วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Gold Update.......This way

สัมภาษณ์ จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2009 เวลา 10:22 น.


เยาวราช ถนนสายทองคำ วิถีกำลังเปลี่ยน หลังกำเนิดตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่มีราคาทองคำเป็นสินค้าอ้างอิง หรือโกลด์ ฟิวเจอร์ส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผนวกกับราคาทองที่แพงขึ้น จนเกินเอื้อมถึงสำหรับผู้ลงทุนบางกลุ่ม นอกจากนี้บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือTFEX จะฉลองครบรอบ 1 ปีของโกลด์ ฟิวเจอร์สด้วยการจัดให้มีการซื้อขายมินิโกลด์ ฟิวเจอร์ส (10 บาท) จากปัจจุบันที่กำหนดให้มีการซื้อที่สัญญาละ 50 บาท(น้ำหนักทองคำ)
 

โดยTFEX ให้เหตุผลที่ชวนฟังว่า เนื่องจากช่วงปี 2552 ราคาทองคำมีความผันผวนค่อนข้างมากทำให้โกลด์ ฟิวเจอร์สได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผู้ลงทุนมีความต้องการซื้อขายสัญญาที่มีขนาดเล็กลงเพื่อความคล่อง ตัวในการซื้อขายและบริหารพอร์ตลงทุนที่มีอยู่

นายห้างทอง ผู้คร่ำหวอดอยู่บนถนนสายทองคำมาร่วม 54 ปี "จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี" เจ้าของและดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด นอกจากนี้ยังสวมหมวกนายกสมาคมผู้ค้าทองคำ มากว่า 10 ปี สะท้อนมุมมองเรื่องทอง ผ่านการให้สัมภาษณ์
"ฐานเศรษฐกิจ" ทั้งการซื้อขายกระดาษ (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) การวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ ตลอดจนชะตากรรมของผู้ค้าทอง
 

โกลด์ ฟิวเจอร์ส ตลาดเก็งกำไร
"ต้องยอมรับว่าทองคำเวลานี้ถือเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนต้องมีติดพอร์ตไว้ เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อด้วย"

 
"จิตติ" เปิดประโยคด้วยการพูดถึงพฤติกรรมของผู้พิสมัยในทองคำที่เปลี่ยนแปลงไป จากในอดีตที่คนส่วนใหญ่จะมองทองคำเป็นเครื่องประดับมากกว่าเป็นสินทรัพย์ เพื่อการลงทุน
 

นั่นจึงเป็นที่มาของการทำให้สัดส่วนการซื้อขายทองคำที่เป็นทองรูปพรรณมีมาก ถึง 95% และเป็นทองแท่ง 5% ขณะที่ปัจจุบันตัวเลขกลับข้างกันคือ มีการซื้อขายทองคำแท่ง 95% เป็นทองรูปพรรณ 5%
ขณะที่ 6-7 ปีที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับขึ้นตลอดเฉลี่ย 8-12% ต่อปี โดยเฉพาะปีนี้ปรับขึ้นค่อนข้างสูง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงด้วย ประกอบกับทองคำไม่ใช่สินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา สถาบันการเงินมีปัญหา ราคาทองคำจะสูงขึ้น ซึ่งจะต่างจาก โกลด์ ฟิวเจอร์ส ที่ถือเป็นตลาดเพื่อเก็งกำไรโดยเฉพาะ
 

"ในความเห็นส่วนตัวผมมองว่าโกลด์ ฟิวเจอร์ส ไม่ใช่เป็นการลงทุน เหมือนการพนันมากกว่า แต่ต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว ช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีคนก็ไม่รู้จะลงทุนอะไรก็เลือกลงทุนในทองคำ ส่วนคนที่ลงทุนเมื่อ 6-7 ปีก่อน ตอนนี้ก็มีกำไรแล้ว"

***เทรดทองล่วงหน้า รายใหญ่เป็นเจ้ามือ
"จิตติ" ยังเชื่ออีกว่าการเทรดหรือการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในต่างประเทศ เจ้ามือคือ กองทุนทองคำรายใหญ่ที่เป็นเจ้าตลาดทำให้มีสิทธิ์กำหนดราคาได้
 

"ที่สำคัญรายใหญ่เขาสามารถรู้ข้อมูลได้ลึกกว่านักลงทุนทั่วไปซึ่งเข้าถึง ยาก ดังนั้นปัจจัยต่างๆ ที่กำหนดทิศทางราคาทองคำโดยการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการทุกวันนี้เป็นเพียง ส่วนประกอบเท่านั้น แต่ความจริงคือ การพนันนั่นเอง และกองทุนเขามีเทคนิคการปั่นราคา"
พร้อมยกตัวอย่างเช่น การปล่อยข่าวว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) จะขายทองคำออกมา ซึ่งที่ผ่านมาข่าวนี้ถูกปล่อยออกมาหลายครั้ง และปีนี้เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีการวิเคราะห์เช่นกันว่า ไอเอ็มเอฟจะขายทองคำประมาณกว่า 400 ตัน  


จากตัวอย่างของข่าวที่ถูกปล่อยออกมา "จิตติ" บอกเขากล้า "ทุบโต๊ะ" ว่าไม่จริง โดยมองว่าปีนี้ไอเอ็มเอฟจะไม่มีการขายทองคำออกมา เพราะหากเลยวันที่ 25 กันยายน จากข้อตกลงกันว่าถ้าไม่ขายปีนี้ก็ขายไม่ได้แล้วต้องเลื่อนไปเป็นปี 2553 นอกจากนี้ขั้นตอนการขออนุมัติก็ต้องใช้เวลาถึง 10 เดือน หรืออย่างช้าก็ 1 ปี ซึ่งจะต้องผ่านสภาคองเกรสของประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นยังต้องขอมติความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกอีกกว่า 100 ประเทศ
 

ที่สำคัญคือ หากมีการอนุมัติให้ไอเอ็มเอฟขายทองคำออกมาก็ไม่ได้มีผลต่อราคาในตลาด เนื่องจากไม่ได้ขายผ่านตลาดแต่จะต้องขายผ่านธนาคารเท่านั้น แต่นักลงทุนก็ตกใจ จนส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลง นอกจากนี้การขายทอง 400 ตัน ไม่ถือว่าเป็นปริมาณที่มาก ประเทศอินเดียประเทศเดียวนำเข้าถึง 1,000 ตันต่อปี ซึ่งมากกว่าปริมาณทองคำที่ไอเอ็มเอฟจะขายออก ส่วนประเทศไทยปีที่แล้ว (ปี 2551) มีการนำเข้าทองคำประมาณ 250 ตัน
 

ข้อมูลไม่เจ๋งอย่าเล่นกับทอง
"จิตติ" แนะว่าการลงทุนในทองคำนักลงทุนจะต้องมีข้อมูลเชิงลึก ไม่เฉพาะรับข้อมูลจากนักวิเคราะห์ที่จะวิเคราะห์ตามหลักวิชาการเท่านั้น
ขณะที่ตัวเขาเองจากที่มีประสบการณ์ในธุรกิจทองคำมานาน จึงทำให้มีข้อมูลเชิงลึกจากที่ค่อยๆเก็บจนสรุปเป็นสถิติของวัฏจักรของทองคำ ได้ว่า เมื่อ 31 ปีที่แล้ว (ปี 2521) ราคาทองคำเคยปรับขึ้นไปสูงสุดถึงระดับ 865 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หลังจากนั้นก็ปรับลงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในวันเดียว หรือคิดเป็นประมาณ 10% จนทำให้ราคาปรับลงมาต่ำสุดเหลือ 254 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยระยะเวลากว่า 20 ปี จนถึงปีนี้เริ่มทำนิวไฮใหม่อีกครั้งแล้วเช่นกัน
 

"กองทุน ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่เวลานี้ถ้าจะปั่นราคาหรือปั้นราคาทองให้ขึ้นไปได้ อีกจะต้องอิงกับเหตุผลที่เอื้ออำนวยด้วยการปล่อยข่าวถึงจะได้ผล เพื่อให้ทุกคนเห็นไปในทิศทางเดียวกัน และยิ่งมีการเข้าไปซื้อทองเพื่อดันราคา ก็จะทำให้ปรับขึ้นได้ง่ายกว่า และถ้าข่าวลือด้านบวกออกมาจริงๆแสดงว่าราคาเตรียมปรับลงสวนทางข่าวลือแล้ว"
 

ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมากว่า 147 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็มีนักวิชาการประเมินว่าจะไปได้ถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่จริงๆ ราคากลับสวนทางทันทีหลังจากที่ทุกคนแห่เข้าไป นี่คือความร้ายของกองทุน"
 

ปลายปี 53 ราคาอิ่มตัว
มาที่แนวโน้มราคาทองคำ "จิตติ" บอกว่าจากที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำและนักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่าปี 2553 ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ นั้น หากแต่ใน

มุมมองส่วนตัวของผู้ย่ำอยู่บนถนนสายทองคำมาครึ่งศตวรรษอย่างเขา กลับมองสวนทาง โดยมองว่าช่วงปลายปี 2553 ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงจากสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวและกำไรจากการเข้าลงทุน ในทองคำจะเริ่มอิ่มตัว จากนั้นนักลงทุนจึงเริ่มขายทำกำไรออกมาราคาทองคำก็จะเริ่มปรับตัวลง
 

และที่น่าสังเกตคือ สหรัฐอเมริกาพิมพ์ธนบัตรออกมามากเกินไป ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีทิศทางอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดากองทุนที่เก่งๆ ทั้งหลายเข้ามาปั่นราคาในสินทรัพย์ทั้ง 3 ประเภท คือ หุ้น ทอง และน้ำมัน จะขายทำกำไรออกมา
 

ใครป่วนตลาด!
ปัจจุบันตลาดทองคำแบ่งเป็น 2 ตลาด คือ ทองคำแท่ง และตลาดทองคำล่วงหน้าหรือโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่ง "จิตติ" มองว่าหากไม่มีตลาดทองคำล่วงหน้าราคาทองคำก็จะไม่หวือหวา เพราะตลาดทองคำแท่งที่ซื้อขายจริงๆทั่วโลกมีปริมาณเพียง 3,200-3,600 ล้านตันต่อปีเท่านั้น แต่ปริมาณซื้อขายทองคำล่วงหน้าบางครั้งสูงถึง 1,000 ตันต่อวันซึ่งเป็นการเก็งกำไรล้วนๆ และถือว่าอันตรายที่สุด
 

"แม้ว่าผมคาดการณ์ราคาทองคำในปีนี้จะต้องนิวไฮ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะถ้ารู้ผมคงรวยไปแล้ว ผมคงไม่ต้องทำอะไรแค่เก็งกำไรก็รวยแล้ว ส่วนตัวจึงไม่เทรดทองคำด้วย อีกอย่างหากเทรดเองด้วยจะทำให้เราเพี้ยน(หมายถึงคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำ )และประเมินเข้าข้างตัวเอง"
 

***ส่องอนาคตร้านทอง
"จิตติ" บอกว่าหลังนักลงทุนเริ่มมองทองคำเป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุนร้านทองก็ต้อง ปรับตัว เพราะจากที่นักลงทุนหันไปซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สทำให้อุตสาหกรรมทองคำแท่งความต้องการซื้อขายลดลงไปแล้วถึง 30% และเชื่อว่าหากมีอีทีเอฟ ทองคำ(กองทุนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ) และการซื้อขายทองคำผ่านระบบอินเตอร์เน็ต จะยิ่งฉุดยอดขายทองคำแท่งให้ลดลงอีก
 

สำหรับร้านทองจินฮั้วเฮง เองก็มีการปรับตัวจากที่นักลงทุนเริ่มมองทองคำเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน มากขึ้น โดยผลิตทองคำแท่งน้ำหนัก 0.125 บาท หรือครึ่งสลึง ซึ่งยังไม่มีใครทำ ซึ่งปัจจุบันในท้องตลาดทองคำแท่งที่น้ำหนักต่ำกว่า 1 บาท ไม่มีใครทำแล้ว ขณะที่บริษัทเองมีทองคำแท่งขายน้ำหนัก 0.25 บาท , 0.5 บาท, 1 บาท, 2 บาท และน้ำหนัก 5 บาท ด้วย
 

ส่วนธุรกิจร้านทองตู้แดง คาดว่าภายใน 3-5 ปี จะลดลงเหลือ 200-300 ร้านเท่านั้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั่วประเทศ 6,000-7,000 ร้าน ส่งผลให้ปัญหาการว่างงานจะเริ่มมีมากขึ้น ทั้งช่างทอง พนักงานขายหน้าร้าน ซึ่งปัจจุบันแรงงานที่อยู่ในอาชีพค้าทองมีประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งสัญญาณที่ลดลงแล้วคือ ช่างทองจากความต้องการทองรูปพรรณที่ลดลง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,473 25 ต.ค.- 28 ต.ค. 2552


 " ลิ๊งค์ข้อมูลดีๆ โดยคุณ cool_kid ครับ "
( สงสัยคืนนี้ได้ลอกการบ้านคุณ cool_kid อีกแล้ว :) ก็ทำไว้ดีนี่นา )

3 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดเลยครับ ตุลาคมที่ผ่านมาคุณ จิมมี่ นำเสนอเรื่องๆ ดีถึง 69 เรื่อง
    บรรดาๆ แฟนคลับเต็มอิ่มกันเลย เดือนนี้ ก็ติดตามเหมือนเดิมครับ

    ตอบลบ
  2. นั่นสิครับ ไม่รู้ทำไปได้ยังไง งงครับ??? สงสัยคงจะอัดอั้นอ่ะครับ 55555 :)

    รู้สึกว่าโลกเรามันชักร้อนแรงขึ้นทุกที ต้องเร่งแล้วล่ะคร๊าบบบบ

    ตอบลบ
  3. -ขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณ คุณJimmy

    ต้องตั้งสติเป็นอันมากที่จะรวบรวมเรื่องราว ประมวล
    แล้วรู้เขารู้เรา
    ให้เงินที่อุตส่าห์หามา เก็บ ลงทุน
    ให้เกิดดอกเกิดผล คงมูลค่าให้ได้ใช้ยามเกษียณ
    ซึ่งเหลืออีก 6 ปีเท่านั้น
    ไม่รู้จักเวปนี้ คงจะแย่เลย
    ขอบคุณนะ คนดี ดี

    ตอบลบ