สัปดาห์นี้อยู่ในช่วงของเทศกาลปีใหม่ครับ ประเด็นร้อนๆ ตอนนี้อาจจะดูอุ่นขึ้นครับ แต่ในความเป็นจริงถ้าตัดเรื่องความรู้สึกออกไป ประเด็นเหล่านี้ก็ยังเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่คอยกัดกินเศรษฐกิจสหรัฐและความเชื่อมั่นโดยรวมของเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
1.บริษัทรถขนส่งอายุึ 61 ปี แห่งหนึ่งของสหรัฐล้มละลายครับ แล้วเป็นการล้มแบบไม่มีฟอร์มเลยครับ คือบริษัท Arrow Trucking มีฐานอยู่ที่เมื่องทัลซ่า รัฐโอกาโฮม่า ปัญหาคือบริษัทขนส่งแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นบริษัทขนส่งทางรถที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือใหญ่ที่สุดในโลกครับ คือรับ-ส่งสินค้าทุกขนิดตั้งแต่สินค้าชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงเครื่องบิน
แล้วเป็นการล้มแบบปัจจุบันทันด่วน เพียง 1 วันก่อนคริสมาสต์ครับ ในขณะที่พนักงานขับรถ 1,400 คน ยังขับรถขนส่งสินค้าตามปรกติอยู่ทั่วสหรัฐ จนเรื่องแตกตอนที่พนักงานขับรถทั้งหมดเอาบัตรเครดิตไปเติมน้ำม้นครับ แต่ถูกปฏิเสธ เพราะบัตรเครดิตที่ออกโดยบริษัทสำหรับการเติมน้ำมันทุกใบถูกยกเลิกพร้อมกันทั้งหมด เกิดเป็นความโกลาหลทันทีกับบริษัทแห่งนี้เพราะไม่มีการประกาศล่วงหน้าใดๆ ทำให้พนักงานขับรถต้องติดต่อกลับบริษัทเป็นการด่วน แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์และการตอบรับใดๆ จากพนักงานประจำออฟฟิตครับ เพราะพนักงานประจำออฟฟิตทั้งหมดถูกปลดกลางอากาศไปก่อนหน้านั้นแล้ว ลองนึกภาพของพนักงานขับรถเหล่านั้นที่อยู่ในระหว่างการขับรถขนส่งระหว่างรัฐในฤดูหนาวสิครับ จนในทีุ่สุดจึงมีการติดต่อให้พนักงานเหล่านั้นนำรถไปส่งตามสถานีสาขาที่ใกล้ที่สุด แต่เพราะไม่มีน้ำมันก็ไปถึงบ้างไม่ถึงบ้าง จึงต้องจอดทิ้งกันตามข้างทางตามเส้นทางขนส่ง แล้วพนักงานเหล่านี้ก็ตกงานทันทีครับ
แต่เป็นที่น่าสังเกตุครับว่าก่อนที่ Arrow Trucking จะล้ม ไม่เคยมีข่าวหรือลางบอกเหตุใดๆ แต่กลับเป็นอีกบริษัทคือ YRC ที่เป็นบริษัทขนส่งอันดับ 2 ที่ถูกปลดออกจากตลาดหลักทรัพย์และกำลังเจรจาเรื่องหนี้สินคงค้าง $537 ล้านเหรียญอยู่กับเจ้าหนี้ครับ
แล้วจากการวิเคราะห์ ถ้าบริษัททั้ง 2 แห่งนี้ล้มลงจะสะเทือนกับระบบ Logistic และระบบขนส่งทางรถของสหรัฐอย่างรุนแรง จนอาจจะต้องหันกลับไปใ้ช้บริการขนส่งทาง "รถไฟ" แทน พอจะเริ่มคุ้นๆ หรือเอะใจหรือยังครับ ว่าเมื่อเดือนก่อนมีใครเข้าไปซื้อกิจการรถไฟในสหรัฐอย่างไม่ทราบสาเหตุ เค้าก็คือ "วอเรน บัฟเฟต" นั่นไงครับ จะมีอยู่ในข่าวของคุณ cool_kid นั่นแหละครับ เอ แต่ว่าเป็นความบังเอิญหรือเปล่าน๊าาาาา หรือว่ารู้ก่อนล่วงหน้า (อีกแล้ว)
2.การล่มสลายของระบบธนาคารกลาง ภาพต่อไปนี้จะเป็นวงจรการล่มสลายและความล้มเหลวของระบบธนาคารกลาง โดยเฉพาะ ธนาคารกลางของสหรัฐ อังกฤษและยุโรป หรือหรือคือกลุ่ม FED นั่นแหละครับ โดยเริ่มที่ด้านขวาคือการล้มของเลแมน แฟนนี่ เฟรดดี้ และ เอไอจี แล้ววงจรก็จะไล่ไปตามเข็มนาฬิกาในภาพนี้เลยครับ รู้สึกว่าเราจะมาได้ครึ่งทางแล้วนะ ถ้าเป็นไปตามนี้ จากนี้ไปการ "ชักดาบ" ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ก็คงจะทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ
3.ระเบิดเวลาลูกใหญ่อีกลูกนึงที่ไม่น่ามองข้ามคือเรื่องงบประมาณในระดับรัฐครับ ดูเหมือนเรื่องนี้จะเงียบๆไป แต่ในความเป็นจริงคือความพยายามฉุดกระชากลากถูเรื่องนี้อย่างสุดแรงเกิดครับ แล้วตัวเลขว่างงานที่ต่อเนื่องและยาวนานเป็นตัวสูบเม็ดเงินงบประมาณอย่างรุนแรง
ทำให้รัฐต่างๆ ต้องโยกย้ายเงินจากกระเป๋าต่างๆ มาปิด โปะและแปะให้เดินต่อไปได้ครับ แต่ในความเป็นจริงก็คือยังไม่พออยู่ดี เพราะการว่างงานนี้ทางนึงคือกินเงินเก่าแล้วยังทำให้ภาษีที่้ต้องจัดเก็บหดหายลงไปโดยเฉลี่ย 15-25% ในหลายรัฐครับ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหางบประมาณให้หนักหนาสาหัสขึ้น
ในทางลับมีการหยิบยืมเงินจากรัฐบาลกลางในบางรัฐแล้วครับ เพราะไปไม่ไหวจริงๆ โดยเฉพาะงบประมาณในด้านการรักษาพยาบาล ที่ต้องทำอย่างลับๆเพื่อไม่ต้องการเป็นบรรทัดฐานสำหรับรัฐอื่นครับ เพราะถ้ารัฐอื่นเอาตามอย่างบ้าง อุดเท่าไหร่ก็ไม่อยู่แน่และเงินตรงนี้ก็มาจากการปั๊มขึ้นมาจากอากาศทั้งหมด จะเป็นการเร่งเวลาให้ความเชื่อมั่นและดอลล่าในระดับมหภาคพังเร็วขึ้นไปอีกครับ
ที่หนักสุดก็คงไม่พ้น California ครับ ที่หนี้และตราสารหนี้ต่างๆใกล้จะต้องผิดนัดชำระและชักดาบเต็มที
เพราะมะเร็งร้ายรุกลามไปทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจจริงคือ SME ที่ขณะนี้การฟ้องล้มละลายเพิ่มขึ้นถึง 81% ในปีที่ผ่านมา
และอีกอย่างน้ัอย 40 รัฐที่มีปัญหาในเรื่องงบประมาณมาตั้งแต่ต้นปี 2009 แต่ที่รัฐที่รุนแรงและเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องมาตลอดปี 2009 คือ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ตอบลบรู้ลึก รู้จริงเรื่องปิ้งย่างง