แล้วก็เป็นไปตามกระแสข่าวครับ ในประเด็นที่จีนจะลดการถือครองทรัพย์สินในสกุลดอลล่าลง หรือโดยการกระจายความเสี่ยงออกไปโดยเข้าซื้อทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆ เช่นการเข้าซื้อหน่วยลงทุนของ SPDR Gold Trust เป็นต้น คงต้องจับตาจีนในประเด็นนี้ครับ ว่าเค้าทำในลักษณะไหน คือเป็นเพียงการกระจายความเสี่ยง หรือจะมีการดั๊มพ์กระดาษเหล่านี้ออกมาเพิ่มเพื่อตอบโต้ในกรณีที่สหรัฐขายอาวุธให้ใต้หวัน และการพบปะกันระหว่างนายบารัค โอบาม่าและองค์ดาไล ลามะครับ
อีกเรื่องที่ต้องติดตามคือปริมาณการถือครองทองคำของ SPDR ว่าจะไปในทิศทางใด หลังจากการเข้าไปของจีน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า SPDR จะซื้อเพิ่มครับ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำในตลาดให้พุ่งสูงขึ้น เพราะโดยตัว SPDR เองซึ่งตลาดมองว่าเป็นกองทุนขนาดใหญ่ (ขาใหญ่) จะมีอิทธิพลชี้นำตลาดไม่ว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางใด ถ้าปริมาณการถือครองเพิ่มขึ้นโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แบบมีนัยสำคัญ ก็จะเป็นดัชนีอีก 1 ตัวเพิ่มขึ้นมา ที่ชี้ไปในทิศทางขาขึ้นครับ
อีกเรื่องที่ต้องติดตามคือปริมาณการถือครองทองคำของ SPDR ว่าจะไปในทิศทางใด หลังจากการเข้าไปของจีน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า SPDR จะซื้อเพิ่มครับ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำในตลาดให้พุ่งสูงขึ้น เพราะโดยตัว SPDR เองซึ่งตลาดมองว่าเป็นกองทุนขนาดใหญ่ (ขาใหญ่) จะมีอิทธิพลชี้นำตลาดไม่ว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางใด ถ้าปริมาณการถือครองเพิ่มขึ้นโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แบบมีนัยสำคัญ ก็จะเป็นดัชนีอีก 1 ตัวเพิ่มขึ้นมา ที่ชี้ไปในทิศทางขาขึ้นครับ
จากการเปิดเผยข้อมูลของ US Tresury เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า จีนขายและลดการถือครองหนี้หรือพันธบัตรสหรัฐลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจีนถ่ายเทพันธบัตรออกมาอีก 34.2 Billion ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐมากที่สุดในโลกโดยอยู่ที่ 768.8 Billion นำจีนไปซึ่งมีอยู่ 755.40 ในรายงานล่าสุดของ US Treasury ครับ และสิ่งเหล่านี้ก็คงจะเป็นการส่งสัญญานอีกครั้งหนึ่งของจีนในมุมมองของทางการจีนต่อทรัพย์สินในสกุลดอลล่า และคงจะส่งผลไปที่การประมูลพันธบัตรและความมีเสถียรภาพของเงินดอลล่าในที่สุุดครับ
http://www.google.com/hostednews/afp/article/ALeqM5h0SLuwOeqp8NaDAKtuo2642Z7Xyw
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น