พอดีไปค้นดูรูปเก่าๆครับ เลยไปเจอภาพที่ถ่ายบนท้องฟ้าโดยบังเอิญ ตอนที่ถ่ายเป็นช่วงกลางวินเทอร์ของปี 2003 ครับ เป็นปีที่หิมะหนักมากปีนีง พอหลังจากหิมะตกใหม่ๆ โดยเฉพาะถ้ายังมีแสงสว่างอยู่ ทุกคนจะออกไปหากิจกรรมออกกำลังกัน หลังจากที่ต้องติดอยู่ในบ้านหลายวันครับ เที่ยวนี้ไปลากเลื่อนบนหิมะที่หยุดตกใหม่ๆครับ เน้นว่าต้องตอนหยุดตกใหม่ๆ เท่านั้นครับ (เผื่อใครอยากจะลองบ้าง) เพราะมันจะนุ่มและไม่เจ็บเวลากระแทกครับ
เข้าประเด็นครับ ในภาพเหล่านี้เราจะเห็น Chemtrail หรือสายเคมีได้อย่างชัดเจน เท่าที่ศึกษาเรื่องนี้ สิ่งนี้ประกอบไปด้วยสารพิษทั้งนั้น ทั้งสารปรอท สังกะสี สารหนู และอีกสารพัด แล้วมันจะค้างและขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามกระแสลมครับอย่างน้อยก็ 1-2 วัน จนแรกๆ ผมก็หลงเข้าใจไปว่าเค้าเอาไว้วัดทิศทางหรือกระแสลม แต่พอเอากลับมาคิดแล้ว เส้นสองเส้นก็พอม๊างงงงง นี่เล่นเป็นตารางหมากฮอส และมองเห็นเต็มท้องฟ้าในบางรัฐ บางทีเผื่อให้เพื่อนบ้านข้างเคียงด้วยครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจครับว่าคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐนานๆ 8-10 คนจะมีโรคประจำตัวหนักบ้างเบาบ้าง แม้ทารกแรกเกิดและเด็กเล็กๆ จะมีภาวะภูมิแพ้บางอย่างที่หาสาเหตุได้ยาก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนการมีโรคประจำตัวกลายเป็นเรื่องปรกติไปครับ
และแล้วผลประโยชน์จะไปตกที่ "บริษัทยา" ระดับโลกครับ บริษัทยาเหล่านี้ทำกำไรมหาศาลโดยเฉพาะบริษัท 5 อันดับต้นๆ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ FED หรือ Federal Reserve และรัฐบาลบาบิลอนนั่นเอง มีใครบ้างคงรู้ๆกันอยู่แล้วครับ
และแล้วผลประโยชน์จะไปตกที่ "บริษัทยา" ระดับโลกครับ บริษัทยาเหล่านี้ทำกำไรมหาศาลโดยเฉพาะบริษัท 5 อันดับต้นๆ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ FED หรือ Federal Reserve และรัฐบาลบาบิลอนนั่นเอง มีใครบ้างคงรู้ๆกันอยู่แล้วครับ
เอาเป็นว่าดูภาพเหล่านี้ไว้เป็นตัวอย่างครับ ที่เราเห็นกันในบ้านเรา ผมไม่อาจยืนยันได้ว่าใช่หรือไม่ แต่ก็อย่าประมาทครับ โดยเฉพาะบ้านเราอยู่ใต้อิทธิพลของบาบิลอนมานานจนจำไม่ได้เลยครับว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ในภาพเหล่านี้ไม่มีเมฆเลยนะครับ แต่เป็น Chemtrail หรือสายเคมีล้วนๆ เลยครับ.......
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายได้ครับ
ในโพสต์ต่อๆ ไปผมจะนำเสนอเรื่อง "มะเร็ง" และโรคสมัยใหม่ต่างๆ ทำไม "เราถูกสอนให้เป็นมะเร็ง" และโรคต่างๆ อีกมากมาย คนอเมริกันเสียชีวิตเพราะมะเร็งเป็นอันดับ 1 ถึง 300,000-400,000 คนต่อปี เสียชีวิตจากไข้หวัด 40,000-50,000 คนต่อปี ทั้งที่วิทยาการทางการแพทย์เรียกได้ว่าอยู่อันดับต้นๆ ของโลก เรื่องเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันครับ
อารยะธรรมตะวันตกเค้าปลูกฝังและสอนให้เราเป็นโรคต่างๆ เหล่านี้ แล้วอีกทางก็ไปสอนแพทย์แขนงต่างๆ ให้มารักษาเราครับ โดยใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่เค้าคิดค้นขึ้นเท่านั้น (การรักษาทางเลือกจะไม่ผ่าน FDA **ก็ของเค้าอีก**) แล้วขายผ่านทางแพทย์และโรงพยาบาล โดยการสปอนเซอร์และให้ทุนสถาบันเหล่านั้นในด้านต่างๆ ถ้าใครอยู่ใน field นี่ อ่านแล้วคงจะเข้าใจดีครับว่าผมกำลังพูดถึงอะไร ในวันที่ 1 มกราคม 2010 ที่ผ่านมา Food Codex หรือ Codex Elementarius มีผลบังคับใช้ทั่วโลกครับ ตรงนี้เป็นภัยเงียบและซับซ้อนเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและโภชนาการ บอกได้ว่าเรื่องนี้ยาววววครับ
ถ้าคุณจิมมี่ไม่บอก คงคิดว่าบนท้องฟ้านั่นเป็นพวกกลุ่มเมฆบางๆเลยนะคะนั่น มันน่ากลัวและน่าโมโหจริงๆเลยนะคะที่ทำแบบนี้ เพราะเคยคิดเหมือนกันว่า ถ้ามนุษย์เราอยู่โดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บแล้วยาจะขายใคร ธุรกิจนี้จะอยู่ได้ยังไง มันก็เป็นวัฏจักรวังวนแบบนี้นี่เอง เห้อ
ตอบลบบาบาร่า ฟู