วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปัจจัยพื้นฐานเนื้อๆของ......ทองคำ 2/2

(สภาพแวดล้อม, Demand+, Supply-) US$
...Vs...
ทองคำ (Demand+, Supply-)

ตอนนี้เรามาดูที่ด้านขวาของทฤษฏีนี้ครับ

Demand หรือความต้องการทองคำจะเป็นตัวทำให้ราคาพุ่งสุงขึ้น กลับไปตั้งแต่การเริ่มต้นอริยธรรมมนุษย์ ทองคำแสดงถึงความมั่งคั่งและอำนาจครับ เช่นมงกุฏของกษัตริย์ เครื่องประดับ เครื่องบรรณาการ เครื่องใช้ที่มีค่าต่างๆ ก็เป็นทอง เรื่องคุณสมบัติต่างๆ ของทองหาอ่านได้ตามเวบต่างๆ ครับ ทองและเงินก็คือเงินจริงๆ ในสมัยโบราณและก็เป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่การที่ทองมีน้ำหนักมาก และยากต่อการเคลื่อนย้าย จึงเกิดอาชีพนึงขึ้น คือ Money Changer ทำหน้าที่รับฝากทองแล้วออกกระดาษให้ 1 ใบเป็นตั๋วสัญญา เพื่อจะกลับมาเบิกจ่ายกันในภายหลังได้

พอระบบนี้เป็นที่แพร่หลายก็ใช้กระดาษนี้ชำระราคา หรือซื้อขายกันไปเลย คือทองคำมีเท่าไหร่ก็ต้องมีกระดาษเท่านั้นถูกไม๊ครับ และนี่คือพื้นฐานของระบบธนาคารครับ แต่พอ Money Changer ขยายตัวมากขึ้นและยังไม่มีการควบคุมเริ่มโลภและมั่วครับทีนี้ เริ่มมีการออกกระดาษเกินจำนวนทอง (พวกไหนนะคุ้นๆ) ไม่มีใครรู้ครับ จะตรวจสอบกันยังไงถ้าเค้าอ้างเรื่องความปลอดภัย (นึกถึงยามที่ยืนเฝ้าที่ Fort Knox น่าจะเฝ้าสนามหญ้าอยู่) ผู้ปกครองในยุคนั้นๆจึงเข้ามาควบคุมระบบนี้ครับ คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ที่จะทำได้ ในยุคต่อมาจึงก่อให้เกิดธนาคารกลางขึ้นเพื่อเข้ามาทำตรงนี้ และควบคุมปริมาณกระดาษที่ออกสู่ตลาด ถ้าปั๊มๆๆ อย่างเดียวก็ทำให้กระดาษตรงนี้เสื่อมค่าหรือเจือจางลง เพราะทองก็มีอยู่แค่นั้นครับ ใช่แล้วครับกระดาษเฟื้อ(เงินเฟ้อ)ครับ เพราะฉะนี้น

1.ทองจะต้องเท่ากับปริมาณกระดาษที่ประเทศนั้นๆ จะพิมพ์ออกมาได้เท่านั้นครับ คือทองเป็นทุนสำรองครับถ้าเค้าเอามาแลกก็ต้องเป็นไปตามนั้น

แล้วถ้าเกิดธนาคารกลางมีปัญหาล่ะเช่นในภาวะจราจล หรือสงคราม ก็กลายเป็นกระดาษไงครับ สูญครับเพราะจะไปเอาทองที่ไหนล่ะครับ เข้าใจหรือยังว่าทำไมรุ่นปู่ย่าตายายเค้าถึงเก็บเงินเก็บทองฝังดินไว้ เพราะเค้าเคยอยู่ภาวะสงครามที่เราไม่เคยเห็นไงครับ เค้าถูกครับเราผิดเองที่ไม่รู้ไปหัวเราะเค้าอีก เพราะฉะนั้นในภาวะที่ไม่แน่นอน ทุกคนต้องรีบเอากระดาษนี้ไปที่แบงค์ชาติเปลี่ยนเป็นทองครับ........... หยุดดดด อย่าไปครับโดนยิงแน่นอน ไปร้านทองโน่น (ขอย้ำนะ ห้ามไปแบงค์ชาตินะโดนกระบองยามแล้วเงินหายอีก ห้ามโพสต์มาด่าด้วย ไปร้านทอง) Demand จะพุ่งทันที ทองก็จะพุ่งขึ้นครับเพราะใครถือกระดาษคนสุดท้าย "ซวย" กระดาษน่ะอยู่ แต่ตึกธนาคารชาติหายไปแล้ว

2.ทองเป็นวัตถุเพื่อการรักษาความมั่งคั่ง เก็บออม และป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะในภาวะเงินเฟ้อ [Hedge against Inflation]

3.เป็นเครื่องประดับ อันนี้เหมือนโชค 2 ชั้นได้ใส่ด้วย แล้วยังได้ในข้อ 2 ด้วย ทำให้เกิด Demand ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นมากอีก

4.และการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ อีกมหาศาล เพราะทองก็เป็นสสารชนิดหนึ่งจึงเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมบางชนิดครับ

สภาวะ Demand ในปัจจุบัน

1.เกือบทุกชาติ(อาจจะมีบางชาติที่ยัง high ยังเมาค้างหรือเสพติดดอลล่าอยู่) รีบตามล่าหาทองเพื่อถ่ายเงินดอลล่าออก เพราะมันปั๊มไม่หยุด และหยุดไม่ได้แล้วววววว โดยเฉพาะ จีน รัสเซีย และอินเดีย วิ่งกันขาขวิด ออกไปอัฟฟริกาก็เอา ซื้อทองไม่ได้ ซื้อเหมืองเลยละกันเผื่อมีทองขึ้นมา ทองไม่มีทองแดงก็เอา จีนเลยกลายเป็น King Copper ไปแล้ว ต่อไปน่าจะทองม้วน บ้านเราจะได้รวยซะที ยายข้างบ้านทำอร่อยมาก แต่ฉากหน้าต่ออเมริกากอดคอ จับมือ ถ่ายรูป ชื่นมื่นครับ บอกว่าโอ๊ยดอลล่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ประชุม G20 เสร็จบินต่อไปเจรจาซื้อเหมืองต่อ ที่คุณเห็นข่าวแค่ท่อนแรกครับ สถานการตอนนี้ดูสิ่งที่เค้าทำครับ ไม่ใช่สิ่งที่เค้าพูดหรือเป็นข่าว

แล้วจีนเค้าก็ออกมาประกาศว่าประเทศเค้าสะสมทองมาตั้งแต่ปี 2004 แล้วครับ แล้วจะเพิ่มอีกเท่านั้นเท่านี้ ทองพุ่งปริ๊ด เกมส์นี้คมครับ อัดไอ้กันอย่างเต็มๆ ไอ้กันกับอังกฤษต้องตามทุบอีก ไปหามุขมาใหม่อีก จะสังเกตุได้ว่าเก็บมาตั้งนานทำไมไม่บอกล่ะ บอกไม่ได้ครับเดี๋ยวทองแพงไงครับ ซื้อก่อนดีกว่า แต่ที่มาพูดเพื่อเบรคเกมไอ้กันว่า ไม่เอาดอลล่าแล้วโว๊ย อเมริกาทำอะไรซักอย่างสิ หรือเป็นการเสนอซื้อไปทั่วโลกไม่เกี่ยงราคา 


ลองหาราคาทองในตลาดมืดสิครับ $1,300 กว่าแล้ว ปี 2008 ไอ้กันแอบซื้อแอบตุนจากตลาดมืดเพื่อจุดประสงค์ืี่ที่สำคัญคือวางแผนเปลี่ยนระบบเงินเป็น Gold Back Currency หลังจากที่ดอลล่าล้มแล้ว ซื้อเข้าที่ 1,300 กว่า เป็นผม $2,000 ยังให้เลยเอากระดาษไปแลกกับทอง อยากได้เท่าไหร่บอกมาเดี๋ยวปั๊มให้ แต่ให้เว่อร์ไปเดี่ยวไก่ตื่น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมทองปี 2008 ถึงทำ New High ตลอด

2.เอเซียเราเป็นนักออมเงิน และซื้อทองตัวยง โดยเฉพาะการเพิ่มของประชากร ในและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งจีนและอินเดียในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งการฟื้นตัวของเอเซียหลังกินต้มยำกุ้งกันเสร็จ แค่เรากันเองในเวบนี้ตุนไปทำไหร่แล้ว Demand มหาศาลครับ

3.พวก Central Bank ทั่วโลกลดปริมาณการเททองออก ปีละ 10% หลังจากที่ร่วมด้วยช่วยไอ้กันกับอังกฤษทุบมานาน อ่านแล้วรักษาระบบเงินกระดาษ หรือ Paper Currency ต่อไปไม่ไหวแน่ ทองก็ขายไปแล้วเพื่อทุบราคาตลาดไปมากแล้ว ถ้าเจ๊งขึ้นมา หมดตูดเหมือนกัน ต้องชะลอ เกิด Demand ตรงส่วนนี้อีก

4.พวกกองทุนต่างๆ หันเข้ามาหาทองแล้วครับ เพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่าไปไม่ไหว หุ้นก็ไม่ดี เงินเฟ้อรุนแรงมาแน่ (Hyper Inflation) ไม่มีทางเลือกครับต้องซื้อทอง แม้แต่กองทุนบางแห่งของอเมริกา อายุ 70 กว่าปี ที่ไม่เคยซื้อทองแลย ก็ยังต้องมาซื้อครับ

5.การที่อเมริกาใช้วิธี Bail out หรืออุ้มกลุ่มแบงค์เกอร์ใน Wall Street ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ที่ผ่านไป 700 Billion และอาจจะรวมทั้งหมดอยู่ที่ 3 Trillion โดยวิธีปั๊มกระดาษเพิ่ม แล้วรู้ไม๊ครับว่ากระดาษตรงนี้มากแค่ไหน ตรงนี้ก็จะทำให้ดอลล่า dilute หรืออ่อนลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเค้ามีทองหรือไม่และมีอยู่เท่าไหร่กันแน่ ปริมาณเงินกระดาษตรงนี้มากกว่าเงินที่ใช้จ่ายในสงครามโลกครั้งที่ 1+2+สงครามเวียดนาม+สงครามเกาหลี+อีรัค 1+2+ทุกสงครามที่มีมาของมนุษยชาติรวมกัน เพื่อมาอุ้ม Wall Street เพราะเค้า "Too Big Too Fail" และเป็นพวกเดียวกันไงครับ จะนำไปสู่ Hyper Inflation หรือเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ตรงนี้ทำให้เกิด Demand ทองมหาศาลเพื่อมา Hedge กับเงินเฟ้อครับ

ถามว่าตอนนี้ทอง $10,000 ได้หรือยังครับ แล้วเรามาดูเรื่อง Supply กันต่อในโพสต์หน้าครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. อิอิ...คารวะท่านแม่ทัพจิมมี่ค่ะ

    เห็นราคาทองตอนนี้เลยดันกระทู้แรกๆที่ท่านแม่ทัพมาโพสต์ให้อ่านกันตอนต้นๆ ตอนนั้นทองยังป้วนเปี้ยนเกือบจะแตะ 1,000 เหรียญ ขนาดเราอ่านดูบทความว่าทองราคา 1,300 เหรียญ ยังดูเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝันแล้วก็เหลือเชื่อเลยค่ะ ผ่านไปแค่ครบรอบปีเต็ม ทองมาป้วนเปี้ยนถึงราคาประมาณนี้ได้อย่างเหลือเชื่อ เหมือนที่ท่านแม่ทัพพูดไว้เลยค่ะ

    เลยดันกระทู้ขึ้นมาหยอกท่านแม่ทัพเล่นๆ แล้วกันนะคะ แต่ขอคารวะจริงๆค่ะ ^__^

    บาบาร่า ฟู

    ตอบลบ