วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

Gold Update.......This Way

'ทองคำ' 2553 สดใสหรือไร้แสง



ในรอบปี 2552 ที่ผ่านมา เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลก มีทั้งเศรษฐกิจถดถอย และฟื้นตัวเกิดขึ้นในปีเดียวกัน ความผันผวนดังกล่าวย่อมส่งผลต่อภาคธุรกิจและการลงทุนด้วย ทั้งในภาคสินทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ น้ำมัน หนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ก็คือ "ทองคำ"ซึ่งมูลค่าของทองคำในรอบปีที่ผ่านมา มีความผันผวนมาก ทั้งขึ้นและลง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 มูลค่าทองคำขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง



เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดทองคำเกิดความคึกคักขึ้นในประเทศไทย คนที่มีทองคำเก็บสะสมอยู่ต่างทะยอยนำออกมาขายเพื่อทำกำไร และรอว่าเมื่อใดที่ราคาอ่อนลงจึงจะซื้อเก็บไว้เหมือนเดิม ส่วนนักลงทุนที่เก็งกำไรทองคำในปี 2552 ถือได้ว่าเป็นปีชิงไหวชิงพริบกันเลยทีเดียว


เหตุผลที่กล่าวมา ทำให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปมีความต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทองคำเพิ่มขึ้น รวมถึงแนวโน้มมูลค่าทองคำในอนาคตว่าจะเป็นไปในทิศทางใด โดยเฉพาะในปี 2553 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อใช้เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเพื่อเข้าสู่การลงทุนต่อไป


วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จึงหาคำตอบจากผู้คร่ำหวอดในวงการทองคำเพื่อให้เป็นแนวทางในการช่วยคิดสำหรับนักลงทุนและผู้บริโภคทั้งหลาย..


เริ่มกันที่ นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ บล.เคจีไอ กล่าวว่าแนวโน้มทองคำในปี 2553 โดยรวมแล้ว ยังต้องดูค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลัก เนื่องจากเหตุผลหลักที่ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นมามากในปี2552 เพราะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามามาก


สำหรับภาพปีหน้าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อาจจะเป็นไปในลักษณะแกว่งตัวด้านข้างหรือแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม โดยรวมมองว่า ปี2553ราคาทองคำอาจจะไม่ดีเท่าปี2552 และอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในระยะสั้น ทั้งนี้ ต้องรอดูนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่จะประกาศออกมาอีกครั้งว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบ้ียของเฟดจะเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ เพราะจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวแข็งค่าขึ้นและเมื่อทองคำโค้ชเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีโอกาสอ่อนตัวลงได้


"คิดว่าความผันผวนของทองคำจะลดลง คือปีที่ดีอย่างปีนี้อาจจะไม่ได้เห็นแล้ว เพราะว่าถ้าเล่นธีมเรื่องดอลลาร์อ่อนคงจะยากแล้ว เพราะปีหน้ามีแนวโน้มสูงว่าจะขึ้นดอกเบี้ย สำหรับธนาคารกลางสหรัฐ เพราะฉะนั้นจะทำให้ทองคำซึ่งเป็นเหมือนสินค้าทดแทนดอลลาร์ฯ ดีมานด์จะหายไป"


"แต่ปัจจัยที่จะให้จับตาดูที่จะเป็นปัจจัยใหม่สำหรับธีมทองคำในปีหน้าไม่ใช่ดอลลาร์แต่จะเป็นเรื่องเงินเฟ้อแทน ต้องบอกว่าธีมนี้จะยาวหน่อยและในช่วงต้นปียังไม่เห็น แต่โดยรวมอาจจะพอเป็นปัจจัยบวกต่อไปสำหรับทองคำได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงมากนัก คือเป็นเพียงแค่ฐานในปีก่อนเหมือนตำ่"


ส่วนการคาดการณ์ของหลายฝ่าย ที่มองกันว่าราคาทองคำในปี 2553 จะพุ่งทะลุบาทละ 20,000 บาทนั้น นายพงศ์ภัทร กล่าวว่า โดยส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างยาก แต่อย่างไรก็ตามต้องดูแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ประกอบด้วย เพราะหากขึ้นมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วแรงกดดันราคาทองคำก็มีมาก แต่หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมาตรการผ่อนคลายไปอย่างช้าที่สุดหรือยังไม่มีมาตรการเข้มงวดออกมาก็อาจจะยังเป็นบวกได้แต่ถือได้ว่า เป็นช่วงปลายๆ ของช่วงบวกแล้ว



ด้าน นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปี2553 ราคาทองคำ จะยังคงผันผวนในช่วงต้นๆ ปี โดยมีปัจจัยจากการเข้ามาเก็งกำไรของกลุ่มกองทุน อีกทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้คนเข้ามาลงทุนในตลาดทองคำมาก


"ปี53ราคาทองคำแท่งยังไม่มีโอกาสทะลุ 2 หมื่น โดยเฉพาะในช่วงต้นปี สำหรับปลายปีต้องดูสถานการณ์อีกครั้งว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรฟื้นตัวดีหรือไม่ หรือยังมีปัญหาต่อเนื่อง เพราะระยะยาวยังไม่ชัดเจน" นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวสำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2553 นั้น นายจิตติ แนะนำนักลงทุน ดูสถานการณ์ในเรื่องค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด


ขณะที่ นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด ให้ความเห็นว่า ภาวะทองคำในปี 2553 ยังน่าลงทุนอยู่ โดยราคาทองคำในช่วยปลายปี 2552 มีการปรับตัวลดลงมา 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 1 เดือนที่สุดท้ายของปี ทำจุดต่ำสุดที่ 1,109 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนปรับตัวสูงขึ้นมายืนที่ระดับ 1,129 ดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ภาพรวมทองคำจากต้นปีถึงปลายปี 52 ราคาทองคำขึ้นมาแล้ว 270 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 29% ดังนั้นจึงคาดว่าราคาทองคำจะไม่ตกต่ำกว่านี้มากนักน่าจะมีพื้นฐานที่ระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี2553 โดยเท่ากับยกฐานสูงขึ้นประมาณ 260 ดอลลาร์
สหรัฐฯ เมื่อเทียยบกับปี 2552


"ราคาในปีหน้าน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกมาอยู่ที่ระดับ 1,300-1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรก มีปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาอ่อนอีกในช่วงต้นปี ในขณะนี้ที่ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นซึ่งเชื่อว่าเป็นการแข็งค่าชั่วคราว จากสาเหตุของประเทศต่างๆในยุโรปถูกดาวน์เทรนด์"


สำหรับความผันผวนของทองในปี 2553 นั้น ประธานบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ฟิวเจอร์ส เชื่อว่ายังมีโอกาสที่เห็นการผันผวนอย่างในปี 2552 เช่นกัน หรืออาจจะผันผวนมากกว่า เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าในปลาย 2553 เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเริ่มดีขึ้น พอเริ่มดีขึ้นจะทำให้ราคาทองคำจะมีความผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อาจจะปรับตัวอ่อนลงหรือแข็งค่าขึ้น


"ปีหน้าทองแท่งน่าจะถึง 20,000 บาท ได้ในช่วงประมาณ เดือน 4-5 จากปัจจัย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังไม่ดีขึ้น และค่าเงินดอลลาร์ที่อยู่ในช่วงปรับฐานอยู่ขณะนี้ก็น่าจะกลับมาอ่อนอีกครั้ง"


ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ยังลงทุนในทองคำแต่เป็นลักษณะเก็งกำไรขึ้นลงตลอดเวลา หมายความว่ามันจะมีความแกว่งตัวของราคาค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้น ก็ให้ลงทุนแบ่งเป็น 2 ประเภท นักลงทุนระยะสั้นให้เล่นอยู่ในโกลด์ฟิวเจอร์ โดยเข้าออกภายในเวลาประมาณ 1-5 วัน ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาวก็เล่นทองคำแท่ง ซึ่งยังเชื่อว่าทองยังน่าจะให้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 10% ในปี2553


อย่างไรก็ตาม ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในวงการทองคำ เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นและการคาดการณ์เท่านั้น ส่วนการตัดสินที่จะลงทุนหรือไม่ อยู่ที่ตัวของนักลงทุนว่าเลือกที่จะเสี่ยงเพื่อผลประโยชน์ หรือเลือกที่จะถือเงินสดอยู่นิ่งๆ

ไทยรัฐออนไลน์
วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ.2553


2 ความคิดเห็น:

  1. ทอง 2553

    พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ จาก KGI = ทองไม่ถึง 20,000
    จิตติ ตั้งสิทธิภักดี ท่านนายก = ทองไม่ถึง 20,000
    กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ จาก MTS = ทองถึง 20,000

    รักใครชอบใคร เชียร์กันครับ ว่าใครจะแม่น ?
    ^-^

    ตอบลบ
  2. หมดสนุกเลย นะเนี่ย ถ้ามันนิ่ง ๆ
    แต่คงได้ลุ้นเรื่องอื่นแทน ... ระเบิดตัวต่อไป คงไม่ใช่ทอง หรือเปล่า
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ