยู่ถึง 2 Trillion($2,000,000,000,000)จนถึงปลายปีอาจจะพุ่งขึ้นสูงถึง 4 Trillion ($4,000,000,000,000)และไม่มีแนวโน้มว่าจะตัด หรือ จัดสรรให้ลงตัวได้ อีก 11-12 มลรัฐทีมีปัญหาเช่นเดียวกัน และยากที่จะทำงบให้สมดุลย์ได้


4.จากผลของการทำ Quantitative Easing หรือการให้ธนาคารกลางพิมพ์เงินออกมาใช้ในโครงการต่างๆ จากอากาศ โดยไม่มีสินทรัพย์หนุน ทำให้เกิดฟองสบู่่ลูกใหม่ และทำให้ค่าเงินดอลล่าอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง แล้วเกิดเป็นภาวะเงินเฟื้ออย่างรุนเแรง หรือ Hyper-Inflation คือเงินเดือนในแต่ละเดือนอาจจะซื้อขนมปังได้ 1 ปอนด์ เพราะดัชนีราคาผู้บริโภคหรือ CPI จะพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง และเกิดการลดค่าเงินในที่สุด แต่ระบบเงินของอเมริกา เป็นเพียงกระดาษไม่ใช่ระบบที่มีทองหนุนหลังเหมือนประเทศอื่นในโลก จะนำไปสู่การล่มสลายของดอลล่าในที่สุด


5.สภาพความเป็นจริงของระบบการเงิน การธนาคารโดยรวมไปไม่ไหวแล้ว มีธนาคารอีกอย่างน้อย 1,000 แห่งที่พร้อมจะปิดตัวลงได้ทุกเมื่อ


6.หลายสิบปีที่ผ่านมา 70% ของภาคเศรษฐกิจอยู่ได้ด้วยการกู้ยืมเงิน และการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่การล่มสลายของระบบการเงิน และระบบเครดิต ทำให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อลำบาก ยังมีระเบิดเวลาอีกหลายลูกทำพร้อมที่จะเบิดทันที เช่น หนี้บัตรเครดิตทั้งระบบ เงินกู้เพื่่อการศึกษาและสวัสดิการต่างๆ การฟ้องยึดอสังหาริมทรัพย์ทั้งภาคครัวเรือน Residential และภาคการค้า Commercial 

7.ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ส่อเค้าว่าจะระบาดอย่างรุนแรงในช่่วง Fall ซึ่งจะเป็นตัวจุดชนวนให้เบิดพร้อมกันได้ทั้งหมด


8.การแก้ปัญหา Bail out ของรัฐพุ่งเป้าไปที่ภาคการเงินเพื่ออุ้มกลุ่มนายทุนของตัวเอง ซึ่งไม่ต่างจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของไทยเมื่อปี 1997 ผลที่ออกมาก็คงไม่ต่างกัน แต่จากปัญหาต่างๆ ข้างต้นจะทำให้อเมริกา ต้องถึงการล้มครึน และแปรสภาพไปเป็นประเทศในโลกที่ 3

พูดอย่างตรงไป ตรงมาก็คือ ในทางเทคนิคอเมริกาประสบภาวะ "ล้มละลาย" แล้ว การฟิ้นตัวของตลาดหุ้นเป็นเพียงการบิดเบือนกลไกตลาดของภาครัฐผ่านทางกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ต่างๆ ใน Wallstreet ซึ่งเอาไว้ตบตาคนที่มองแต่เพียงผิวเผิน แล้วเชื่อว่าฟื้้นตัวแล้ว

ภาพที่จะออกมาในขณะนี้คือไม่มีอะไรเหลือแล้วในอเมริกานอกจาก "หนี้" และ "แสนยานุภาพทางทหาร" แต่รัฐบาลใช้กลไกของ Wallstreet ในการสร้างภาพ เพื่อให้ดูว่าเริ่มฟื้นตัว ไปจนถึงจุดนึงที่ไข้หวัดใหญ่หลายสายพันธุ์ จะระบาดอย่างรุนแรง แล้วทำให้ความเป็นจริงเศรษฐกิจที่ล้มละลายอยู่แล้วระเบิดออกมา แล้วทุกอย่างที่ซุกไว้ จะออกมาพร้อมกันทั้งหมด แต่รัฐบาลจะอ้างความชอบธรรมว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาสำเร็จแล้ว แต่เกิดปัจจัยใหม่ที่ทำให้ถึงการล่มสลาย จึงมีความชอบธรรมที่จะอยู่ต่อไปเพื่อแก้ปัญหาต่อไป


องค์กรลับเละทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดในอเมริกา (American Conspiracy Theory)

" Jesuits Order "

มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความพยายามล้มเศรษกิจสหรัฐและเศรษกิจโลก ทำลายล้างเพื่อลดประชากรโลก และก่อสงครามเพื่อนำไปสู่การยึดครองแบบเบ็ดเสร็จ หรือ NWO - New World Order โดยใช้องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เช่น สหประชาชาติ, IMF, WHO, ธนาคารโลก และศาลโลก (ที่มาโยนระเบิดไว้เรื่องพระวิหารย์ ทำให้เป็นปัญหามาจนทุกวันนี้) ผ่านสิ่งต่อไปนี้ครับ 

1.ผ่านระบบการเงินการธนาคารที่เรียกว่าระบบธนาคารกลางหรือ Federal Reserve

2.ผ่านทางทำลายล้างชีวิตมนุษย์ในโดยเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น "HAARP" เพื่อสร้างแผ่นดินไหว ซึนะมิ ความแห้งแล้ง น้ำท่วม โคลนถล่ม เฮอริเคน และอีกเครื่องมือนึงที่กำลังจะมาคือ การปล่อยอาวุธชีวภาพที่มาในรูปของไข้หวัด 2009 และการฉีดวัคซีน (เราโดนไปรอบนึงแล้ว)

3.ผ่านทางความเชื่อของศาสนาหนึ่ง ซึ่งบิดเบือนคำสอนที่แท้จริง แล้วตรงนี้นี่แหละครับที่เป็นต้นตอของทั้งหมด ใช้ความเป็นผู้นำทางวิญญาณเป็นเครื่องมือ อิลูมินาติไม่ใช่ทั้งหมด แค่เป็นมือทำงานให้คนกลุ่มนี้ แต่ผมจะไม่อัดให้ทั้งหมดในทีเดียวเพราะมันจะแน่นเกินไป คุณจะไม่เชื่อหรอกครับ ถ้าไม่มีการพิสูจน์ ต้องใช้เวลาครับ คนกลุ่มนี้สั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พระและประชาชนชาวโครเอเชียไปที่เป็นคริสต์นิกายออโธดอกซ์็ไป 800,000 คน ก่อนที่จะหนุนให้ฮิตเล่อร์ค่ายิวไปอีก 6,000,000 กว่า และในทุกสงครามที่ผ่านมาทั้งหมดของมนุษย์ 


ดูวีดีโอประวัติศาสตร์นี้ครับ หาไม่ได้ในภาษาอังกฤษ 
เพียงเพราะเค้าไม่อยากให้มี 
ลองดูครับว่าเค้าทำอะไรไว้บ้าง มี 6 ตอนครับ  

" วาติกันกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ความเชื่ออื่น "





4.ผ่านทางการทำให้เงินดอลล่าท่วมโลก แล้วดันให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนทองคำ ที่หนักกว่านั้นก็คือเอามาหนุนการพิมพ์ธนบัตรของแต่ละชาติ อันนี้สาหัสมาก "ซึ่งผิด" แต่ก็ทำจนสำเร็จ....... จึงเอาตลาดค้าทองคำโลกทั้งลอนดอนและนิวยอร์คมาเป็นเครื่องมีอ" ที่สำคัญมากตัวนึง ถ้าคุณจะเล่นกับทอง คุณต้องรู้ตรงนี้ครับ เพราะคุณหลุดเข้ามาแล้วโดยไม่รู้ตัว เค้าพูดถูก "ถ้าคุณหาแต่ทองคุณจะเสียชีวิตครับ" เพราะคุณอาจจะไปรับวัคซีนในข้อ 2 หรือไม่ก็หมดตัวเมื่อเงินดอลล่าลดค่าหรือล่มสลาย เพราะมันจะฉุดเงินบาทเราไปด้วยครับ แต่ถ้าคุณอยากรู้แค่ส่วนนี้เราก็ไม่ว่ากันครับ

สรุปก็คือเค้าใช้

1.อำนาจทางศาสนาคืออำนาจสูงสุด มีผู้นำ 2 คนแยกกันทำงาน ให้ตัวขาวนำทางจิตวิญญาณให้ดู Holy หรือศักสิทธิ์เข้าไว้ ส่วนตัวดำทำหน้าที่ที่เหลือจากตัวขาวทั้งหมดหนักๆ เลยคือการทหารครับ แและองค์กรนี้มีปัญญาเรื่องรักร่วมเพศสูงมาก มีคดีความฟ้องกันตลอด คือเป็นเกย์ซะเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะในลัทธิความเชื่อนี้เป็นชายทั้งหมดและห้ามแต่งงาน

2.อำนาจการเงิน การธนาคาร ศูนย์กลางอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีคนที่รวยที่สุดในโลกเป็นคนควบคุมทั้งหมด รวมทั้งตลาดทองคำ***

3.อำนาจการทหาร อยู่ที่วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา มีกลุ่มทำงานแยกกันตามหน้าที่ เช่น

" CFR "ควบคุมนโยบายต่างประเทศ เป็นรัฐบาลเงา จัดรัฐบาล 


ตอนที่เหลือ
http://www.youtube.com/watch?v=xgF9E0ExlbE&annotation_id=annotation_840537&feature=iv
http://www.youtube.com/watch?v=40Qu-Il8koU&annotation_id=annotation_734544&feature=iv

" Bilderberg Group " เป็นที่ปรึกษาและการวางแผนระดับสูง และควบคุมนโยบายหลักๆ ของรัฐบาลในทุกด้าน
" illuminati " ควบคุมการทหาร และการสงครามทั้งหมด
" Committee 300 " (หรือเครือข่าย 300 บริษัทขนาดใหญ่ที่แตกลูกออกไปเป็นหมื่นๆ บริษัทแผ่ขยายไปทั่วโลก) ทำหน้าที่เชื่อมโยงธุรกิจการค้าทั้งหมด
" Mason " หรือ " Free Mason " เป็นผู้นำระดับสูงมี 33 ระดับการปกครอง และประธานาธบดีเกือบทั้งหมดมาจากตรงนี้ครับ

(ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่ม YT,GG หรือ WIKI ชื่อแต่ละชื่อ จะออกมาเป็นชุดเลยครับ มีรูปเยอะ ดูกันเอาเองว่าใครเป็นใคร)


วีดีโอชุดนี้ความยาว 2 ชั่วโมงครับ "ชัดเจน"



ผมก็เป็นอีกคนที่เคารพในสิทธิเสรีภาพของความเชื่อหรือศาสนาครับ แต่ที่ผมต้องเปิดเผยเรื่องนี้เพราะพวกนี้มันไปนับถือลัทธิซาตานลูซิเฟอร์ (ที่มีอยู่จริง) แล้วเอาเป็นข้ออ้างไปยึดครองและทำลายศาสนาอื่นทั้งหมด ทุกอย่างจะมีเอกสาร หลักฐาน คลิปวีดีโอ ภาพถ่ายเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นครับ แล้วมันยังเป็นหัวใจของเรื่องซะด้วย คงปล่อยไว้ไม่ได้ครับ เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลว่าจะคิดเห็นอย่างไร ไม่มีการชี้นำครับ เป็นการนำเสนอถึงภัยอันตรายที่กำลังจะมาทำลายพวกเราเท่านั้น

สิ่งที่ผมต้องการคือให้คนไทยรู้ทันเค้าครับ คุณจะได้อะไรจากบอร์ดนี้แค่ไหน ผมคงบอกไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง ถ้าคุณคิดว่ามีประโยชน์ก็อ่านต่อ ถ้าคิดว่าเป็นการเสียเวลา ก็แล้วแต่ครับ ไม่ว่ากัน