วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2552
Posted by บรรยง ทองคำพุ่งทำสถิติราคาสูงสุดใหม่อีกครั้งในวันศุกร์ที่ 20 พย. โดยเพียงแค่ 20 วันแรกของเดือนพฤศจิกายนนี้ ราคาทองคำขยับขึ้นมาแล้ว 9 %
ล่า สุด ( 20 พย.) ราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่มีกำหนดส่งมอบ ณ เดือนธันวาคมที่ตลาด COMEX ( ตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าในนิวยอร์ค ) ราคาทองคำปิดที่ 1,148.50 เหรียญต่อออนซ์ นับเป็นราคาปิดที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการซื้อขายทองคำมา
ทำไม ราคาทองคำจึงพุ่งต่อเนื่อง
1. ใช้ทองคำเป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อ
ในห้วงวิกฤติที่ผ่านมา ธนาคารชาติต่างๆได้มีข้อตกลงร่วมกันว่า จะทุ่มเงินเข้าไปกอบกู้เศรษฐกิจของตน เพื่อไม่ให้ธุรกิจล้มเป็นลูกโซ่ เมื่อมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบจำนวนมาก ทำให้เงินท่วมระบบ นักลงทุนเริ่มกังวลว่ามันจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ
นักลงทุนที่รอบคอบมักเพิ่มการลงทุนในทองคำ ในสถานการณ์ที่เขาคิดว่าจะมีเงินเฟ้อในอนาคตเสมอ ทองคำจึงถูกใช้เป็น Inflation Hedge ที่โดดเด่นที่สุด
มาถึงวันนี้ ดูเหมือนว่ายังไม่มีธนาคารกลางใดที่จะถอนการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะทุกประเทศต่างรู้ดีว่า เศรษฐกิจของตนที่ดูดีขึ้นในเวลานี้ แท้ที่จริงแล้วยังมีความเปราะบางอยู่มาก
ดังนั้น ตราบเท่าที่ธนาคารกลางยังคงใส่เงินเข้าระบบหรืออย่างน้อยก็ไม่ได้มีการดึง เงินออกจากระบบ ตราบนั้นทองคำยังคงเดินหน้าขยับขึ้นเพื่อตอบรับปัญหาเงินเฟ้อที่คาดว่าจะ เกิดขึ้นในอนาคต
2. นักลงทุนหนีเงินดอลลาร์ไปเข้าทองคำ
นับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐ เงินดอลลาร์สหรัฐได้อ่อนค่าต่อเนื่อง สาเหตุมาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ไม่ว่า การขาดดุลการค้าที่ยังคงทำสถิติใหม่ หรือการพิมพ์เงินดอลลาร์จำนวนมหาศาลเพื่อเข้าไปอุดหนุนสถาบันการเงิน
ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ระยะยาว จึงพากันผละจากเงินดอลลาร์ไปลงทุนในทองคำแทน
3. ใช้ทองคำเป็นแหล่งพักเงิน
ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นมักร่วงลงตอบรับการคาดการณ์ผลประกอบการที่เลงร้ายของบริษัทจด ทะเบียน เมื่อตลาดหุ้นไม่มีเสถียรภาพ กองทุนใหญ่ที่เน้นปกป้องเงินต้น เช่นกองทุนบำเหน็จบำนาญ ก็ไม่กล้าลงทุนในตลาดหุ้น จึงนำเงินไปลงทุนในทองคำแทน รอจนกระทั่งตลาดหุ้นมีเสถียรภาพแล้ว จึงค่อยกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นใหม่อีกครั้ง
4. ธนาคารกลางเพิ่มการลงทุนในทองคำ
ตามปรกติ ธนาคารกลางชาติต่างๆมักซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไว้เป็นทุนสำรอง เพราะถือว่าเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักของโลก แต่เมื่อเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะยาว ธนาคารกลางบางประเทศเริ่มชลอการซื้อพันธบัตรสหรัฐ แล้วหันไปซื้อทองคำแท่งแทน
ข่าวธนาคารกลางของอินเดียที่เข้าไปซื้อทองคำจำนวน 200 ตันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) ไปกระตุ้นให้นักลงทุนยิ่งเฮโลไปลงทุนในทองคำมากขึ้น ราคาทองคำจึงพุ่งทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง
แผนภาพราคาทองคำในตลาดส่งมอบทันที ( spot ) ย้อนหลัง 1 ปี ล่าสุด ณ เย็นวันที่ 20 พย. 2009ปิดที่ราคา 1,151 เหรียญต่อออนซ์
Andrew Cole นักวิเคราะห์จาก Baring Multi Asset Fund บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ราคาทองจะทำสถิติใหม่ปีนี้และในปีหน้า จากการที่นักลงทุนใช้มันเป็นกำบังป้องกันเงินเฟ้อ
อาจจะมีนักวิเคราะห์บางท่านกล่าวว่า การซื้อทองคำที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นการกังวลเงินเฟ้อจนเกินเหตุ แต่นักวิเคราะห์จาก JPMorgan กลับให้ความเห็นว่า “อย่าลืมว่าคุณควรซื้อประกันก่อนที่บ้านของคุณจะเกิดไฟไหม้”
การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของทองคำในเวลานี้ ทำให้ทองคำไม่ใช่แหล่งพักเงินที่ปลอดภัยอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือเก็งกำไรที่น่าตื่นเต้นทั้งผลตอบแทนและอาจเป็นฝันร้าย ในเวลาเดียวกัน ขึ้นกับว่าใครจะจับทิศทางได้แม่นยำกว่ากัน เท่านั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น