วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

หนังสือโอกาสทอง (จริงๆ)

เขียนไปเขียนมาก็เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วครับ ถ้านับเริ่มต้นจากการเขียนเรื่องพื้นฐานของทองคำในช่วงปลายปี 2009 และได้พาผู้อ่านหลายๆท่านติดปีกบินไปในหลายๆเรื่อง ที่ลึก ไกลและกว้างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ไปกันไกลมากแล้วครับ จนลืมไปว่าแล้วผู้อ่านที่เข้ามาใหม่ล่ะจะเริ่มตรงไหนดี เพราะหลายๆท่านเห็นข้อมูลแล้วก็อาจจะมึนครับ ว่าทำไม่มันเยอะแยะมากมายขนาดนี้

ซึ่งทั้งหมดนี่แหละครับคือเรื่องเดียวกันหมด คือโครงข่ายการจัดระเบียบโลกใหม่หรือ New World Order ที่เป็นทิศทางที่โลกใบนี้กำลังถูกบังคับให้เดินไป ไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่รู้ และเต็มใจหรือไม่ก็ตาม สถานการณ์ในโลกใบนี้ทุกด้านกำลังดำเนินไปอย่างรุนแรงและเข้มข้นในทุกๆ ด้านครับ ทั้งในด้านเศรษฐกิจโลก การเมืองโลก การสงคราม ภัยพิบัติ หรือจะว่าไปแล้วแทบจะทุกๆด้านก็ว่าได้ครับ

เรื่องหนึ่งที่ผมนำเสนอและเน้นมาตั้งแต่แรกเริ่มเลย ก็คือเรื่องของ "ทองคำ" ซึ่งในบล๊อกของผมจะมุ่งเน้นไปที่การลงทุนระยะยาวและเพื่อการป้องกันความเสี่ยงซะมากกว่าครับ ส่วนเรื่องการลงทุนระยะสั้นเพื่อทำกำไรหรือการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ ถือว่าเพื่อ "ความบันเทิง" หรือให้ได้ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจก็แล้วกันครับ แต่เมื่อไหร่ที่คุณทุ่มลงไปสุดตัวแล้ว ความบันเทิงจะหายทันที แต่ "ความเครียด" จะเข้ามาแทนที่ครับ หลายท่านที่เคยลองแล้วก็คงจะเข้าใจครับว่าผมหมายถึงอะไร ส่วนนึงนั่นก็เพราะความไม่แน่นอนของตลาดทองคำนั่นเอง

มีคำถามมากมายจากผู้อ่านที่เพิ่งเข้ามาที่นี่หรือในเฟสบุ๊คครับว่า ถ้าจะลงทุนในทองคำจะเริ่มจากตรงไหนดี คำตอบที่ผมตอบได้เลยทันทีคือ...เรื่องมันยาวครับ นั่นก็เพราะว่าไม่รู้ว่าจะตอบในแง่มุมไหนก่อนดี เพราะจะว่าไปแล้วก็มีตั้งแต่ขั้นพื้นฐานคือประวัติศาสตร์ของทองคำย้อนหลังไปหลายพันปี จนถึงขั้นจะเอาให้ทันเกมส์กลุ่มขาใหญ่นักทุบราคาในระดับโลกเลยก็มี ...ก็พอตอบให้ได้ครับ 

แต่โพสต์นี้ผมจะแนะนำ พื้นฐานการลงทุนในทองคำผ่านหนังสือซักเล่มหนึ่ง ก็คือ หนังสือ "โอกาสทอง(จริงๆ)" ซึ่งผู้เขียนท่านก็เขียนได้ครอบคลุม ลึกซื้ง แต่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ แม้ว่าท่านจะไม่มีความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ การเงินใดๆ มาก่อนเลย ซึ่งตรงนี้สำคัญมากครับ เพราะหนังสือในลักษณะเดียวกันนี้มีเยอะครับ แต่ที่อ่านแล้วเข้าใจ หรือที่จะทำให้เรารู้ในเรื่องที่ควรรู้จริงๆน่ะ หายากถึงยากมากครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นหนังสือทางวิชาการที่ใช้ภาษาสูงๆ ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ผู้เขียนท่านนี้ที่มีนามปากกาว่า " Nexttonothing " ท่านก็ให้โอกาสแวะเวียนมาแสดงความคิดเห็นในบล๊อกนี้มาช้านานด้วยเช่นกันครับ 


รูปด้านบนก็คือรูปเล่ม หน้าปกหนังสือ โอกาสทอง (จริงๆ) โดยคุณ Nexttonothing ซึ่งเนื้อหาของหนังสือจะเหมาะสำหรับท่านใดที่กำลังศึกษาเรื่องทองคำ เพื่อการลงทุน ลดความเสี่ยง และรองรับวิกฤตการณ์ทางการเงินที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสำหรับผมแล้วทองคำในวันนี้ไม่ใช่เพื่อการสะสม เพื่อแสดงความมั่งคั่ง หรือเป็นเพียงเครื่องประดับ ดังความเชื่อที่พวกเราเคยมีมาในอดีต แต่มันจะเป็น "เครื่องมือหลัก" ตัวหนึ่ง ในการต่อสู้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน เงินเฟ้อ และพิษภัยทางเศรษฐกิจที่กำลังเป็นเงาดำทะมึน อยู่ต่อหน้าเราในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ครับ

เนื้อหาของหนังสือจะครอบคลุมถึง :

ทุกวันนี้คนเราทำงานเพื่อแสวงหาเงิน แท้จริงแล้ว เงินคืออะไร ?

:excl: ทำไมราคาสินค้า ถึงต้องแพงขึ้นทุกปี ?

:excl: ทำไมไปธนาคารไม่ว่าสาขาไหน มีธนบัตรใหม่ ให้เราแลกได้ตลอด แล้วแบงค์เก่ามันหาย ไปไหน ?

:excl: ทำไมคนเป็นนักการเมือง ถึงรวย และ รัฐบาล ดูเหมือนจะมีเงินใช้ได้อย่างไม่มีวันหมด

:excl: ทิศทางราคาทองคำ จากนี้ไป จะเป็นอย่างไร ?

:excl: ทำไมราคาทองคำถึงขึ้นราคา อะไรทำให้ทองขึ้น ? อะไรทำให้ลง ?

:excl: คำแนะนำของผมคือทุกๆ คนควรซื้อทองคำครับ ... ทำไมล่ะ ?

-?- จะหายไป เมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบ มุมมองต่อโลกการเงินของคุณจะเปลี่ยนไป
และพบว่าแท้จริงแล้ว เรื่องพวกนี้ ไม่ได้ยากหรือซับซ้อนอะไรเลย ที่สำคัญ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
:


*****************
ซึ่งโดยส่วนตัวผมได้อ่านเนื้อหาไปมากพอสมควรครับ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าผู้เขียนสามารถถ่ายทอดรายละเอียดที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับเงินๆทองๆ ที่เป็นเรื่องปวดหัวสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ ให้กับผู้ที่จะได้อ่านทุกเพศทุกวัยเข้าใจได้ไม่ยากเลยครับ 

และหากท่านใดสนใจสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ ก็สามารถสั่งซื้อไปที่ผู้เขียนได้โดยตรง ก็คือ คุณ Nexttonothing ที่อีเมลล์

" ogadthong@gmail.com "   

โดยสอบถามข้อมูล ปัญหา ข้อสงสัย รายละเอียด การชำระเงิน และการจัดส่งทุกอย่างกับผู้เขียนได้โดยตรงเลยครับ โดยที่ผมและบล๊อก The Gold War Phase II ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆทั้งสิ้น อีกเช่นเดิมครับ...

ตัวอย่างบทความของผู้เขียน ในประเด็นเรื่อง QE หรือ Quantitative Easing โดย FED ในช่วงที่ผ่านมาครับ

QE2 กำลังจะมา

ก่อนจะพูดเรื่อง โอกาสทอง(จริงๆ) ขอตัดไปพูดเรื่อง QE2 กันก่อน เพราะกลัวเชยครับ เพื่อนๆนักลงทุนหากติดตามข่าวสาร
เรื่องการลงทุนตอนนี้ จะได้ยินแต่คนพูดถึง QE2 QE2 ของธนาคารกลางสหรัฐกันทั้งวัน ไม่พูดถึง ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ครับเดี๋ยวตกเทรนด์ :lol: :lol:

QE. คือ Quatitative easing :wacko:

แปลเป็นไทยได้ว่า "นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ"

ฟังแล้วมึนกว่าเดิม ผมขอแปลไทยเป็นไทยในความหมายของผมเองว่า นี่คือ "นโยบายพิมพ์เงินปริมาณมหาศาลออกจากอากาศ เพื่อ อัดฉีดเข้ากระตุ้นระบบศก."

QE2 จึงแปลว่า "นโยบายพิมพ์เงินปริมาณมหาศาลออกจากอากาศ เพื่อ อัดฉีดเข้ากระตุ้นระบบศก.ภาค2" นั่นเอง ภาค1 ผ่านมาแล้วตอน 2008 ครับ

จูนก่อนครับข้อเท็จจริง (Fact) (เผื่อว่าคุณยังไม่รู้ หรือ รู้มาบ้างแต่ยังไม่เคลียร์)

:excl: ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีสิทธิ์พิเศษกว่าชาติใดๆในโลก เพราะ เค้าสามารถ พิมพ์เงินออกจากอากาศ (Out of thin air)ได้ตามใจชอบ นี่คือ Fact

:excl: ดอลล่าห์ คือ เงินสกุลหลักของโลก "World reserved currency" นั่นทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สิทธิ์พิเศษอันนี้ เงินทุกสกุลจะรู้ว่าแข็งค่าหรืออ่อนค่า ต้องเอาไปเทียบกับดอลล่าห์ เพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่า "อัตราแลกเปลี่ยน" สิ่งนี้คือตัวบอกความแข็งหรืออ่อน เพิ่มค่าหรือลดค่าของเงินทุกสกุล นี่คือ Fact

ที่นี้ไม่ว่าคุณจะได้ยินคำพูดสวยหรู ขนาดไหน Quatitative easing, Stimulus package, Bail out ETC มาตราการทุกอย่างที่ประดิษฐ์ประดอยคำพูดกันขึ้นมาให้สวยหรู ขอให้เข้าใจไว้เลยว่า หลักสำคัญคือ "นโยบายพิมพ์เงินปริมาณมหาศาลออกจากอากาศ เพื่อ อัดฉีดเข้ากระตุ้นระบบศก." เหตุผลก็เพราะ

ธนาคารกลางของทุกประเทศ มี อาวุธคู่กายแค่สองอย่าง

1 อัตราดอกเบี้ย

2 พิมพ์เงิน

อัตราดอกเบี้ยของเมกานั้น ลดต่ำสุดหมอบติดพื้นไปแล้วที่ระดับ 0-0.25%
เพราะฉะนั้น เหลือทางเลือกเดียว คือ พิมพ์เงิน !

ขอพูดอย่างไม่เกรงใจว่า คุณและผม หรือ แม้แต่เด็กประถม ในตอนนี้ก็สามารถเป็นที่ปรึกษาทางศก ให้ประธานธิบดีโอบาม่าได้ เพราะ
ไม่ว่า เมกาจะมีปัญหาเรื่องใด เมื่อ โอบาม่า มาปรึกษาคุณก็แค่บอกว่า "พิมพ์เงิน"

ปัญหาการว่างงาน 9.5% ----> พิมพ์เงิน :o
ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เงินฝืด -----> พิมพ์เงิน :o
ปัญหา สวัสดิการผู้สูงอายุ และ สวัสดิการรักษาพยาบาล -----> พิมพ์เงิน :o

เพราะที่ผ่านมา เค้าแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้วิธีเดียวครับ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบ พลิกแพลงไปมาเล็กน้อย นิดหน่อย...
(หากคุณกำลัง งง และ สงสัยว่า จะบ้าเหรอ อะไรมันจะพิมพ์กันได้ง่ายขนาดนี้ รบกวนย้อนกลับไปจูนข้อเท็จจริงข้างต้นใหม่ก่อนอ่านต่อนะครับ) :lol:
มีแม้แต่ คูปองอาหาร เช็คชดเชยการว่างงาน 99 สัปดาห์รวด ยันถึง จ่ายเช็คไปยังทุกบ้าน (แล้วเรียกมันว่า TAX refund) ก็เคยทำมาแล้ว

คำถามคือทำไม ต้องทำกันขนาดนี้ ???
คำตอบคือ ศก.เมกา กำลังจะล่มสลายครับ (หากดีๆ ก็คงไม่ต้องกระตุ้นและอัดฉีดเอาเป็นเอาตายแน่นอนครับ)

อะไรทำให้ประเทศมหาอำนาจ อย่างเมกาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ .... ตามมาเลยครับ ผมขอ แฉ !

ไม่มีใครอยากเป็น "จิ๋ว"

เหตุการณ์นี้ผมขอตั้งชื่อเรื่องว่าไม่มีใครอยากเป็น "จิ๋ว" คงจำกันได้นะครับเราเคยมีผู้นำประเทศคนนึงนักข่าวชอบเรียกว่า "จิ๋ว" เดี๋ยวนี้ เปลี่ยนsizeเป็น "พ่อใหญ่" แล้วครับ :lol:
ตอนเกิดวิกฤต ต้มยำกุ้งฟองสบู่แตกปี 2540 มีแต่คนโทษ "จิ๋ว" เพราะมันดันเกิดขึ้นในสมัยที่ "จิ๋ว" เป็น นายก !!! แค่นั้นเองครับ คนเราคิดได้แค่นั้น.... :(
ความจริงแล้ว เหตุการณ์มันเกิดตั้งแต่ "สมัยชาติชาย" ครับ เมื่อฟองสบู่มันพอง มันต้องตามด้วยการแตก !! นี่คือธรรมชาติของฟองสบู่ !!

ยกตัวอย่างหลักการทำงานของฟองสบู่ง่ายๆให้ฟังนะครับ

เราเปิดร้านขายข้าวแกง ก็ขายไปวันๆ จู่ๆวันนึงเกิดมีงานคอนเสริต์มาจัดแสดงใกล้ๆร้านข้าวแกงของเรา เท่านั้นแหละครับ กระหึ่มเลยครับ ข้าวแกงไม่พอขาย
แต่เราไม่เข้าใจว่า มันคืองานคอนเสิร์ตชั่วคราว เรากลับขยายร้านสั่งโต๊ะเก้าอี้เพิ่ม 3 เท่า จ้างคนงานเพิ่ม 3 เท่า ซื้อวัตุดิบทำข้าวแกงเพิ่ม 3 เท่า แล้วก็พบว่า มันขายหมดทุกวัน
เราดีใจ เราลงทุนเพิ่ม แบบนี้คือ "Bad Investment" ฟองสบู่มันเกิด เราคิดว่าศก ดี ... สุดท้ายพอ คอนเสริต์หมดรอบการแสดง ปิดตัวย้ายไปแสดงที่อื่น โพ๊ละ ...

ตามมาด้วยการตกงานของลูกจ้าง ยอดขายที่ลดฮวบ ความเศร้าเกิดขึ้น แต่ มันคือ สิ่งที่ดีและถูกต้องครับ นี่คือกลไกตลาด ที่ทำหน้าที่กวาด Bad investment ออกจากระบบให้เหลือไว้แต่ Good investment เพื่อความเข้มแข็งของระบบ ศก. โดยรวม.สิ่งนี้คือ ธรรมชาติของฟองสบู่และกลไกตลาดแต่ รบ.เมกากลับเข้าขวางและแทรกแซงอย่างถึงที่สุด !!

บินกลับข้ามไปยังฝั่งอเมริกาครับ

สมัย บิล คลินตัน มี Dot.com Bubble เกิดขึ้นครับ ฟองสบู่ยุคดอทคอม ธุรกิจใหม่เอี่ยมถอดด้าม เฟื่องฟูมากกกแม้แต่นักศึกษาจบใหม่ก็ไฟแรงจัดตั้งบริษัทออนไลน์ ทุกอย่างดูสวยงามสดใสไปหมด แต่มันคือฟองสบู่และภาพลวงตาทั้งนั้น สุดท้ายควรจบลงด้วยฟองสบู่แตก

พอ จอช บุช จูเนียร์ ขึ้นมา เค้าไม่อยากเป็น "จิ๋ว" ครับ สมัยก่อนหน้าเค้ายุคบิล ศกเฟื่องฟู อยู่ดีกินดี พอเค้าขึ้นมา ศก จะหดได้ยังไง?
จอช บุช ไม่ยอมครับ
การอัดฉีดเงินเข้าระบบเริ่มจากตอนนั้น เหมือนไม่ยอมให้ฟองสบู่ต้องแตกแต่อัดลมเข้าไปแทนที่ พยุงเอาไว้
มาตราการธนาคารกลางตอนนั้นคือ อัตราดอกเบี้ย ถูกหั่นเหลือ 1% และยังมีการอัดฉีดสภาพคล่องมากมาย

พอกล้อมแกล้มไปได้ครับ แต่กลายเป็นว่าการกระทำที่ขี้ขลาดไม่ยอมรับความจริง แบบนี้ก่อให้เกิด ฟองสบู่ลูกใหญ่กว่าเดิมที่ตลาด อสังหาริมทรัพย์ ศกบ้านและที่ดินคอนโดเฟื่องฟู

เหมือนเดิมครับ..............

พอ โอบาม่า ขึ้นมา ฟองสบู่ อสังหาริมทรัพย์ ควรแตกไปเมื่อปี 2008 แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส แต่โอบาม่า เหมือนเดิมเค้าไม่อยากเป็น "จิ๋ว" ครับ ก่อนหน้านั้น ศกดีทำไมมาถึงสมัยเค้า ต้องแย่ด้วย สิ่งที่โอบาม่าทำ ไม่ได้มีอะไรใหม่ ไม่ได้ Change อย่างสโลแกน ตอนหาเสียงเลยครับ

เค้าหันไปมองดอกเบี้ยมันเหลือ 1% จะเหลือไว้ทำไม นาทีนี้แล้ว หั่นเหลือ 0% ไปเลยครับ!!! พร้อมกับอัดฉีดเหมือนเดิมตามสูตร ....

วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่เราเห็นว่าเลวร้ายส่งผลกระทบไปทั่วโลกนั้น มันยังไม่ได้แสดงอำนาจการทำลายเต็มศักยภาพนะครับ เพราะการเข้าขวางของอเมริกา..

ไม่ว่าเจ้าของร้านข้าวแกง หรือ ระดับประธานธิบดี หากไม่เข้าใจ พฐ ทางเศรษฐกิจหรือไม่ยอมรับความจริง พยายามจะเลือกหาทางออกอย่างสวยหรูที่สุด
เพื่อรักษาไว้เพื่อคะแนนเสียงแล้วล่ะก็ .... สุดท้าย อเมริกาจบไม่สวยแน่ครับ
ลองนึกภาพความเลวร้ายจากอัตราดอกเบี้ยเรี่ยติดดิน 1% ก่อให้เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
ลองคิดดู ว่า อัตราดอกเบี้ยตอนนี้ 0% และเตรียมจะอัด QE2 อีก ความโหดร้ายในวิกฤตรอบใหม่ที่กำลังจะมาจะขนาดไหน ?? :(

Dot.com Bubble ---> Subprime Crisis (Hamberger)----> ป้ายหน้า Currency crisis ครับ

ในรายละเอียดไว้ว่ากันต่อในคราวต่อๆไปนะครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป

...............

ย้อนกลับมาประเด็น QE2 และทองคำตอนนี้ตลาดกำลังเกิดข่าวลือ และ ความสงสัยอย่างมากว่า

1.จะอัด QE2 หรือเปล่า?

2.จะอัด QE2 น้อยกว่าที่คาดหรือเปล่า ?

3.จะอัด QE2 เท่าไหร่?

ผมเชื่อเหลือเกินครับ ว่า อัด ! (จากผลโพลที่สำรวจมา คณะกรรมการ 16 คน โหวตอัด 12 คน ไม่อัด 3 ยังไม่ตัดสินใจ 1 นอนมาอยู่แล้วครับ)
อัดฉีด ต้องมากด้วยครับเท่าไหร่ ตัวเลขในใจผมคือ 1-5 Trillion (เงิน 1 Trillion อยากรู้ว่ามากขนาดไหน You Tube ดูนะครับ)

ทีนี้... เค้าอาจจะตุกติกประเด็นนี้ครับ

:excl: เงื่อนไขวันที่ 3 พย. เค้าอาจจะเลื่อน ให้ตลาดตกใจเทขายสินทรัพย์ออกมา เพราะผิดหวัง แต่มันสำคัญด้วยหรือ ?? หาก เค้าไม่อัดวันที่ 3 พย เค้าเลื่อนไปอัดเดือนหน้า ปีหน้า ยังไงเค้าก็อัด อย่าให้วันที่มามีอิทธิพล ต่อการลงทุนของเรา อารมณ์ของตลาดหวั่นไหวขึ้นลงได้ครับ แต่ปัจจัยพื้นฐานยังแกร่ง คนลงทุนทองคำด้วยปัจจัยพื้นฐาน ผมแนะนำกอดทองไว้แน่นๆ ครับอย่าขายเพราะต่อให้ไม่มี QE2 เพิ่ทซักเซนต์เดียว ราคาที่ระดับ 1340$ นี่ก็ยังถือว่าถูกมากครับหากเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของทองคำ

:excl: อัดน้อยกว่าที่คาดหรือทยอยอัด.... ตลาดก็ผิดหวังอีกเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ให้ใช้โอกาสประเภทนี้หากมา ทยอยซื้อสะสมทองคำ

:excl: หากอัดฉีดเกินคาด ทองคำทะยานฟ้า แน่นอนครับ 1400-1500$/oz

ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า QE2 จะมาและมาเยอะด้วย จะทยอยมาหรือมาทีเดียวก็ต้องมา เค้าไม่มีทางเลือกครับ จะยอมให้ ศกเมกาพังไปต่อหน้าต่อตาเดี๋ยวนี้ (นั่นคือไม่ออก QE2 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง แต่ รบเมกากี่สมัยๆ ไม่เคยเลือกทางนี้เลย น่าเศร้าใจครับ กลับเลือกที่จะเข้าแทรกแซงกลไกตลาด เป็นการ เลื่อนปัญหาออกไปให้พ้นสมัยตัวเองเพื่อไปเจอปัญหาที่หนักกว่านี้แต่อยู่ในวาระสมัยของ รบ อื่น !!)

ศก เมกาตอนนี้เหมือนคนติดเฮโรอีนครับ
ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องบำบัดที่ถ้ำกระบอก ต้องอาเจียน ต้องทุกข์ทรมาน แต่ผลสุดท้าย สุขภาพที่ดีจะกลับมาได้
แต่ ธนาคารกลางและ รบ.เมกากลับเลือกไม่ยอมทุกข์ทรมาน แต่กำลังจะฉีดยาเข้าเส้น เพิ่มมากขึ้นๆ ทุกๆครั้ง เพื่อให้รู้สึกสบาย แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันที่มัน Overdose
ศกเมกาและดอลล่าห์ จะล่มสลายในชั่วพริบตาครับ

ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส วิกฤตลูกใหญ่ที่กำลังจะมาไม่มีอะไรต้องกลัวครับ เพราะมันจะมาพร้อมกับ โอกาสทอง(จริงๆ)ของพวกเราแล้วเราจะได้เจาะลึกลงไปเรื่อยๆครับ


โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ

ลิ๊งค์สำหรับเฟสบุ๊ค :
The Gold War Phase II...by Jimmy Siri บน Facebook

5 ความคิดเห็น:

  1. คุณจิมมี่ให้เกียรติผมมากเลยครับ
    ขอบพระคุณสำหรับคำชมที่เขียนถึง
    ยังยืนยันเหมือนเดิมครับว่า

    "สิ่งที่ผมทำนั้นเล็กน้อยมาก
    เมื่อเทียบกับที่คุณจิมมี่ได้มอบให้กับเพื่อนๆสมาชิกในที่นี้"

    ผมเองได้มีโอกาสเดินทางไปพัทยา พอจะทราบมาว่าคุณจิมมี่อยู่แถวนั้น
    คิดขึ้นได้ว่ามีหนังสืออยู่่บนรถ 1 เล่มจึงเอาไปฝากให้คุณจิมมี่ไว้ที่ Lobby
    ของโรงแรม Hilton ชั้น 16 (บน Central Pataya)
    หากคุณจิมมี่มีโอกาสได้ผ่านไปแถวนั้นก็แวะไปหน่อยนะครับ
    ขออนุญาตมอบให้ไว้เป็นที่ระลึก

    ขอบพระคุณสำหรับไมตรีจิตที่มีให้กันเสมอมา
    ด้วยเคารพจากใจจริงครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ1 เมษายน 2554 เวลา 00:47

    สวัสดีค่ะท่านแม่ทัพ และ คุณ Ping

    ดีใจที่ได้ติดตามและรู้จักทั้ง 2 ท่านมาเป็นระยะเวลาย่างเข้าปีที่ 3 อย่างที่ท่านแม่ทัพว่า ได้เห็นความพยายามอย่างจริงใจของทั้ง 2 ท่าน ที่จะให้รายละเอียดอย่างตรงไปตรงมากับเรื่องของทอง และ เรื่องลึกๆที่คนทั่วไปอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝัน ขอบคุณในความมีน้ำใจเป็นอย่างสูงค่ะ

    บาบาร่า ฟู

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณสำหรับหนังสือครับ :)

    ความรู้สึกเหมือนคุณผิงกำลังจะให้ไปรับงานหรือรับภาระกิจอะไรซักอย่างเหมือนในหนัง...555 ตามบทแล้วจะต้องมีหน่วยล่าสังหารซุ่มอยู่แน่ๆ คงต้องระวังตัวหน่อย อาจจะต้องมีการพลางตัวไปครับ...555

    อาจจะเป็นวันจันทร์ถึงไปรับได้ครับ เสาร์-อาทิตย์นี่อย่าเข้าในเขตพัทยาเชียว ถ้าไม่มีเวลามากๆ เพราะรถติดมากครับ ทั้งคนไทย-เทศ จะแห่กันมา หลายเดือนมานี่จะมีบริษัทเช่าเหมาลำเครื่องบินชาร์เตอร์ไฟลท์มาเที่ยวพัทยากันวันละอย่างน้อย 3 เครื่องทุกวัน จากรัสเซียโดยเฉพาะ ยังไม่รวมอินเดียที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คึกคักดีครับ

    ไม่แน่ใจว่าเห็นคุณฟูร่วมอยู่ในเฟสบุ๊คด้วยหรือยัง ไม่มาไม่ยอม!!

    http://www.facebook.com/home.php?sk=group_170408246326805&ap=1

    หรือถ้าอยู่แล้วก็แสดงตัวซักหน่อยนะครับ :)

    ตอบลบ
  4. อ่านทั้งสามความคิดเห็นแล้ว...รู้สึกอบอุ่นใจ...รู้สึกมีพลัง...ที่ทั้งท่านแม่ทัพและขุนศึกน้อยใหญ่ได้ร่วมรบมาด้วยกันถึงสามปีแล้ว...ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องขอบคุณท่านแม่ทัพและทุกท่าน..เพราะไม่เคยทำประโยชน์ใดได้เลยในที่นี้..ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณครับ....

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ6 เมษายน 2554 เวลา 21:24

    เข้าร่วมมานานแล้วค่ะคุณจิมมี่ แต่ว่าไม่ค่อยได้โพสต์ เพราะแอบอ่านซะมากกว่า ใช้ชื่อว่า Rotjana Chanchotiyan แบบว่าเปิดเผยตัวเลยน่ะค่ะ เชื่อว่าท่านแม่ทัพคงเห็นอยู่บ้าง 555

    บาบาร่า ฟู

    ตอบลบ