วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

สุดยอดเครื่องมือการลงทุนเเห่งยุค

สุดยอดเครื่องมือการลงทุนเเห่งยุค
 

นักลงทุนหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเครื่องมือ การลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

เครื่องมือกลุ่มเเรก
(เป็นเครื่องมือที่ความเสี่ยงต่ำ เเต่ในขณะเดียวกันผลตอบเเทนก็ต่ำลงไปด้วย)

1. ฝากธนาคาร ---> ความเสี่ยงต่ำ เเต่

ผลตอบเเทนที่ได้รับก็จะต่ำไปด้วย ประมาณ ไม่เกิน 2%

2. พันธบัตรรัฐบาล ---> มีความปลอดภัยสูง ผลตอบเเทนประมาณ 5% เเต่การที่จะได้รับ ผลตอบเเทน 5% ตามที่ระบุในคูปองนั้น เราอาจจะต้องถือไปจนครบอายุตามที่ระบุไว้ในพันธบัตร อาจต้องใช้เวลา 5-10 ปี

3.ประกันชีวิต ---> ดูเหมือนจะได้รับผลตอบเเทนเยอะ จริงๆเเล้ว มากกว่าเงินฝากเพียงไม่มากเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่จะเอาเงินของเราไปลงทุนต่อในตราสารหนี้ หุ้นพื้นฐาน และพันธบัตรรัฐบาล ต่ออีกทีหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคำนวณด้วยสูตรทางการเงินจะพบว่าได้ผลตอบเเทนสุทธิเพียงประมาณ 2.5-3.5% ต่อปีเท่านั้นเอง
 

เครื่องมือกลุ่มที่สอง
(เป็นเครื่องมือให้ผลตอบเเทนพอสมควร เเต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วย)

1. หุ้น ---> เราจะได้ผลตอบเเทน 2 ทาง คือจากเงินปันผล สำหรับหุ้นปันผล เเละจากการขึ้นลงของราคา โดยเฉลี่ยเเล้ว จะทำผลตอบเเทนอยู่ที่ 12-15% ต่อปี

2.ทองคำ ---> ราคาทองคำค่อยๆ ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนหลายคนคิดว่าทองคำเป้นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนกว่าหุ้นด้วยซ้ำ เเต่เมื่อไปศึกษาจากข้อมูลย้อนหลังก็จะพบว่า จริงๆเเล้วทองคำยังให้ผลตอบเเทนที่น้อยกว่าหุ้นอยู่พอสมควรเลยทีเดียว

3.กองทุนรวมต่างๆ ---> ขึ้นอยู่กับชนิดของกองทุน เเละความสามารถในการบริหารกองทุนด้วย โดยรวมเเล้วผลตอบเเทนพอๆกับหุ้น

เครื่องมือกลุ่มสุดท้าย
(เป็นเครื่องมือที่ให้ผลตอบเเทนสูง ถึง สูงมากเเต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วยเป็นเงาตามตัว)

เรา จะเน้นพูดถึงเครื่องมือในกลุ่มนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากหากเรารู้จักวิธีการใช้เครื่องมือนี้อย่างถูกวิธี ก็จะทำให้มีอิสรภาพทางการเงินอย่างง่ายดาย

1.ฟิวเจอร์ส ---> ตอนนี้ในประเทศไทย มีเเล้ว ที่ตลาด TFEX.co.th ซึ่งจากการใช้เครื่องมือนี้ทำให้เรามีพลังในการลงทุน เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5 เท่าตัว เช่น ถ้าราคาหุ้นขยับ 10% อาจส่งผลให้ราคาฟิวเจอร์ขยับถึง 50% ซึ่งด้วยผลของอัตราทดนี้ ทำให้มีผู้ที่ประสบความสำเร็จ เเละร่ำรวยจากการใช้เครื่องมือตัวนี้อย่างมากมาย ในไทยตอนนี้เปิดให้เทรดฟิวเจอร์สของหุ้นรายตัว , ฟิวเจอร์สของดัชนีหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ทองคำ เเละสินค้าการเกษตรอย่างข้าว ยางพารา เเละมันสำปะหลัง

2.ออปชั่น ---> ตอนนี้ในตลาดของประเทศไทย มีเพียงเเเค่ ออปชั่นกับดัชนี เครื่องมือนี้ให้ผลตอบเเทนที่สูง มีการใช้กลยุทธ์ในการลงทุนที่หลากหลายมากๆ พวกเฮดฟันด์ใหญ่ๆชอบใช้ออปชั่นในการลงทุน ทำให้ออปชั่น เป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพภาพมากๆ นักลงทุนบางคนสามารถทำผลตอบเเทนจากการใช้กลยุทธ์ของออปชั่น ตั้งเเต่ 100-5,000% ภายในเวลาเเค่เดือนเดียวเท่านั้น ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ส่วนใหญ่ใช้ทั้งตลาดขาขึ้น ขาลง อยู่นิ่ง เเละก็ผันผวน เรียกว่าสามารถกำไรจากการลงทุนในออปชั่นได้ทุกสภาวะตลาดกันเลยทีเดียว

3.ค่าเงิน (Forex) ---> ในต่างประเทศ มีผู้ประสบความสำเร็จจากการค้าค่าเงินเป็นจำนวนมาก ที่ดังจนติด Forbes ก็คือ จอร์จ โซรอส ตลาดค้าเงินถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตลาดเปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วัน จันทร์-ศุกร์ มีปริมาณการซื้อขายกันมากมายมหาศาลมากใน 1 วัน เเต่ในประเทศไทยนั้น กฏหมายยังไม่ยอมรับเท่าที่ควร ผมจึงจะไม่พูดถึงเครื่องมือตัวนี้มากนัก

กล่าวโดยสรุปคือ

การ ที่เราจะเลือกเครื่องมือการลงทุน เเบบใดนั้นขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการผลตอบเเทนโดยเฉลี่ยเท่าไหร่ เราสามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงได้เเค่ไหน เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของ ผลตอบเเทน & ความเสี่ยง
Blog ของเรา จะเน้นเฉพาะเครื่องมือประเภท ออปชั่น เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือตัวอื่นๆนั้น เราสามารถหาข้อมูลได้ไม่ยากนัก เเละก็มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย เเต่สำหรับออปชั่นนั้นเป็นที่นิยมในต่างประเทศ สามารถสร้างผลตอบเเทนการลงทุนได้อย่างมหาศาล อีกทั้งยังสามารถ Limit การขาดทุนได้อย่างดี เเต่ในไทยนั้นกลับยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก ถ้าเราสามารถ ขอพรวิเศษจากตะเกียงอาละดินได้ 1 ข้อให้เราเป็นผู้เชี่ยวชาญตราสารทางการเงิน เเบบสุดๆ ไปเลยเพียงเครื่องมือเดียว เราจะเลือกเครื่องมือชนิดใด ......... (ลองหาคำตอบในใจดูนะครับ)

บทความโดย optionistic.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น