ทั้งจีนและญี่ปุ่นลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐลงพร้อมๆ กันในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จีน -5.8 Billion & ญี่ปุ่น -300 Million โดยจีนมีการขายสุทธิต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 3 แต่ยังคงมีสถานะเป็นชาติเจ้าหนี้อันดับหนึ่งของสหรัฐ โดยมีการถือครองพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอยู่ถึง $889 Billion และตามมาด้วยญี่ปุ่นเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ $754 Billion
สังเกตุได้ว่าทั้ง 2 ชาตินี้กำลังมีความขัดแย้งอยู่กับสหรัฐอย่างต่อเนื่ีอง ทั้งที่สหรัฐเป็นชาติลูกหนี้และต้องการการสนับสนุนทางการเงินจากทั้ง 2 ประเทศ และปัญหาหลายๆ อย่างสหรัฐเป็นฝ่ายที่เริ่มต้นทั้งสิ้น กับจีนก็คือเรื่องการขายอาวุธให้ใต้หวัน และความสัมพันธ์กับดาไล ลามะ ลามไปที่เรื่องการลดการถือครองพันธบัตร รวมทั้งการที่สหรัฐพยายามกดดันค่าเงินหยวนให้เป็นประเด็นการเมืองระหว่าง 2 ประเทศ
ส่วนญี่ปุ่นหลังจากที่พรรคฝ่ายค้านที่เป็นฝ่ายต่อต้านสหรัฐชนะเลือกตั้งและได้ครองอำนาจ ปัญหาต่างๆ ก็ถาโถมเข้าใส่รัฐบาลใหม่ในทันทีทั้งการโจมตีตัวรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลและไม่เว้นแม้แต่การพยายามถอดถอนผู้นำรัฐบาล ตามมาด้วยปัญหาโตโยต้าในสหรัฐ ญี่ปุ่นตอบโต้ด้วยการเปิดเผยเรื่องฐานทัพสหรัฐบนเกาะโอกินาว่า และล่าสุดมีการแถลง "แฉ" โดยรัฐมนตรีท่านนึงของญี่ปุ่น ในข้อตกลงที่ทำกันอย่างลับๆระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐเรื่อง "ข้อตกลงการเปิดให้สหรัฐสามารถขนย้ายจรวดนิวเคลียร์เข้าออกน่านน้ำญี่ปุ่นและทั่วประเทศได้อย่างเสรี" (ผ่านมา 50 ปี คาดว่าคงขนเข้าไปเต็มประเทศแล้วครับ) หลังจากแฉได้ไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหวครับ ขนาด 6.6 ริกเตอร์นอกชายฝั่งของญี่ปุ่นสะเทือนไปถึงโตเกียว
ซึ่งกรณีของจีนวิธีที่จีนจะตอบโต้เอาคืนได้ก็คือการเทขายพันธบัตรอย่างที่กำลังทำอยู่และคงจะทำต่อไป ส่วนญี่ปุ่นไพ่ที่มีในมือก็ไม่ต่างจากจีนและวิธีการตอบโต้ก็คงไม่ต่างกันครับ แต่ชนวนทั้งหมดถูกจุดโดยสหรัฐทั้งที่ไม่มีเหตุผลสมควรให้กระทำ และนี่อาจจะเป็นวิธีการล้มดอลล่าได้อย่างคลาสสิคที่สุด ผ่านทางตลาดพันธบัตร หรือปฏิบัติการ "ล้มกระดาน" ได้เิริ่มขึ้นแล้ว???
ลิ๊งค์.......
China, Japan Reduced Holdings of U.S. Treasury Debt in January
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น