วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ระดมความคิดแก้วิกฤติชาติ..." 1/7 เมื่อถึงวันสิ้นชาติ ไม่มีโอกาสแก้ตัว "

" ผู้ชุมนุมเป็นแค่ "เบี้ย" เบี้ยที่เค้าต้องการให้ตาย ตายให้มากที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เป้าหมายคือการยกระดับความรุนแรงในสายตาของต่างชาติ ยิ่งรุนแรง ยิ่งทำให้ภาพพจน์ของเทศไทยเสียหาย ถ้าผิดพลาด รัฐบาลไทยจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลวหรือ "Failed State"  click!! คือไม่สามารถบริหารจัดการประเทศตัวเองได้ เพื่อเป็นข้ออ้างและเหตุผลในการเข้ามาแก้ปัญหาหรือไกล่เกลี่ย หรือเรียกให้สวยหรูว่าเข้ามาเพื่อ "สร้างสันติภาพ" แต่ที่จริงแล้วคือความพยายามเข้ายึดครองประเทศไทย ล้มสถาบันหลักคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จัดระบบระเบียบใหม่อย่างที่เค้าต้องการ เลือกคนของเค้าให้มาเป็นผู้นำสูงสุด เปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นไทยไปสู่ทาส หลังจากนั้นก็จัดให้มีการเลือกตั้ง ทำเหมือนจะถอยออก เอาหน้ากากของ "ประชาธิปไตย" สวมทับไว้อีกที ทำเหมือนจะให้มีประชาธิปไตยเต็มใบ แต่จะยังคงทหารและฐานที่มั่นทางทหารไว้ และเค้าจะเลือกคนของเค้าไว้แล้วให้เป็นผู้นำประเทศในตำแหน่ง "ประธานาธิบดี" ผ่านทางระบบเลือกตั้ง อย่างที่เกิดขึ้นแล้วในติมอร์ อิรัค หรืออัฟกานิสถาน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ เค้าทำสำเร็จและเข้ายึดครองไปแล้วในหลายๆ ประเทศ พูดได้ว่าแนบเนียนและแทบดูไม่ออกเลยล่ะครับ " 

เอกสารประกอบการฝึก
การแก้ปัญหาด้านกิจการพลเรือน

หลักสูตร นายทหารกิจการพลเรือนชั้นสูง
รุ่นที่ ๑๕ / ๘ พ.ค.๔๓ ถึง ๑๔ ก.ค.๔๓

แผนปฏิบัติการล่าอาณานิคมแบบใหม่ที่คนไทยต้องรู้
พุทธวิทยาเพื่อการปฏิวัติ

"...... เมื่อถึงวันสิ้นชาติ ไม่มีโอกาสแก้ตัว ...... "
"จากหัวใจถึงชาวไทย"

ข้อมูลนี้ เป็นข้อมูลที่ได้เสนอให้กับหน่วยงานรักษาความมั่นคงระดับสูง อันจัดเป็นมันสมองของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ วางแผน และป้องกันประเทศให้รอดพ้นภยันตราย จากประเทศมหาอำนาจ โดยรวบรวมจากข้อมูล พยานหลักฐานทางราชการ ทั้งโดยทางลับ และสาธารณะ จากสื่อสารมวลชน ทั้งภายในและต่างประเทศที่พิสูจน์ได้และเป็นจริง แต่คงจะเป็นเวรกรรมของประเทศ เนื่องจากว่าประเทศไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยนักวิชาการ ผู้มีความรู้ และผู้อวดสู่รู้มากมาย ซึ่งไร้ประสบการณ์ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เคย หรือทำหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลทางด้านการเงินของประเทศมหาอำนาจมาก่อน ดังนั้น เมื่อบทความดังกล่าวนี้ข้อมูลได้ถูกนำเข้าสู่การพิจารณา ผลปรากฏว่าได้รับการต่อต้านจากนักวิชาการ และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ผลจึงปรากฏอย่างที่คุณเห็นอยู่เช่นในปัจจุบันนี้

 

ข้อมูลของผมดังกล่าวนี้ จะทำให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจลึกซึ้งถึงพื้นฐานและความเป็นมา ต้นเหตุของปัญหา ที่ต้องเป็น และจะเป็นไปในอนาคต โปรดทำใจให้ว่าง พิจารณาบนหลักฐานและความเป็นจริงจะเข้าใจ อย่างถ่องแท้ถึงรากเง่าแห่งปัญหา อันเป็นที่มาของคำตอบว่า เหตุใดสถาบันพระพุทธศาสนาอันเป็นรากฐานของความเป็นชาติ และเป็นฐานแห่งสังคมไทยเป็น ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามบอกถึงความมีเอกลักษณ์ของชนชาติไทยจึงต้องถูกทำลาย ไม่เว้นแม้กระทั่งกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ใช้ในการปกครองประเทศ รวมไปถึงข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ระบบ ระเบียบ กฎหมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทั้งหมดทั้งสิ้นนี้คือสถาบันแห่งความมั่นคงของชาติ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ท่านจะได้รับคำตอบที่เคยสงสัย และคุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่อาจพบหนทางช่วยประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราให้ พ้นจากมหันตภัยที่เกิดขึ้น ได้ในอนาคตอันใกล้นี้


ยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ (Force 21)
นับตั้งแต่กลาง ปี พ . ศ . ๒๕๔๐ จวบจนปัจจุบัน สภาพเศรษฐกิจของไทย เข้าสู่ภาวะวิกฤตตกต่ำสุดขีดเสียยิ่งกว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งเราท่านไม่อาจจะคาดคำนวณกันได้ว่าผลสรุปและจุดจบของสภาวะเช่นนี้จะสิ้น สุดลงเมื่อใด ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักจะมองไปถึงต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ว่า มาจากสภาพเศรษฐกิจของโลกบ้าง การตัดสินใจผิดพลาดของธนาคารแห่งประเทศไทยบ้าง แล้วแต่ว่าใครจะกล่าวอ้างกันขึ้นมา แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีนักวิชาการ นักเศรษฐ ศาสตร์ผู้ใด ที่จะบอกกล่าวเล่าเตือนถึงมหันตภัยทางเศรษฐกิจอันจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ล่วงหน้าถูกต้องได้เลยแม้แต่คนเดียว วิกฤตการณ์นี้เกิดขึ้นแทบจะเรียกว่าข้ามคืนเลยก็ว่าได้ แม้ว่าจะใช้หลักวิชาการมาเป็นตัววิเคราะห์วิจัยก็ไม่สามารถแก้ไขได้แม้แต่ น้อย ยิ่งแก้ไขยิ่งเหมือนกับเป็นการสร้างปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งนักเศรษฐศาสตร์อันดับหนึ่งของโลกผู้ได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งเดินทางมาบรรยายในประเทศไทย ก็ยังคาดคำนวณสถานภาพเศรษฐกิจไทยล่วงหน้าผิดพลาดอย่างไม่น่าเป็นไปได้ 

ฉะนั้นอย่าพูดถึงนักการเมือง นักบริหาร หรือนักวิชาการในประเทศไทยเลย ที่จะสามารถคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ล่วงหน้า มันเป็นไปได้อย่างไร ที่ภาวะวิกฤตนี้เกิดขึ้นในขณะที่ประเทศไทยซึ่งถูกเรียกว่าเป็นเสือตัวที่ห้า ของเอเซีย / กำลังอยู่ในภาวะเจริญเกือบสุดขีด จนประเทศเพื่อนบ้านของเรายึดถือเอาประเทศไทยเป็นตัวอย่างในการพัฒนาเศรษฐกิจ ของประเทศ เงินกู้เงินลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมหาศาลที่กำลังไหลเข้าสู่ประเทศไทยมิได้ ไหลเข้ามาเพราะคนต่างชาติโง่ หรือคนไทยหลอกลวงเก่ง เพราะการกู้ยืมโดยสถาบันการเงินก็ดี หรือโดยนักธุรกิจอิสระก็ดี เจ้าหนี้ผู้ให้ยืมเงินหรือร่วมลงทุนเหล่านั้นล้วนเป็นชาวต่างประเทศ ที่มาจากสารพัดชนชาติที่ทุ่มเงินมหาศาลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยล้วนแล้วแต่ มีผู้ชำนาญทางการเงิน ซึ่งเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ถึงอนาคตการลงทุน และแนวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยว่าจะรุ่งเรืองที่สุดในย่านภูมิภาคเอเซีย ตะวันออกเฉียงใต้จึงปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเอกชนลงทุนในประเทศไทย 

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุปัจจัยใดที่พอน่าเชื่อได้ว่านักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ นักลงทุน ที่ปล่อยเงินกู้เหล่านั้นนัดกันไอคิวตกทั้งโลก หากเช่นนั้นสาเหตุหรือมูลฐานปัจจัยที่เกิดขึ้นนี้มาจากอะไรกันแน่ ที่เป็นสาเหตุให้ประเทศไทยตกเหววิกฤตแห่งเศรษฐกิจเพียงชั่วข้ามคืน นี่แหละคือคำถาม และบทวิเคราะห์ต่อไปนี้อาจจะเป็นแนวทางที่ ชี้ถึงสาเหตุแห่งธนภัยและวิกฤต ซึ่งจะช่วยในการหาวิธีแก้ไขได้ถูกทางยิ่งขึ้น

ในปลายปี ๒๕๑๗ ประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง(สหรัฐอเมริกา ภายใต้กลุ่มอีลูมินาติ บงการโดยวาติกันที่มีเยซูอิดอยู่บนยอดสุด) ได้มีการทบทวนบทบาทของการพ่ายแพ้ในการรบในสงครามเวียตนาม พบว่าชัยชนะไม่อาจได้มาด้วยการใช้กำลังอาวุธหรือกำลังพลที่เหนือกว่าตามที่ เชื่อกันมาในอดีต ดังนั้นจึงได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นเพื่อวิเคราะห์ถึงยุทธวิธีสำหรับการ รบในศตวรรษที่ ๒๑ (Force 21) ว่าควรเป็นไปในรูปใด จึงจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จถาวร มีการสูญเสียน้อยที่สุด เอื้อผลประโยชน์ให้มากที่สุด และใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติการสั้นที่สุด การวิเคราะห์ทดสอบของหน่วยงานนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งในปี ๒๕๓๓ ได้ผลสรุปว่าการยึดอำนาจทางเศรษฐกิจเท่านั้นจะให้ชัยชนะและผลประโยชน์อย่าง ถาวร อันเป็นแผนปฏิบัติการที่ถูกนำมาใช้เรียกว่า ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ โดยมีสมการของยุทธวิธีคือ E = MOC 2


E (Economic) เศรษฐกิจ
M (Mental) สร้างความเชื่อใหม่ , สลายศรัทธาเดิม
O ( Organization) สร้างกระแส , ทำลายระบบการเมือง
C (Cash Value) ทำลายค่าของเงิน
C (Cash Control) ควบคุมระบบการเงินแบบเบ็ดเสร็จ

สาเหตุ ที่หน่วยงานดังกล่าวต้องใช้สมการนี้เป็นหัวใจของยุทธวิธี ก็เนื่องจากได้วิจัยพบว่า เหล่านักวิชาการ หรือนักเศรษฐศาสตร์อันอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกนั้น ล้วนร่ำเรียนตามหลักวิชาที่มีรากฐานทางเดียวกันทั้งสิ้นทั้งการสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหา ฉะนั้นหากมีปัญหาใดที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจปกติสามัญแล้ว ก็จะไม่พ้นปัญญาของผู้รู้เหล่านั้นที่จะแก้ไขได้ไม่ยาก ดังนั้นสมการนี้จึงถูกพัฒนาให้มีความผกผันในตัวของมันเองไม่เพียงแต่ไม่ สามารถแก้ไขได้ด้วยพื้นฐานทางวิชาการเท่านั้น สมการนี้ยังมีศักยภาพที่สามารถทำให้การแก้ปัญหาในทุก ๆ ครั้งผิดแนวทางไร้ประโยชน์ และการแก้ไขนั้นจะกลับเป็นการ เอื้อประโยชน์ให้กับสมการนี้บรรลุเป้าหมายเร็วยิ่งขึ้นไปอีกโดยอัตโนมัติ เท่ากับเป็นการช่วยเหลือสมการนี้เสียด้วยซ้ำ


ตอนนี้เรามาดูกันว่าปัจจัยใดทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเหยื่อ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ เป็นความบังเอิญ หรือเป็นเพราะได้มีการวางแผนงานไว้แล้วอย่างเป็นขั้นตอน ผู้เขียนขอมอบให้เป็นเอกสิทธิ์ ของท่านผู้อ่านที่จะวินิจฉัยด้วยภูมิปัญญาตามหลักวิชาการของแต่ละท่านโดยอิสระ

หน่วยงานนี้ได้ค้นพบว่า สมการนี้จะให้ประโยชน์สูงสุดต่อเมื่อสามารถหาพื้นที่อันเป็นฐานที่มั่นถาวร ในการปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่เรียกว่า ยุทธภูมิเศรษฐศาสตร์ อันประกอบไปด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์และเศรษฐศาสตร์สมบูรณ์ครบ ๕ ประการ (Give Me 5) คือ

๑. ทางบก มีพื้นที่เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินใหญ่ สามารถขยายเส้นทางคมนาคมทั้งทางยุทธศาสตร์และเชิงพาณิชย์ หรือเชื่อมต่อกับประเทศที่มีศักยภาพในการผลิต และมีอำนาจการซื้อได้โดยง่าย

๒. ทาง น้ำ มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่สามารถขยายศักยภาพทางทะเล ทั้งทางทหารและ ทางพาณิชย์(พาณิชย์นาวี) ได้ครอบคลุมภูมิภาค

๓. ทางอากาศ มีความพร้อมในการขยายศักยภาพทางอากาศทั้งทางทหาร และเชิงพาณิชย์ ในพิสัยโดยรอบภูมิภาค

๔. มี ทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะด้านการเกษตร สามารถขยายฐานผลิตด้านเกษตรได้โดยง่าย และมีพื้นที่ติดกับประเทศที่มีฐานทางการเกษตร (เนื่องจากสภาวะ เรือน กระจกทำให้ผลผลิตสินค้า ด้านบริโภคจะมีความต้องการสูงขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดในอนาคตของตลาดโลก)

๕. ผูกค่าสกุลเงินตราของ ประเทศไว้กับเงินสกุลดอลล่าห์ ด้วยปัจจัยหลักดังกล่าวนี้ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีครบทุกประการ ฉะนั้น ประเทศไทยอาจถูกเลือกให้เป็นยุทธภูมิเศรษฐศาสตร์ในการดำเนินยุทธวิธี แต่ทั้งนี้การดำเนินยุทธวิธีของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจะต้องขึ้นอยู่กับดัชนี แห่งเวลา(Time Table) เป็น ตัวชี้นำว่าเมื่อใดจึงจะเหมาะสมที่จะปฏิบัติการใช้ยุทธวิธีนี้ หากดัชนีแห่งเวลาไม่อยู่ในช่วงที่เหมาะสมแล้ว จะทำให้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไม่สามารถบรรลุผลได้ ดังนั้นยุทธวิธีจึงถูกแบ่งเป็น ๓ ขั้นตอน โดยมีดัชนีเวลาเป็นตัวกำหนดอัตราเร่งและปฏิบัติการที่ตายตัว

ขั้นตอนที่ ๑ เริ่มในปี ๒๕๓๓ ถึง ๒๕๓๙ ใช้ยุทธวิธีตัว M(Mental)สร้าง ค่านิยมใหม่ สลายศรัทธาเดิม ประสานกับ O (Organization) สร้างกระแส ประสานเสริมศักยภาพให้กับ M

ขั้นตอนที่ ๒ เริ่มในปี ๒๕๔๐ ใช้ยุทธวิธีของ C(Cash Value)อันเป็นC ตัวที่หนึ่ง เป็นตัวนำโดยการทำลายค่าของเงินให้ต่ำลงเพื่อบีบให้เข้าสู่ ขั้นตอนที่ ๓ โดยใช้อัตราเร่งรวมจากผลคูณของ M และ O

ขั้นตอน ๓ เริ่มในปี ๒๕๔๑ เป็นการเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย ใช้ยุทธวิธีของ C ตัวที่สองซึ่งจะมีอัตราเร่งสูงสุดจากผลคูณของมวลรวมของ ๑ และ ๒ โดยมีเป้าประสงค์อยู่ที่การเข้าควบคุมระบบการเงินทั้งหมดให้ได้แบบเบ็ดเสร็จ ถาวร โดยอาศัยอำนาจทางกฎหมาย หรือวิธีการอื่นใด

เมื่อภาระกิจสามขั้นตอนดังกล่าวนี้ เสร็จสิ้นลงตามดัชนีเวลา(Time Table) นั่นก็หมายความว่ายุทธวิธีทาง ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจบรรลุเป้าประสงค์ สามารถยึดฐานที่มั่นอันถาวรเพื่อปฏิบัติการต่อเนื่องต่อไป
ประเทศไทยเป็นประเทศอันอยู่ในภาวะที่มีความพร้อมถึงขั้นเกือบ 100% ที่ ได้เตรียมการไว้อย่างเป็นรูปธรรม ในการต้อนรับนักธุรกิจ และนักลงทุนชาวฮ่องกง ที่มีความตั้งใจจะย้ายฐานการดำเนินการดำเนินธุรกิจจากเกาะฮ่องกงเข้าสู่ ประเทศไทยภายหลังฮ่องกงกลับไปอยู่กับจีน มีการก่อสร้างที่พัก อาศัย และอาคารพาณิชย์ไว้รองรับอย่างพรักพร้อม จึงมีนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์กันมาก เป็นประวัติการณ์ สถาบันการเงินทุกแห่งต่างปล่อยสินเชื่อในด้านอสังหาริมทรัพย์ก็ด้วยปัจจัยนี้เป็นหลัก


ซึ่งหากปล่อยให้นักธุรกิจฮ่องกงย้ายฐานมาอยู่ใน ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอาเซี่ยนได้เมื่อใดก็ตามนั่นหมายถึงความแข็ง แกร่งทางด้านเศรษฐกิจของเอเซียอันเต็มไปด้วยทรัพยากรทางเกษตร ซึ่งเปรียบเหมือนกระเพาะของโลก จะเป็นตัวได้เปรียบทางด้านการค้า และการเงินของโลกในอนาคต อย่างมหาศาล เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของตลาดการค้าอื่น ๆ ซึ่งไม่มีพื้นที่จะสร้างผลผลิตทางเกษตรอันปัจจัยหลักในการดำรงชีพ เช่น เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และประกอบกับประเทศมหาอำนาจได้สูญ เสียศักยภาพทางทะเล ในด้านเอเซียตะวันออกเฉียง ใต้ไป ยัง ไม่สามารถหามาทดแทนได้ ฉะนั้นอาศัยดัชนีเวลาที่เหมาะสมเป็นไปได้ว่า ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจได้เริ่มขึ้นโดยมีประเทศไทยเป็นเหยื่อแห่งยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ ตามยุทธวิธีแห่งสมการดังกล่าวตลอดมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ ผู้เขียนจะไม่อธิบายในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นได้เองอย่างเป็นรูปธรรม ฉะนั้นจะขอลำดับเหตุการณ์ เฉพาะเหตุการณ์สะท้านโลกที่พาประเทศ และประชาชนชาวไทย ก้าวเข้าสู่ห้วงวิกฤต ดังนี้
 
ในช่วงปลายปี ๒๕๓๙ ได้มีการข่าวที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ทั้งจริงและไม่จริงทำลายความเชื่อ มั่น ในสถาบันการเงิน อย่างเป็นระลอก นี่เป็นการเริ่มต้นของM(Mental) อันเป็นอักษรตัวแรกของสมการ เพื่อก่อให้ความเชื่อว่าน่าจะเป็นจริงตามข่าวลือนั้น คือเกิดกระแส O(Organization) อักษรตัวที่สองคือความไม่เชื่อมั่นในสถาบันการเงินเกิดขึ้นกับประชาชนใน ประเทศไทย จากนั้นเป็นหน้าที่ของ C(Cash Value) อักษรตัวที่สามอันสร้างจากสถาบันความเชื่อถือมูดดี้ส์ และ เอสแอนพีประสานงานกันอย่างต่อเนื่องโดยลดความน่าเชื่อถือของไทยลงไป ตามติดด้วยนายจอร์จ โซรอส ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้ค่าเงินบาท ตกต่ำลงในทันที และการกระทำดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวแต่เป็นการกระทำอย่างต่อเนื่อง 


ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็ต่อสู้ตามหลักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์และการเงิน ซึ่งได้เคยกระทำมาในอดีตโดยการป้องกันค่าเงินบาท แต่ไม่ประสบผลสำเร็จดังได้กล่าวไปแล้วว่าสมการนี้มีความผกผันมากมาย ฉะนั้นยิ่งแก้ไขยิ่งยุ่งเหยิง พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ประกาศจะสู้กับนักค้าเงินให้ถึงที่สุด ไทยเป็นเลือดนักรบมาแต่บรรพกาล แม้รู้ว่าจะต้องตายก็ขอสู้จนเลือดหยดสุดท้าย 

แต่ถึงท่านจะเก่งอย่างไร มีที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจการเงินที่เชี่ยวชาญขนาดไหน ก็ไม่มีวันพ้นศักยภาพแห่งสมการของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่ได้ตั้งดัชนีเวลาไว้ อย่างเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการปล่อยข่าวทำลายศรัทธา(M) ทั้ง สถาบันการเงินและตัวท่านจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดท่านก็พลาดเข้าสู่สมการอุบาทว์แห่งยุทธวิธีนี้จนได้ในการสั่งปิด สถาบันการเงินต่าง ๆ (O) และในที่สุดในวันที่ ๒ ก.ค.๒๕๔๐ ประเทศไทยต้องประกาศให้เงินบาทลอยตัว(C) ทำให้เงินบาทมีค่าน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งเป็นระยะเวลาเดียวกัน กับเหตุการณ์ที่ฮ่องกงกลับไปอยู่กับจีน ดู เวลาช่างประจวบเหมาะกันเหลือเกิน ย่อมมิใช่เป็นการบังเอิญเป็นแน่ และเป็นอุบัติการที่นักเศรษฐศาสตร์ทั้งโลกช็อคหาคำตอบและสาเหตุไม่ได้ว่า เกิดจากอะไรกันแน่ และไม่มีปัจจัยบอกเหตุทางเศรษฐศาสตร์ให้รู้ล่วงหน้าเสียด้วยซ้ำ

สมการแห่งยุทธศาสตร์เศรษฐกิจมิได้หยุดเพียงเท่านี้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ถึงครึ่งทางของเป้าประสงค์เสียด้วยซ้ำ เนื่องจากตัวสมการทุกตัวของยุทธวิธีมีค่าเป็นคูณเสมอ โดยเฉพาะตัวอักษร C นั้นนอกจากจะคูณแล้วยังยกกำลังสองอีกด้วย การปฏิบัติการจึงดำเนินต่อไปด้วยอัตราเร่งที่เร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นทวีคูณ สมการนี้ก็เริ่มดำเนินการอีกโดยการสร้างความความเชื่อในสังคมว่า ประเทศไทยต้องพึ่ง สถาบันการเงินระหว่างประเทศ IMF แห่งเดียวเท่านั้นจึงจะรอดพ้นจากความหายนะทางเศรษฐกิจ ในขณะที่สถาบันและองค์กรการเงินในโลกนี้มีหลายร้อยหลายพันสถาบัน การสร้างความเชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่านโยบายการทำงานของ IMF จะช่วยให้สมการ นี้บรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะในการสลายองค์กร(C) ซึ่งแน่นอนที่สุดสมการนี้ก็ประสบผลสำเร็จเช่นเคย ประเทศไทยตกลงกู้เงินจากIMF (ซึ่งเป็นตัวเบิกทางให้ กับ C ตัวที่สอง) ให้เข้าควบ คุมองค์กรและระบบการเงินของประเทศได้ โดยใช้เงื่อนไขเป็นหลักในการดำเนินการในอนาคต เส้น ทางของเป้าประสงค์แห่งสมการอุบาทว์นี้ยังอยู่อีกไกล


ทั้งนี้เป็นด้วยองค์ประกอบในขณะนั้น พรรคฝ่ายค้านล้วนแล้วแต่เป็นนักกฎหมาย ย่อมคัดค้านต่อรัฐบาลในการที่จะออกกฎหมายให้คนต่างชาติมีสิทธิทางกฎหมายเท่า เทียมกับคนไทยในประเทศได้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่จะสัมฤทธิ์ผลในการเข้ายึดพื้นที่ทางเศรษฐกิจโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายและ ดุษณีภาพ สมการของ C ตัวที่สอง ดังนั้นยุทธวิธี ทำลายความเชื่อมั่นในตัวผู้นำจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม (M) การสร้างแนวร่วมขึ้นต่อต้านโจมตีนโยบายรัฐบาล(O) พร้อมไปกับการลดความเชื่อถือทางการเงินทำให้ค่าเงินบาทลดลงอย่างน่าใจหาย (C) ในที่สุดรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ก็จบลง อันเป็นไปตามขั้นตอนของยุทธวิธีแห่งสมการ

รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัย เข้ารับหน้าที่แทน มีคณะทีมเศรษฐกิจซึ่งบอกเล่ากล่าวขานกันว่ามีฝีมือในการบริหารการเงิน เพื่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็มิได้รอดพ้นที่จะเป็นเครื่องมือของสมการอุบาทว์นี้เช่นกัน โดย แทบจะทันทีทันใดหลังรับตำแหน่ง ก็ได้สั่งปิดองค์กรและสถาบันการเงิน ๕๖ แห่งอย่างถาวร ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วการสั่งปิดหรือยึดทรัพย์ สินนั้นเป็นอำนาจของศาล ภายใต้ข้อเท็จจริงอันได้พิสูจน์โดยชัดแจ้งซึ่งก็นับว่าขัดต่อกฎหมายอย่าง เห็นได้ชัด อีกทั้งยังไม่มีหลักเกณฑ์ใดที่จะใช้พิสูจน์ว่าหนี้ใดดีหนี้ใดเสียได้อีกด้วย แต่ด้วยพลังแห่งสมการทำให้ ทีมเศรษฐกิจใช้เพียงข้อสมมุติฐานว่าหากปิดสถาบันการเงินเหล่านี้แล้ว จะทำให้ต่างชาติมีความเชื่อมั่นกลับมาลงทุน และค่าเงินบาทจะสูงขึ้นกว่าเดิม 


ผลปรากฏว่าต่างชาติกลับลงทุนในตลาดหุ้นของไทยน้อยลง รวมทั้งค่าเงินบาททำสถิติตกดิ่งต่ำยิ่งกว่าเดิม ผู้เขียนคงไม่ต้องอธิบายกันซ้ำอีกละว่ายิ่งแก้เหมือนยิ่งช่วยเร่ง ผลที่เกิดตามมาคืออุตสาหกรรมการส่งออกขาดสภาพคล่องไม่มีเงินในการซื้อวัตถุ ดิบในการผลิต พนักงานตกงานในทันทีนับเป็นหมื่นคน วงล้อสมการอุบาทว์ยังคงหมุนต่อไป การทำลายความเชื่อถือในเงินบาทยังเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอโดยสถาบันความเชื่อ ถือมูดดี้ ประกาศลดเครดิตต่ำลงไปอีก ทำให้ต้องใช้เงินกู้ที่เป็นเงินสำรองออกแทรกแซงค่าเงินบาทซ้ำแล้วซ้ำอีก แนวความคิดเริ่มจะเชื่อว่าหากมีชาวต่างชาติเข้าถือหุ้นในบริษัทของคนไทย หรือซื้อบริษัทไปบริหารเลยได้มากเท่าไรจะช่วยเศรษฐกิจไทย ได้มากขึ้นเท่านั้นแรงขึ้นทุกขณะ และเกิดการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าถือหุ้นนิติบุคคล ได้เกินกว่าร้อยละ 50 และ ต่อไปคืออนุญาตให้ต่างชาติถือครองที่ดินและประกอบอาชีพได้เช่นประชาชนไทย ภายใต้ความเชื่อว่าเป็นการนำเงินตราเข้าประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ชาวต่างชาติเข้าซื้อหรือถือหุ้นในขณะนี้กลับเป็น สถาบันการเงิน ซึ่งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้รัฐบาลมีความเชื่อว่าเป็นตัวก่อปัญหาให้เกิด หนี้สิน (สิ่งนี้จะเห็นได้อย่างชัดในเรื่องตลาดเงินเสรี อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ใช้สมการนี้) จะเห็นว่า ความผกผันของสมการนี้มีศักยภาพสูงมากเพราะว่ายิ่งแก้ไข มากเท่าไรยิ่งจมลงสู่ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ลึกลงไปทุกที สัจธรรมที่ว่าอย่า เชื่อสิ่งที่เห็น จงเชื่อสิ่งที่เป็น ยังคงความอมตะเสมอ

ทีนี้เรามาดูถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยต่อไป ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว เมื่อเกิดภาวะวิกฤตเช่นนี้เกิดขึ้น ทางแก้ปัญหาโดยสามัญคือ การส่งสินค้าออกให้มากที่สุดเพื่อให้ได้เงินตราต่างประเทศเข้ามามากที่สุด แต่สำหรับสมการแห่งยุทธศาสตร์เศรษฐกิจนี้การแก้ไขคือการฆ่าตัวตาย พิสูจน์กันได้ชัดดังนี้คือ สินค้าออกของเราคือข้าว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นกันไปทั่วว่าเราขายข้าวเป็นสินค้าออกมากกว่าปี ที่แล้ว และยังได้ราคาดีกว่าด้วยตามปกติแล้วย่อมหมายถึงกำไร แต่เปล่าเลยด้วยสมการนี้ ยิ่งส่งออกยิ่งขาดทุน ลองมาดูตัวเลขกันแบบตันต่อตันก็ได้ ในปี ๒๕๓๙ เราขายข้าวตันละ ๔,๐๐๐ บาท เท่ากับ $๑๔๒.๘๖(๒๘บาท/ดอลล์) แต่ในปี ๒๕๔๐ เราขายข้าวตันละ ๖,๐๐๐บาท เท่ากับ ๑๒๗.๖๖(๔๗ บาท/ดอลล์) เมื่อนำเอาตัวเลขตามอัตราแลกเปลี่ยน มาลบกันจะเห็นว่าเราขาดทุน ไปตันละ ๑๕.๒๐ ดอลล่าห์หรือประมาณ ๗๑๔บาท ในการขายข้าวทุก ๆ หนึ่งตัน 


ดังนั้นยิ่งส่งออกข้าวมากขึ้นเท่าไร นั่นหมายถึงเรายิ่งได้เงินน้อยลง และซ้ำร้ายไปกว่านั้นโรงสี ผู้รับซื้อข้าวขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนักไม่มีเงินสดมาซื้อข้าวจาก เกษตรกร เนื่องจากสถาบันทางการเงินถูกปิด หรือเปลี่ยนระบบการทำงาน ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้การแนะนำเงื่อนไขของ IMF ซึ่ง โดยความเป็นจริงแล้วการสร้างสภาพคล่องทางการเงินคือสร้างให้เกิดกระแสการ เงินหมุนเวียนภายในประเทศให้มากที่สุด ส่งเสริมให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยให้มาก หรือตามปกติ แต่ไม่ควรใช้ของนอก จำกัดการนำของนอกเข้า หรือจำกัดการนำเงินออกนอกประเทศ รีบกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นให้มากที่สุดโดยผ่านทางงบประมาณของรัฐ สร้างความเชื่อถือในความมั่นคงของสถาบันการเงินให้มากที่สุด แต่เนื่องจากว่าการแก้ไขปัญหาทั้งหลายจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ได้สัญญา ไว้กับ IMF เอาเฉพาะเรื่องที่เกิดความผลผิดพลาดอันจากคำแนะนำ ของ IMF ที่เกิดขึ้นกับประเทศเมื่อวันที่ ๘ ธ.ค.๒๕๔๐ ปิดสถาบันการเงิน ๕๖ แห่ง ทำให้ประเทศต้องเป็นหนี้เพิ่มขึ้นเฉพาะ ๔๘ ชั่วโมงแรกหลังคำสั่งนั้นกว่า ๕ หมื่นล้านบาทเฉพาะชั่วโมงเดียว ทำให้ประเทศไทยที่แทบจะไม่มีเงินสำรองอยู่แล้วต้องนำเงินออกมาปกป้องค่าเงิน บาท ทำให้เงินสำรองของประเทศสูญไปอีก ซึ่งยังไม่นับรวมถึงปัจจุบันว่าหนี้ได้เพิ่มขึ้นอีกมากเท่าใดใครจะรับผิดชอบ เงื่อนไขและคำแนะนำดังกล่าวมีผลกระทบไปถึงประชาชนชาวไทย มีผลต่อวิถีชีวิตครอบครัว สภาพธุรกิจทั่วไปซึ่งไม่อาจดำเนินกิจกรรมได้โดยปกติสุข ปัญญาผู้มีความรู้ทั้งทางการเงินและสาชาต่าง ๆ อันเป็นทรัพยากรบุคคลนับเป็นล้านคน 

ซึ่งรัฐได้เสียงบประมาณการศึกษาหลายแสนล้านสร้างขึ้นมา กลายเป็นบุคคลไร้อาชีพ เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัวเองเนื่องจากขาดสภาพคล่องในการดำเนินการ ก่อให้เกิดภาวะอาชญากรรม และเพิ่มจำนวนทุจริตชนมากขึ้น อัน หมายถึงความไม่สงบเรียบร้อยภายในย่อมเกิดขึ้นตามมา ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงสภาพสังคมของเยาวชนไทยที่ต้องออกจากการศึกษาเนื่องจาก ภาวะทางเศรษฐกิจ จะเป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนานที่ฝังรากลึกกับอนาคตของชาติในด้านศีลธรรมจรรยา ที่พวกเขาพลาดเวลาในการเข้าศึกษาอบรมในวัยอันควรซึ่งจัดเป็นปัญหาในแนวดิ่ง การตัดงบประมาณต่าง ๆ ทำให้เสียสภาพคล่องในประเทศจัดเป็นการสูญเสียในแนวราบ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการแนะนำของ IMF ทั้งสิ้น ต้องกล่าวชม นายกมหาเธร์ โมฮัมมัด ที่ไม่ยอมหลงกลเป็นเหยื่อให้กับสมการยุทธศาสตร์เศรษฐกิจนี้ ซึ่งปรากฏผลว่าปัจจุบันค่าเงินริงกิตของมาเลเซียไม่ได้ตกต่ำตามที่ใครๆ คิด เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทในเวลาเดียวกัน สภาพเศรษฐกิจในมาเลเซียปัจจุบันก็มิได้เลวร้ายเช่นดังเกิดขึ้นในประเทศไทย ในอนาคตระบบธนาคารของไทยโดยเฉพาะสินเชื่อ จะเป็นอัมพาต หนี้ด้อยคุณภาพจะพุ่งขึ้นสูงสุด สั่งเข้าส่งออกจะตายสนิท และต่างชาติ มหาอำนาจจะใช้รัฐบาลเป็นเครื่องมือออกกฎหมาย เพื่อเข้ายึดครองเบ็ดเสร็จ
 

ณ จุดนี้ ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า ประเทศของเราเป็นเหยื่อของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไปแล้วหรือไม่ หากไม่เหตุไรเราจึงไม่สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วยคนไทยเอง เหตุใดเราจึงต้องได้ยินคำกล่าวอ้างทุกครั้งว่าเป็นคำสั่ง หรือเป็นเงื่อนไขของ IMF เป็นผู้ให้กระทำทั้งสิ้น สิ่งที่น่าแปลกที่สุดในขณะนี้ก็คือการกระทำตามเงื่อนไขกลับเพิ่มปัญหาและส่ง ผลในทางลบกับประเทศ การกระทำหลายอย่างขัดต่อ ตัวบทกฎหมายความสงบเรียบร้อยและศิลธรรมอันดี อันส่งผลร้ายในระยะยาวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งประชาชนทุกหมู่เหล่าชาวไทยในแผ่นดิน มิได้เลือกเว้นว่าเป็นลูกเล็กเด็กแดง อันไม่มีส่วนรับรู้ตกอยู่ในสภาพของเสมือนดังลูกหนี้ถ้วนหน้ากัน ต้องมีหน้าที่ใช้หนี้ที่ไม่เคยรู้เห็น ฉะนั้นหากเราเป็นหนี้ IMF จริง 

โดยสภาพกฎหมายประชาชนไทยในฐานะลูกหนี้ ก็มีสิทธิ์ที่จะรู้เห็นสัญญาเงินกู้ที่ได้ทำไว้กับเจ้าหนี้คือ IMF เพราะ นับแต่วันที่อ้างว่ากู้เงิน IMF มาจนบัดนี้ยังไม่เคยมีการแสดงสัญญาเงินกู้ดังกล่าวต่อสาธารณชน และหากว่าสัญญาเงินกู้ดังกล่าวนั้นรัฐบาลถือว่าเป็นความลับของชาติ ภาครัฐก็สามารถส่งให้คณะกรรมการกฤษฏีกา หรืออัยการสูงสุด ซึ่งล้วนแล้วได้ผ่านการวินิจฉัยสัญญาอันเป็นความลับสุดยอดของประเทศมาแล้ว ทั้งสิ้น และเป็นอำนาจโดยตรงตามกฎหมายที่ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาใด ๆ อันรัฐได้กระทำกับต่างประเทศ ถึงความได้เปรียบเสียเปรียบและผลประโยชน์ของประเทศอยู่แล้ว (เพราะไม่มีปรากฏในประมวลกฎหมายใดของประเทศไทย ที่อนุญาตหรือยกเว้นให้ชาวต่างชาติมีอำนาจออกคำสั่ง ในการบริหาร สั่งการ หรือสร้างเงื่อนไขให้รัฐปฏิบัติตามได้ ผู้เขียน)แต่ก็ไม่เคยมีการส่งให้หน่วยงานดังกล่าวตีความ เพราะข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริงก็คือ ประเทศไทยไม่เคยทำสัญญาเงินกู้ใด ๆ เป็นลายลักษณ์อักษรกับ IMF แม้แต่ฉบับเดียว สิ่งที่นำมากล่าวอ้างเป็นเพียงข้อเสนอฝ่ายเดียวซึ่งรัฐบาลไทยเสนอกับ IMF ว่าจะทำอะไรตอบแทนบ้างเท่านั้น ดังที่เรียกกันว่าหนังสือแสดงเจตจำนงค์ หรือ LETTER OF INTENT นั้น ลงนามโดยรัฐบาลไทยฝ่ายเดียว ซึ่งสามารถแก้ไข ยกเลิกได้ตลอดเวลา แต่ทำไมจึงกลายเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด เช่นต้องปิดสถาบันการเงิน หรือขายรัฐวิสาหกิจ และไม่เคยปรากฏว่ามีสัญญาเงินกู้ LOAN AGREEMENT กับ IMF เลยแม้แต่ฉบับเดียว แล้วเราเป็นหนี้เขาแต่เมื่อไร ? นี่คือสิ่งที่ประชาชนไทยต้องการความกระจ่างชัด

ตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ท่านผู้อ่านคงจะวินิจฉัยได้โดยเหตุผลและข้อเท็จจริง จึงขอฝากความเป็นความตายของชาติไว้ในมือของท่านผู้ทรงปัญญา นักวิชาการและประชาชน ที่จะหาแนวทาง วิธีการแก้ไข ถอดสมการอุบาทว์ให้หมดศักยภาพไป " ก่อนที่คนไทยจะไม่เหลือแผ่นดิน "

ภาคผนวก

วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๑ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการแต่งตั้งเป็น กรรมการ ถาวรกองทุนการเงินระหว่างประเทศIMF โดยได้รับเงินเดือนประจำ และทำงานให้กับ IMF สิ่งที่น่าแปลกก็คือตัว นายชวนฯ ยังเป็นนายกของประเทศไทย แต่เหตุใดจึงรับตำแหน่งเป็นกรรมการของIMF ??

วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ธนาคารโลก และ IMF แต่งตั้งนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นรับตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการเพื่อการ พัฒนาธนาคารโลกและกองทุนระหว่างประเทศ(IMF) อย่างเป็นทางการ สิ่งที่น่าสังเกตที่สุดก็คือตำแหน่งที่ได้รับนั้นเป็นตำแหน่งควบของธนาคาร โลก กับ IMF จึงไม่เป็นที่กังขาหรือปฏิเสธกันต่อไปอีกแล้วว่า ธนาคารโลกคือเครื่องมือเปิดทางให้กับ IMF และสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นายธารินทร์ฯ คือบุคคลที่ IMF ที่วางไว้ในตำแหน่งการเงินของประเทศ เพื่อรองรับปฏิบัติการตามแผนธา รินทร์ ๓๕-๔๓ ให้แล้วเสร็จตามคำสั่งของ IMF

นับตั้งแต่การออก พ.ร.บ.วิเทศธนกิจ หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า BIBF นอกจากนั้นยังเป็นผู้นำ เอานายราเกซ สักเสนา ซึ่งทำงานให้กับองค์กร CIA เข้ามาบริหารธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ (BBC) แต่ในปี พ.ศ.๒๕๔๑ นายธารินทร์ ได้มีคำสั่งให้ปิดBBC อย่างถาวรเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นการรับ-ส่งหน้าที่และประสานงานกันอย่างมี ระบบ ไม่ใช่เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ตามธรรมชาติของนักการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ เป็นสมการที่มีชื่อเฉพาะว่า "สมการกลืนชาติ" หรือ E=MOC2 ดัง นั้น สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนำความหายนะมาสู่ประเทศไทย ย่อมต้องไม่ธรรมดา มีการเข้าควบคุมข่าวสาร สร้างสถานการณ์กลบกระแส การยุบกรมตำรวจ การสลายอำนาจกองทัพ เปลี่ยนระบบโครงสร้าง กองทัพ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน รวมถึงการขายสินทรัพย์ของชาติ ออกกฎหมายขายชาติ ฯลฯ จึงได้เกิดขึ้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนได้ถูกวางแผนงานไว้เพื่อการ "ล่าอาณานิคม" ชนิดใหม่ เป็นปฏิบัติการประสานภารกิจที่กลมกลืนระหว่าง สมการกลืน ชาติ กับ พุทธวิทยาเพื่อการปฏิวัติ อย่างได้ผลที่สุดในประเทศไทย สาเหตุที่แท้จริงและปัญหา ข้อสงสัยได้นำมาเสนอโดยสังเขปไว้ ปรากฏอยู่ในข้อมูลลับมาก ดังนี้


" เพราะฉะนั้น อย่างนิ่งเฉยครับ อย่าทนดูจนนานเกินไป จนอาจจะทำอะไรไม่ได้แล้ว คนละไม้ละมือ เข้ามามีส่วนร่วม "ทำเถอะครับ" ทำอะไรก็ได้ที่ท่านทำได้ ให้สติกับเพื่อนร่วมชาติ ทำให้คนไทย "รู้ทัน" เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างน้อยฟอเวิร์ดหรือกระจายบทความเหล่านี้ไป ไม่ต้องให้เครดิต ไม่ต้องใส่ที่มา แต่ให้เข้าถึงคนไทยให้มากที่สุด อย่าให้ "ในหลวง" ของพวกเราต้องเหนื่อยอีก อย่าให้องค์กรหลักคือทหารและตำรวจถูกทำลายไปมากกว่านี้ ทหารตำรวจำนวนมากที่เสียสละ แม้กระทั่ง "ตาย" แทนเราในปัญหาภาคใต้ ยังจำ "จ่าเพียร" ได้ไม๊ครับ แต่...ในข่าววันนี้ผู้ชุมนุมทุบตี รุมทำร้ายทหารครับ ทหารที่เข้ามาปกป้องประชาชนและกรุงเทพมหานคร เราแตกแยกกันเองอย่างที่เค้าต้องการให้เป็น เรากำลังทำลายภูมิคุ้มกันของประเทศของเราเอง
  
เค้าเลือกเวลานี้เพราะอะไรท่านคงเข้าใจได้ ขอให้ประเทศไทยเป็นเหมือน "บ้านบางระจัน" ที่ครั้งนึงเคยต้านข้าศึกจนถึงที่สุด จนเลือดหยดสุดท้าย การเมือง เศรษฐกิจ สังคมเราแพ้ได้ แต่คงปล่อยให้ประเทศไทยโดยรวมแพ้ไม่ได้ครับ "


ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลและเนื้อหาหลักโดยคุณ Terran ครับ

26 ความคิดเห็น:

  1. ความสงบ อาจจะไม่เกิดครับ ถ้ารัฐบาลยังใช้ทหารความรุนแรงเป็นเครื่องมืออยู่

    เพราะ ในใจเสื้อแดง ณ ตอนนี้มีแต่ความโกรธแค้น เสียใจ ที่รัฐบาลทำกับเขาเป็นผู้ก่อการร้ายจริงๆ (ซึ่งมันอาจจะมีผู้ก่อการร้ายจริงๆแฝงตัวมาก้ได้)

    แต่ประเด็นสำคัญก็ คือ อยากให้รัฐบาลหยุดใช้ความรุนแรง อยากให้ถึงขั้นต้องไป un เลย เพราะถ้าต่างฝ่ายเล่นหักเหลี่ยมเฉียดคม กับ บ้าอำนาจ จนไม่เห็นประชาชนตาดำๆ กับ ประชาชนอีกส่วนที่โกรธแค้นท่าน

    ที่ท่านนายกทำเช่นนี้... ถ้าเป็นเช่นนี้อีกเรื่อยๆ สิ้นชาติแน่นอนครับ

    เวลานี้ อำนาจอยู่ที่รัฐบาล ถ้าจะให้สงบโดยเร็วที่สุด ท่านต้องยุบสภา
    แผนปองดอง ของท่าน ณ ตอนนี้ท่านได้ทำลายมันไปหมดแล้ว ด้วยคำโกหกของท่านเอง

    (ซึ่งผมก็ไม่คาดคิดว่าท่านจะทำเช่นนี้ได้ในสถานการแบบนี้)

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 00:48

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลจริงๆค่ะ

    บาบาร่า ฟู

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 12:34

    มันเป็นเรื่องจริงหรือครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 15:42

    ไม่เป็นเรื่องจริงหรอกค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 16:37

    คุณ ghertw กล่าวหา รัฐบาลว่า ผิดคำพูด

    โปรดระมัดระวัง คำพูด ข้อความ อย่าเกินเลยไป


    ผมยังอยากได้ข้อมูลก่อนที่จะโดนคำสั่งปิด

    ตอบลบ
  6. เห็นด้วยกะคุณคุณ ghertw ค่ะ...ยังไม่ตาสว่างกันหรือค่ะ ทั่วโลกเค้ารู้เค้าเห็นหมดแล้ว รากหญ้า..ความคิดเต้าไปไกล....ไปใกลกว่าที่คุณ...คิดค่ะ

    ตอบลบ
  7. ขออนุญาติคุณsunny จากเวบnonlow ลงบทความนี้นะคะ

    คนของประชาธิปัตย์ เป็นคนของวาติกัน

    โดยเฉพาะ นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ คาร์ดินัลประจำประเทศไทย

    มีหน้าที่ในการสร้างภาระหนี้สินให้กับประเทศชาติ เพื่อให้เข้าแผนของ NWO ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยวาติกัน

    NWO ของวาติกัน คือ การนำประชาคมโลกทั้งหลายเข้าสู่ภาวะของการเป็นทาส หรือการเป็นหนี้

    การสร้างภาวะความเครียดและความกดดันให้กับประชาชน ก็เพื่อไม่ให้คิดที่จะกระทำอะไรที่เป็นการสร้างสรรค์

    แต่ให้ดำรงชีวิตในลักษณะที่อยู่รอดไปวันๆ คิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ทิ้งเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวมหรือประเทศชาติ

    แม้กระทั่งการลงทุน ก็สนับสนุนการลงทุนของต่างประเทศ ไม่ใช่ของคนในชาติ

    แต่ผู้ที่เป็นทาสในการดำเนินการต่างๆ กลับเป็นประชาชนในประเทศ

    ไม่พอ แทนที่ผลกำไรที่ได้จากการลงทุนของคนต่างประเทศจะให้ถูกกักเก็บไว้ในประเทศไทย

    แต่กลับอนุญาตให้หอบเงินกลับไปต่างประเทศได้ แล้วอยากถามว่า ประเทศชาติจะได้อะไร

    นอกจากภาพลวงตา หลอกลวงประชาชน

    รู้ไหมว่า ในปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นหนี้เท่าไหร่แล้ว

    4.4 ล้านล้านบาท และต้องใช้คืน 16 หมื่นล้านบาทต่อปียังไม่รวมต้น

    แต่ยัง ยังไม่พอ ประชาธิปัตย์ต้องสร้างหนี้ให้ได้มากกว่านี้

    เพื่อให้ประเทศไทยไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกในอนาคต

    และไม่ว่าประชาธิปัตย์จะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่

    แต่ก็ได้รับค่าเงินปากถุง(คอมมิชชั่น)ไปเรียบร้อยแล้ว( 5%ของจำนวนเงินกู้ทั้งหมด)

    หากประเทศชาติ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพชนผู้กล้า บรรพบุรุษไทยผู้รักชาติคอยคุ้มครองและปกปักรักษาอยู่

    คงจะมีกลุ่มคนผู้กล้า ที่คิดจะกระทำการเพื่อประเทศชาติจริงๆ

    ออกมาหยุดกระบวนการทำลายประเทศชาติเสียที

    ก็ได้แต่ภาวนา เพราะ ณ ปัจจุบัน มองไม่เห็นใครเลยจริงๆ

    ทหารที่มักจะกล่าวว่า "พบกันอีกครั้งเมื่อชาติต้องการ"

    ในวันนี้ขอเปลี่ยนใหม่เป็น "อย่าพบกันอีกเลย เพราะชาติไม่ต้องการพวกคุณ"

    คำกล่าวข้างต้นนี้ มอบให้กับเหล่าทหารไทยที่คิดแต่จะรักษาสถานภาพของตนเอง

    และมอบให้กับทหารไทย ที่กลัวการเสียสละเพื่อประเทศชาติ

    คุณจิมมี่คิดว่าเป็นจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับตัวเองแล้วเริ่มเห็นว่าเป็นจริงอย่างที่บทความได้กล่าวไว้ เพราะขณะนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลปล่อยให้เหตุการณ์มันบานปลายไปเรื่อยๆโดยไม่ทำอะไรเลย
    ตอนนี้ควรกดดันให้รัฐบาลยุบสภาดีไหมคะ ทุกอย่างจะได้จบ หรือควรทำ รปห ดี

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 20:07

    ทหารไม่ใช่จะยุติปัญหาได้ง่าย ตราบใดที่โจรยังเผา และเผา เอาผู้หญิงและเด็กเป็นโล่ห์ แกนนำ โจรเล่นแง่โยกโย้ไปวันๆ ไม่มีความจริงใจต่อรองเพราะไม่ต้องการติดคุก แต่ทำลายคนกรุงเทพ ขนาดนี้ มันยากที่จะให้อภัย ถ้าจริงใจทำไมไม่ช่วยจับโจร ทำไมไม่ช่วยเจ้าหน้าที่ในการดับเพลิง เผาทรัพย์สินคนที่บริสุทธิ์ทำไม ถ้าทหารสามารถทำงานได้เต็มที่โดยไม่คำนึงถึงชีวิตคน มันจบไปนานแล้ว ไม่มีโอกาสได้เผาบ้านเผาเมืองหรอก เค้าแค่ตั้งด่านสกัด แต่โจรก็มารุมล้อม เผาๆ แล้วเผา ยิงๆๆๆๆ เพื่ออะไร ทักษินต่างหากที่มีสัญญาลับกับต่างชาติ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 20:09

    ต้องช่วยทหารกับรัฐบาลปราบโจรกุ๊ยแดงต่างหาก พวกนี้ทำงานสอดคล้องกันกวักมือเรียกต่างชาติเข้าบ้านทุกวัน

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 20:14

    ชัดเจนมากครับ ว่าใครที่ทำงานให้ NWO และดำเนินแผนการทำลายประเทศ...

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 20:29

    ปชป.คือพวกที่นำแผนการของพวก NWO มาดำเนินการเพื่อทำลายประเทศ
    เพราะฉะนั้น จงหยุดการกระทำนี้ซะ และหยุดใส่ร้ายคนอื่นว่าเป็นผู้การร้ายเสียทีเพราะตัวคุณนั่นแหละ คือผู้ก่อการร้ายเสียเอง ผมก็สงสัยมานานแล้ว และตอนนี้ ประชาชนเค้าก็มีความคิดไปไกลแล้ว ยุบสภาซะเถอะซาตาน ประชาชนเค้าไม่ได้เลือกคุณมา

    ตอบลบ
  12. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 20:33

    ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคนในเว็บนี้ ที่ดิฉันคิดว่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ มีปัญญา ที่สามารถมองสถานการณ์การเมืองได้อย่างใช้ปัญญามอง จะมีความคิดเยี่ยงนี้
    ซึ่งทักษิณอาจจะเป็น CIA มาจากอเมริกา เพื่อที่ล้มล้างสถาบันที่รักและเคารพของเราก็ได้

    ไม่ใช่ทักษิณ ชินวัตรหรอคะที่หาผลประโยชน์จากการลดค่าเงินบาท
    ไม่ใช่รัฐบาลทักษิณ หรือนอมินีหรอคะ ที่กู้หนี้ยืมสินมากมาย
    ไม่ใช่รัฐบาลทักษิณหรอคะ ที่ใช้นโยบายประชานิยมจนคนตจว.ไม่คิดทำมาหากินแล้ว
    และไม่ใช่ทักษิณ ชินวัตรหรอคะ ที่นำชาวต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดิน ทำให้ชาวนาต้องการเป็นคนรับจ้างปลูกข้าวไปแล้ว

    ขอโทษนะคะที่พิมพ์มาซะยาว แต่ก็ทนไม่ได้กับคนที่ไม่ช่วยเหลือแต่ยังซ้ำเติมประเทศขนาดนี้
    คุณghertw คะ ลองหาข้อมูลเยอะๆนะคะ ว่าใครเป็นคนยิงปชช + ใช้ความรุนแรง ?

    ตอบลบ
  13. ครับ รัฐบาลท่านปราบไปเลยครับสีแดง ปราบให้หมด ให้คนตายกันเยอะๆครับ พวกสีเหลืองรุมกันด่าสีแดงกันเยอะๆเชิญครับ ประมาณว่าที่ใครที่มัน

    แก้แค้นอ้างใส่ความกันไปมา แทนที่จะหยุดจะสงบ อยู่เงียบๆ
    กลับกล่าวหาด่ากัน เพิ่มความรุนแรงแรงไปอีก ดีเหมือนกัน เออ..เจริญแหละสิ้นชาติจริงแน่ เข้าแผนของ nwo เข้าไปทุกทีแล้ว
    ถ้าใครรู้แผนการจริงๆแล้วอ่านตั้งแต่ต้น คุณจะรู้ความจริงมันเป็นยังไง
    แล้วคุณก็จะรู้ว่าควรจะทำยังไง

    ตอบลบ
  14. ถ้าคุยอะไรกันในนี้ไม่ว่าหรอก ผมแค่อยากบอกรัฐบาลเลิกใช้ความรุนแรง แล้วหันหน้ามาคุยกัน ผมแค่ไม่อยากเห็นคนตายไปมากกว่านี้
    หรือ ทุกคนในนี้อยากเห็น คนไทยด้วยกันตาย เพราะเรื่องแบบนี้เหรอ
    ขออย่าให้ถึงขั้นส่งไป un เลย ถ้าถึงเมื่อไร เขาแผนทันที

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 20:51

    สนับสนุนคุณ ghertw ครับ ต้นเหตุที่แท้จริง ก็บอกไว้แล้วในบทความนี้แล้ว ว่าใครคือคนที่นำแผนการของวาติกัน มาทำลายประเทศ

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 20:53

    คนชุมนุมที่เผาบ้านเผาเมือง ใช้อาวุธทำร้ายชาวบ้านและทหาร ถ้ารอดมาก็คงเป็นพวกฉกชิงวิ่งราว ก่อความเดือดร้อนแก่คนอื่น ตายไปบ้างก็ดี

    ตอบลบ
  17. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 21:00

    ส่วนใหญ่คนที่ตายก็คือประชาชน ที่รัฐบาลกล่าวหาเค้าอยู่ทุกวันว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ส่วนทหารไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เพราะฉะนั้นรัฐบาลจงหยุดใช้ความรุนแรง หยุดยิงประชาชนซะ

    แล้วทหารที่มาปฏิบัติการนั้น เป็นทหารของใครก็รู้ๆกันอยู่นะ

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 21:08

    แล้ววันที่10 เม.ย. ทหารเจ็บครึ่งพัน ตายไป5นาย อย่างนี้จะบอกว่าทหารยิงกันเอง?
    ทหารเค้าไม่ยอมให้ลูกน้องเจ็บอีกแล้ว
    คนที่ยิงปชช ก็เป็นฝั่งเสื้อแดงเองนั่นแหละ สร้างสถานการณ์
    แต่สงสัยคำว่า ทหารของใครก็รู้ๆกันอยู่ หมายความว่ายังไงไม่ทราบ?

    ตอบลบ
  19. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 21:43

    เชื่อว่าต่างคนต่างความคิดค่ะ ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ก็คงไม่มีข้อโต้เถียงกันให้รู้สึกหมางใจกันจริงไหมคะ

    เชื่อว่าแก่นแท้ของทุกคนแล้วล้วนอยากให้บ้านเมืองสงบสุข และ ทุกคนก็รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

    อย่าขัดแย้งกันเพื่อเข้าทางใครที่วางแผนไว้นะคะ เราต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อชาติบ้านเกิดของเรา

    การกระทำและผลลัพธ์น่าจะเป็นตัวบอกที่แท้จริงค่ะว่าใครดีและใครเลว ทุกฝ่ายล้วนมีผลประโยชน์ส่วนตนกันทั้งนั้น ตอนนี้สถานการณ์มันแอบแฝงไปหมดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนกระทำฝ่ายไหน ให้คนที่เฝ้าดูอยู่เกิดความรู้สึกที่ต่างกันไปแล้วแต่ว่าใครจะสรุปในสิ่งที่เห็นว่าอย่างไร

    ขอให้ทุกท่านรักกันไว้นะคะ

    บาบาร่า ฟู

    ตอบลบ
  20. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 23:32

    ขอถามคุณ JIMMY หน่อยครับว่า สัญลักษณ์ ฟรีเมสัน ในการ์ตูน The Ant Bully - เด็กแสบตะลุยอาณาจักรมด เห็นชัดมากถ้าสังเกต เค้าจะสื่ออะไรครับ.... kedaburo@hotmail.com ส่งคำตอบให้ผมทางเมล์ด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    ตอบลบ
  21. ไม่ระบุชื่อ19 พฤษภาคม 2553 เวลา 00:40

    นานาจิตตังนะค่ะทุกคน
    โปรดอยู่ในความสงบด้วยค่า
    ต่างคนต่างความเห็น ไม่ผิดหรอกค่ะที่จะแสดงความคิดเห็นของแต่ล่ะคนกัน แต่ปัญหาทุกอย่างย่อมมีเหตุและผลค่ะ

    เอาเป็นว่า....
    ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ....
    (ชื่อของเขาก็คือ...ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน!!!)
    -[]-"

    ต้องสืบให้ลึก ค้นให้เยอะ วิเคราะห์ให้แยะ เปิดใจให้กว้างค่า

    เหะๆๆ

    ตอบลบ
  22. ไม่ระบุชื่อ19 พฤษภาคม 2553 เวลา 09:32

    กบเลือกนาย หรือ เห็นกงจักเป็นดอกบัว หรือบัวใต้ตม สุดท้ายคนโง่ก็โดนหลอกใช้อูย่ดี สำหรับคนไม่มีความคิด ไม่มีจิตสำนึก เวรกรรมๆๆ

    ตอบลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ20 พฤษภาคม 2553 เวลา 14:38

    คุณจิมมี่นับถือคริสต์นิกายอะไรค่ะ ไม่เห็นบอกเลย ไปโบสถ์ที่ไหน อยากไปเจอค่ะ

    ตอบลบ
  24. ไม่ระบุชื่อ21 พฤษภาคม 2553 เวลา 05:42

    เป็นข้อมูล "ดิสเครดิต" ประชาธิปัตย์ชัด อ่านก็รู้ แถมมาช่วงนี้อีก ทำไมตั้งนมนานไม่เคยเห็นเลย ถ้าอยากให้ประเทศชาติเจริญจริง ทำไมๆๆๆๆๆๆ
    อ๋อ จะได้อ้างได้ใช่มั๊ยว่าเสนอรัฐบาลไปแล้ว (แล้วตอนนี้ใครเป็น รบ.)แล้วเค้าไม่เอา

    เหมือนจะเป็นคำพูดอย่างห่วงใย แต่ข้างในไส้แตงโม?
    มานั่งนึกๆ ใช่จริง อย่างที่คุณด้านบน (ทักษิณอาจจะเป็น CIA มาจากอเมริกา ) ว่า เรื่องตั้งนมนาม ใครจะตามสืบว่าจริงไม่จริง แถมคนธรรมดาๆ อย่างเรา

    แล้วไอ้ทักกี้มันก็แสดงออกซะเกินหน้าว่าอยากจะครองประเทศ
    อยากให้ ต่างชาติเข้ามา มันจะได้เป็น "ประธานาธิบดี" ซะเอง
    ก็แต่ก่อนบุชน่ะเพื่อนทักกี้หนิ .. จบเมืองนอกด้วยกัน ทำไมมันจะไม่อยากเป็นเหมือนเค้า ..แต่ ปท.ไทยมันสุดได้แค่นายกฯ เท่านั้นแหละคุณ

    เชื่อว่ามีองค์กรแบบนี้จิง แต่ใครบงการสุดแล้วแต่จะเชื่อ
    แต่ฉันเชื่อ สิ่งที่ฉันเชื่อ .. ใครไม่ตามอย่ามาเหวง ..

    ตอบลบ
  25. ไม่ระบุชื่อ21 พฤษภาคม 2553 เวลา 11:22

    ตามข้อมุลนี้ สื่อ IMF ยืมมือประชาธิปปัตย์ทำร้ายประเทศไทยหรือคะ
    และแดงก็โดนหลอก ให้ใช้ความรุนแรงทำร้ายชาติหรือถูกหรือเปล่า
    สรุปว่าทุกคนโดนต่างชาติหลอก
    ถ้าเป็นตามนั้น อยากได้ตอมเม้นท์แนวสร้างสรรค์ ว่าเราจะมีทางออกอย่างไรกันดีกว่ามั๊ยคะ

    ตอบลบ
  26. เฮ้อออ บอกได้คำเดียวว่าเศร้า

    จะพ้นปี 2555 มั้ยเนี่ยพวกเรา

    ตอบลบ