วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Dollar Index (USDX).......Update


Dollar Carry Trade 
ฝันร้ายภาคสองของคนอเมริกัน
Posted by บรรยง , วันจันทร์ ที่ 28 กันยายน 2552

         หลังจากที่ชาวญี่ปุ่นต้องทนกล้ำกลืนกับธุรกรรม Yen Carry Trade มานานเกือบ 2 ทศวรรษ  มาวันนี้การทำ Dollar Carry Trade กำลังจะตามมาหลอกหลอนคนอเมริกัน ที่ยังไม่ตื่นดีจากฝันร้ายทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา
 
         "Dollar Carry Trade หมายถึง การกู้ยืมเงินดอลลาร์ราคาถูก แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า"
 

         การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด ) จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยนโยบาย ลงมาจนใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25%ไปอีกนานพอสมควรนั้น 
 

         นักลงทุนรายใหญ่ได้ใช้โอกาสนี้  กู้ยืมเงินดอลลาร์ด้วยต้นทุนต่ำ  แล้วนำไปแลกเป็นเงินต่างประเทศเพื่อฝากกินดอกเบี้ยที่สูงกว่าในประเทศอื่นๆ  เรียกได้ว่า  ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว  กล่าวคือ หนึ่ง ได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่า  สองคือ สกุลเงินที่ลงทุนมีโอกาสแข็งค่ามากขึ้นในอนาคต
 

         นอกจากการลงทุนง่ายๆ  แบบเสือนอนกินแล้ว  ยังมีคนที่กู้เงินดอลลาร์ แล้วนำไปซื้อทองคำ น้ำมันหรือหุ้นในต่างประเทศ  เพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า  และได้ประโยชน์ 2 ต่อเช่นเดียวกัน  คือ กำไรจากราคาหุ้น และค่าเงินสกุลท้องถิ่นที่มีโอกาสขยับสูงขึ้น
 
         ตอนนี้ คนอเมริกันเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่า  การที่รัฐบาลของตนทุ่มเงินออกไปมากมาย  เพื่อให้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น  สุดท้ายแล้วเม็ดเงินที่ทุ่มออกไป  มันไปกระตุ้นเศรษฐกิจของใครกันแน่  ดูเหมือนเงินมันจะไหลออกไปต่างประเทศมากกว่า
 

         นอกจากนี้  การที่นักลงทุนรายใหญ่จะกู้เงินแล้วแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ไปเป็นเงินสกุล อื่นนั้น  ต้องมีการเทขายเงินดอลลาร์เพื่อไปซื้อเงินสกุลอื่น  ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ถูกบิดเบือนจากกลไกปกติให้อ่อนค่าไปมากขึ้น  ซ้ำร้ายเมื่อเงินไหลไปประเทศอื่น  ทำให้เศรษฐกิจประเทศปลายทางดีขึ้น  มันก็ย้อนกลับมาทำให้ค่าเงินดอลลาร์ด้อยลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศ ที่มีเศรษฐกิจเฟื่องฟูกว่า
 

         มันเหมือนกับสิ่งที่เขาเรียกว่า “กับดักสภาพคล่อง”  คือรัฐบาลทุ่มเงินดอลลาร์เข้าไปในระบบ  แต่สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยกู้  ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อธุรกิจหรือสินเชื่อบุคคล  ธนาคารจึงนำไปปล่อยกู้ให้สถาบันการเงินขนาดยักษ์หรือสถาบันการเงินข้าม ชาติ   ที่เมื่อได้เงินแล้ว ก็ขายดอลลาร์ออก  นำไปลงทุนในประเทศอื่นๆ  ปล่อยให้สหรัฐจมอยู่ในภาวะถดถอย ซึมเซาต่อไปเรื่อยๆ
 

         และเมื่อเศรษฐกิจไม่ฟื้น  ธนาคารกลางก็ต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ  หนุนให้เกิดวงจรอุบาทว์  ดิ้นไม่หลุด  เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในวังวนนี้มาร่วม 20 ปีแล้ว
 

         แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลสหรัฐจะชิงประกาศว่า เศรษฐกิจของตนฟื้นจากจุดต่ำสุดแล้ว  นัยว่าเป็นการพูดให้ประชาชนมั่นใจ  จะได้เริ่มจับจ่ายใช้สอยเงินกัน  นั่นไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้นบ้างบางส่วน  จะเป็นการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน 
 

         นักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญหลายคนของสหรัฐ ต่างออกมาตอกย้ำว่า  ยังไม่มีสัญญานชัดเจนว่า เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นแล้ว  สินเชื่อบุคคล(เครดิตการ์ด)ในเดือนกรกฎาคมลดลง 10.5%  สินเชื่อธนาคารในไตรมาสที่ 2 ลดลง 342,000 ล้านดอลลาร์ 
 

        ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงถึง 9.7% ในเดือนสิงหาคม นับว่าสูงสุดในรอบ 26 ปี และข่าวล่าสุดแจ้งว่า ยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันมา 4 เดือน ได้กลับมาติดลบ 2.7% อีกครั้งในเดือนสิงหาคม  แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังเปราะบางมาก
 

        มันจึงเป็นเหตุผลว่า  ทำไมค่าเงินดอลลาร์จึงยังอ่อนตัวต่อเนื่อง  และกลับเพิ่มอัตราเร่ง  เมื่อเริ่มมีธุรกรรม Dollar Carry Trade   มาถึงวันนี้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าไปแล้ว 14% นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา  โดยดูจาก Dollar index ที่เทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักๆ 7 สกุล
 

        เรื่องทั้งหมดนี้  ไม่ใช่ว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเบน เบอร์นันเก้จะไม่ทราบ  แต่ท่านคงไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้  เพราะถ้าไม่กระตุ้นตลาดด้วยวิธีตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ  เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยิ่งถดถอยไปกว่านี้  การว่างงานอาจจะพุ่งถึง 20% ก็ได้
 

        ตอนนี้ เริ่มมีข่าวออกมาในทำนองที่ว่า  เงินกองทุนของสถาบันประกันเงินฝากของสหรัฐ ( FDIC ) กำลังร่อยหรอ  หลังจากที่ชดใช้เงินให้ผู้ฝากเงินจากการที่มีธนาคารล้มทุกสัปดาห์  โดยในปีนี้ มีธนาคารล้มแล้ว 94 แห่ง หรือประมาณ 10 แห่งต่อเดือน  โดย FDIC ออกมายอมรับว่ามีเงินกองทุนเหลือเพียง 4.2 หมื่นล้านเหรียญ  ขณะที่มีธนาคารอีก 412 แห่ง ที่อยู่ในข่ายมีปัญหา ( ส่วนใหญ่เป็นธนาคารขนาดเล็ก  แต่จะส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่หรือไม่  ต้องติดตามกันต่อไป )
 

        ดูเหมือนสหรัฐยังต้องมีเรื่องยุ่งๆให้สะสางอีกมาก  เพราะฉนั้นถ้ามีใครมาพูดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นแล้ว  ก็ขออย่าได้วางใจ  ยิ่งมีการทำธุรกรรม Dollar Carry Trade  แล้วด้วย  มันจะยิ่งกดไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐโงหัวขึ้นมาได้ง่ายๆ
 

        หากว่าเป้าประสงค์ของการลงทุนคือ กำไรสูงสุด  ตอนนี้นักลงทุนสถาบันรวมถึงกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ต่างๆที่ส่วนใหญ่มีสัญชาติ อเมริกัน  ต่างกำลังมุ่งทำกำไรสูงสุด  โดยม่สนใจว่า นั่นกำลังทำร้ายเศรษฐกิจประเทศตนเอง 
 

        สะท้อนสัจธรรมที่ว่า “เงิน” มันไม่รู้จักคำว่า “คุณธรรม” หรอกครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น