The Rise & The Fall......." Dubai World "

พระอาทิตย์ตกที่ดูไบ เมื่อ "พักชำระหนี้"

Posted by ณสยาม , วันศุกร์ ที่ 27 พฤศจิกายน 2552

 

    อ่านหัวเรื่องแล้วคงจะงงกันนะครับ ยังจะมีคำถามว่า ดูไบ ซึ่งเป็น1 ใน 7 รัฐของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มีพื้นที่แค่ 3,900 ตารางกิโลเมตร และประชากรประมาณ 1.4 ล้านคน ไม่มีกลางคืนเหรอ เปล่าครับ มันเป็นคำนิยามเปรียบเทียบ อาณาจักรธุรกิจของ ดูไบ เวิลด์ ซึ่งได้กล่าวใว้ว่า  " The Sun Never Sets on Dubai World" อาณาจักรธุรกิจที่พระอาทิตย์ไม่เคยตก 

 " ที่ว่าพระอาทิตย์ไม่เคยตก"   สาเหตุเป็นเพราะว่าแม้จะเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานแต่ ดูไบ เวิลด์ ก็สามารถผงาดขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้าของโลกได้ เห็นได้จากเครือข่ายธุรกิจที่กระจายอยู่ตามเมืองต่างๆกว่า 100 แห่งใน 60 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในไทย 

  

   เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ดูไบเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม กล่าวว่า เกิดจากวิสัยทัศน์และแนวคิดของผู้นำรัฐดูไบ คือ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักทูม รองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรียูเออี และเจ้าผู้ครองรัฐดูไบที่ริเริ่มให้มีการพัฒนาท่าเรือเพื่อดึงการค้าขายเข้า มาตั้งแต่เมื่อ 35 ปีก่อนก่อนที่จะค้นพบน้ำมัน

     ภายหลังได้ผลักดันให้ มีการขยายสร้างท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ จากที่รองรับได้เพียง 2 ลำเพิ่มมาเป็น 200 ลำ จนมีความยาวถึง 15 กิโลเมตร พร้อมกับขยายการให้บริการไปทางด้านโลจิสติกส์ สนามบิน และโครงการอสังหาริมทรัพย์ ขนาดใหญ่ เช่น เดอะปาล์ม(The Palm) เพื่อทำให้ดูไบมีชายหาดเพิ่มจาก 7 กิโลเมตรเป็น 70 กิโลเมตร และปัจจุบัน 2,000 กิโลเมตร โดยขุดเอาทรายจากแม่น้ำใต้ทะเลขึ้นมาทำ และอื่นๆ จนปัจจุบันมีบริษัทระดับโลกเข้าไปตั้งจำนวนมาก รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

     โดยหนึ่งในบริษัทที่เป็นตัวจักร สำคัญในการพัฒนาความเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับดูไบ คือ ดูไบ เวิลด์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นไม่นานนี้หรือ เมื่อ 2 มีนาคม 2549 จากการริเริ่ม ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักทูม แต่มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในฐานะบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐดูไบ เมื่อ 2 กรกฎาคม 2549 มีพนักงานกว่า 50,000 คน

     ปัจจุบัน อาณาจักร ดูไบ เวิลด์ ครอบคลุมตั้งแต่ คมนาคม & โลจิสติกส์, ท่าเรือ & การเดินเรือ, การพัฒนาเมืองและการลงทุน บริการทางการเงิน อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว โรงพยาบาล & การแพทย์ ธุรกิจรีเทล ฯลฯ ประมาณว่า มีมูลค่าสินทรัพย์ กว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กิจการขนาดใหญ่ที่อยู่ในพอร์ตธุรกิจของดูไบ เวิลด์ และเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก คือ ดีพี เวิลด์ (DP World) ผู้ให้บริการท่าเรือรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก

     ปัจจุบันให้บริการท่าเรือ 46 แห่งและกำลังพัฒนาอยู่อีกกว่า 13 แห่งใน 28 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% Drydocks World & Dubai Maritime City ซึ่งออกแบบและพลิกดูไบกลายเป็นฮับเดินเรือที่สำคัญของตะวันออกกลาง นัคฮีล(Nakheel) พร็อพเพอร์ตี ดีเวลอปเปอร์ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการขนาดใหญ่ในดูไบ เช่น เดอะปาล์ม ไอส์แลนด์, เดอะ เวิลด์, ดูไบ วอเตอร์ฟรอนต์ ฯลฯ อีโคโนมิก โซน เวิลด์(Economic Zone World) บริหารเขตฟรีโซนทั่วโลก เช่น Techno Park ในดูไบ

    นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครืออื่นๆ เช่น อีสทิธมาร์( Istithmar) บริษัทลงทุนและบริหารในหลากหลายธุรกิจ เช่น การท่องเที่ยว รีเทล เฮลธ์แคร์ บริการการเงิน อุตสาหกรรม ฯลฯทั่วโลก

    สำหรับในไทยดูไบ เวิลด์ เข้ามาลงทุนด้านโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ผ่านทางนัคฮีล และ อีสทิธมาร์ โดยมีโครงการโรงแรมที่เข้ามาลงทุนพัฒนาในไทยแล้วหลายแห่ง เช่นที่กรุงเทพฯ เกาะสมุย ล่าสุดสนใจเข้ามาพัฒนาท่าเรือฝั่งอันดามันและอ่าวไทย รวมทั้งพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ โดยสนับสนุนเงินงบประมาณให้ไทย ประมาณ 200 ล้านบาท ศึกษาความเหมาะสม โดยประเมินมูลค่าลงทุนเบื้องต้นไว้ประมาณ 2 แสนล้านบาท

     จนมาถึงวันนี้ หลัง จากกระทรวงการคลังดูไบ แถลงดูไบ เวิลด์ กลุ่มบริษัทของรัฐบาล ขอทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ ขยายเวลาชำระหนี้ไปอย่างน้อยถึงวันที่ 30 พ.ค. ปีหน้า รวมถึงหนี้พันธบัตรอิสลาม มูลค่า 3.52 พันล้านดอลลาร์ ของ นักฮีล บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ ที่มีกำหนดชำระคืนวันที่ 14 ธ.ค. ถือเป็นมาตรการแรกปรับโครงสร้างดูไบ เวิลด์ ซึ่งมีหนี้ 5.93 หมื่นล้านดอลลาร์

  

    หนี้ 5.93 หมื่นล้านดอลลาร์ ถ้าหากคิดเป้นเงินไทย เอา 33 คูณ เข้าไป ก็ประมาณ 1.95 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณของประเทศเราอีก 

    ข้อมูลดังกล่าว เป็นของ ฐานเศรษฐกิจ และเป็นช่วงที่  พ.ต.ท. ทักษิณ ได้เชิญ สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ดูไบ เวิลด์ เข้ามาปฐกถาพิเศษ ที่ศุนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค 51  ซึ่งเป็นข่าวพอสมควรรวมทั้งเรื่องท่าเรือเซื่อมอันดามันและอ่าวไทย และการที่จะเข้ามาทำเกษตรกร

      จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ความร่ำรวยแค่ใหน หรือการพัฒนาโครงการต่างๆ จนเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นแหล่งสถาปัตยกรรมการก่อสร้างแห่งศตวรรษที่ 21   

     แต่ว่าในการทำธุรกิจ ถ้าหากความพอเพียงไม่มี โอกาสที่จะล้มก็มีสูง ถึงแหมตอนนี้ ดูไบ เวิลด์จะหยุดพักชำระหนี้ชั่วคราว แต่ก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นไปทั่วโลก อนาคตจะสามารถที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารเป็นหลัก

จากคำกล่าว  " The Sun Never Sets on Dubai World" อาณาจักรธุรกิจที่พระอาทิตย์ไม่เคยตก มาวันนี้ พระอาทิตย์ได้ตกที่ ดูไบ แล้วครับ..