วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

The Original.......Chemtrail หรือสายเคมี

พอดีไปค้นดูรูปเก่าๆครับ เลยไปเจอภาพที่ถ่ายบนท้องฟ้าโดยบังเอิญ ตอนที่ถ่ายเป็นช่วงกลางวินเทอร์ของปี 2003 ครับ เป็นปีที่หิมะหนักมากปีนีง พอหลังจากหิมะตกใหม่ๆ โดยเฉพาะถ้ายังมีแสงสว่างอยู่  ทุกคนจะออกไปหากิจกรรมออกกำลังกัน หลังจากที่ต้องติดอยู่ในบ้านหลายวันครับ เที่ยวนี้ไปลากเลื่อนบนหิมะที่หยุดตกใหม่ๆครับ เน้นว่าต้องตอนหยุดตกใหม่ๆ เท่านั้นครับ (เผื่อใครอยากจะลองบ้าง) เพราะมันจะนุ่มและไม่เจ็บเวลากระแทกครับ

เข้าประเด็นครับ ในภาพเหล่านี้เราจะเห็น Chemtrail หรือสายเคมีได้อย่างชัดเจน เท่าที่ศึกษาเรื่องนี้ สิ่งนี้ประกอบไปด้วยสารพิษทั้งนั้น ทั้งสารปรอท สังกะสี สารหนู และอีกสารพัด แล้วมันจะค้างและขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามกระแสลมครับอย่างน้อยก็ 1-2 วัน จนแรกๆ ผมก็หลงเข้าใจไปว่าเค้าเอาไว้วัดทิศทางหรือกระแสลม แต่พอเอากลับมาคิดแล้ว เส้นสองเส้นก็พอม๊างงงงง นี่เล่นเป็นตารางหมากฮอส และมองเห็นเต็มท้องฟ้าในบางรัฐ บางทีเผื่อให้เพื่อนบ้านข้างเคียงด้วยครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจครับว่าคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐนานๆ 8-10 คนจะมีโรคประจำตัวหนักบ้างเบาบ้าง แม้ทารกแรกเกิดและเด็กเล็กๆ จะมีภาวะภูมิแพ้บางอย่างที่หาสาเหตุได้ยาก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนการมีโรคประจำตัวกลายเป็นเรื่องปรกติไปครับ 

และแล้วผลประโยชน์จะไปตกที่ "บริษัทยา" ระดับโลกครับ บริษัทยาเหล่านี้ทำกำไรมหาศาลโดยเฉพาะบริษัท 5 อันดับต้นๆ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ FED หรือ Federal Reserve และรัฐบาลบาบิลอนนั่นเอง มีใครบ้างคงรู้ๆกันอยู่แล้วครับ 



เอาเป็นว่าดูภาพเหล่านี้ไว้เป็นตัวอย่างครับ ที่เราเห็นกันในบ้านเรา ผมไม่อาจยืนยันได้ว่าใช่หรือไม่ แต่ก็อย่าประมาทครับ โดยเฉพาะบ้านเราอยู่ใต้อิทธิพลของบาบิลอนมานานจนจำไม่ได้เลยครับว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ในภาพเหล่านี้ไม่มีเมฆเลยนะครับ แต่เป็น Chemtrail หรือสายเคมีล้วนๆ เลยครับ.......








คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายได้ครับ 

ในโพสต์ต่อๆ ไปผมจะนำเสนอเรื่อง "มะเร็ง" และโรคสมัยใหม่ต่างๆ ทำไม "เราถูกสอนให้เป็นมะเร็ง" และโรคต่างๆ อีกมากมาย คนอเมริกันเสียชีวิตเพราะมะเร็งเป็นอันดับ 1 ถึง 300,000-400,000 คนต่อปี เสียชีวิตจากไข้หวัด 40,000-50,000 คนต่อปี ทั้งที่วิทยาการทางการแพทย์เรียกได้ว่าอยู่อันดับต้นๆ ของโลก เรื่องเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันครับ


อารยะธรรมตะวันตกเค้าปลูกฝังและสอนให้เราเป็นโรคต่างๆ เหล่านี้ แล้วอีกทางก็ไปสอนแพทย์แขนงต่างๆ ให้มารักษาเราครับ โดยใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่เค้าคิดค้นขึ้นเท่านั้น (การรักษาทางเลือกจะไม่ผ่าน FDA **ก็ของเค้าอีก**) แล้วขายผ่านทางแพทย์และโรงพยาบาล โดยการสปอนเซอร์และให้ทุนสถาบันเหล่านั้นในด้านต่างๆ ถ้าใครอยู่ใน field นี่ อ่านแล้วคงจะเข้าใจดีครับว่าผมกำลังพูดถึงอะไร  ในวันที่ 1 มกราคม 2010 ที่ผ่านมา Food Codex หรือ Codex Elementarius มีผลบังคับใช้ทั่วโลกครับ ตรงนี้เป็นภัยเงียบและซับซ้อนเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและโภชนาการ  บอกได้ว่าเรื่องนี้ยาววววครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 มกราคม 2553 เวลา 07:07

    ถ้าคุณจิมมี่ไม่บอก คงคิดว่าบนท้องฟ้านั่นเป็นพวกกลุ่มเมฆบางๆเลยนะคะนั่น มันน่ากลัวและน่าโมโหจริงๆเลยนะคะที่ทำแบบนี้ เพราะเคยคิดเหมือนกันว่า ถ้ามนุษย์เราอยู่โดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บแล้วยาจะขายใคร ธุรกิจนี้จะอยู่ได้ยังไง มันก็เป็นวัฏจักรวังวนแบบนี้นี่เอง เห้อ

    บาบาร่า ฟู

    ตอบลบ