1.สหภาพยุโรป - ปัญหาของกรีซและยูโรโซนยังไม่มีอะไรคืบหน้าครับ เพราะหลังจากที่เรื่องการหมกเม็ดปัญหาของรัฐบาลกรีซที่ทำธุรกรรมทางการเงินไว้กับโกลแมน แซคเปิดเผยออกมา ก็ยิ่งทำให้การแก้ปัญหายากขึ้นเป็นเงาตามตัว มีการคาดการจากนักวิเคราะห์ซึ่งมองว่า เงินยูโรจะอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 แม้ EC หรือ European Commision และ ECB หรือ ธนาคารกลางแห่งชาติยุโรป จะประกาศมาตรการใดๆ ออกมา
แต่ในทางลึก กลับไม่มีประเทศใดที่กล้าประกาศมาตรการที่เข้มข้นพอที่จะอุ้มกรีซ หรือแม้แต่เยอรมันซึ่งเป็นหนึ่งในชาติที่แข็งแกร่งที่สุดของสหภาพยุโรป เพราะชาติเหล่านั้นก็ยังต้องอาศัยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเองจากมติของที่ประชุม G20 จึงทำได้แต่เพียงให้กรีซกลับไปพิจารณาปรับลดการขาดดุลย์งบประมาณ จาก 12.7% ให้กลับเข้าไปอยู่ในกรอบของ EU คือที่ 3% ซึ่งเป็นไปได้ยากมากในทางปฏิบัติ ในภาวะที่กรีซต้องการมาตรการต่างๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเองเช่นกัน ซึ่ีงจะต้องเป็นการตัดลดการใช้จ่ายในภาคต่างๆ ลง ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดเงินเดือนหรือลดบุคลากรของภาครัฐลงถึง 30%
และมีการคาดการณ์ว่ากรีซอาจจะยังไม่ใช่กรณีที่แย่ที่สุด ถ้าหากวัดโดยขนาดของประเทศ ประชากรและปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะมีกรณีเช่นกรีซเกิดขึ้นได้อีก แต่ปัญหาอาจจะใหญ่โตกว่าจากประเทศในกลุ่ม PIIGS นั่นเอง
http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&sid=acOoDNFwLiAs&pos=3
http://www.calculatedriskblog.com/2010/02/german-finance-minister-no-concrete.html?utm_source=feedburner&utm_medium=feed&utm_campaign=Feed%3A+CalculatedRisk+%28Calculated+Risk%29
2.สหรัฐ - ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการของธนาคารที่กำลังประสบปัญหาการเงินขึ้นรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็น 617 แห่งครับ ซึ่งไม่รวมกับธนาคารที่ล้มไปแล้วในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีธนาคารที่ถูกสั่งปิดเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง คือ
La Jolla Bank, FSB, La Jolla, CA
George Washington Savings Bank, Orland Park, IL
The La Coste National Bank, La Coste, TX
Marco Community Bank, Marco Island, FL
George Washington Savings Bank, Orland Park, IL
The La Coste National Bank, La Coste, TX
Marco Community Bank, Marco Island, FL
ลิงค์ข้อมูลและรายชื่อธนาคารในกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด คลิกที่นี่ และข้อมูลเิ่พิ่มเติมในเชิงตัวเลข คลิกที่นี่
3.สหรัฐ - กลุ่มธุรกิจคาสิโนทั้งหมดในรัฐเนวาดา (ลาสเวกัส) ประสบภาะขาดทุนรวมกันทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงินถึง $6.7 Billion หรือ 6,700 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2009 ที่ผ่านมาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ
4.สหรัฐ - จำนวนผู้เข้าโปรแกรมเพื่อขอรับคูปองอาหารจากรัฐบาลพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 1932 ใน The Great Depression หรือเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุดของโลก โดยมีคนอเมริกันที่ต้องเข้ารับคูปองอาหารถึง 13% ของประชากรทั้งหมด หรือ 38 ล้านคนเข้าไปแล้ว และอีก 25% หรือ 1 ใน 4 ของเด็กทั้งหมดฝากท้องไว้กับคูปองอาหารนี้ครับ
5.สหรัฐ - ซิตี้แบงค์ประกาศมาตรการถอนเงินใหม่แบบเงียบๆ
Seen on a recent Citibank (C) statement: "Effective April 1, 2010, we reserve the right to require (7) days advance notice before permitting a withdrawal from all checking accounts. While we do not currently exercise this right and have not exercised it in the past, we are required by law to notify you of this change."
ใครที่ใช้บัญชีกระแสรายวัน หรือ Checking Account ของธนาคารซิตี้แบ๊งค์ในสหรัฐคงจะร้อนๆ หนาวๆ กับมาตรการการถอนเงินที่จะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 7 วันครับ โดยข้อบังคับใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2010 นี้ครับ หรือก็คือคุณยังมีสิทธิ์ถอนครับแต่ธนาคารอาจจะไม่มีให้จนกว่าจะครบ 7 วัน ตามที่คุณต้องแจ้งล่วงหน้านั่นเอง เรามาดูกันครับว่าถ้าเรื่องนี้แดงและเป็นข่าวออกมาจะทำให้เกิดอะไรขึ้นกับธนาคารแห่งนี้
6.สหรัฐ - 5 ล้านราย กับการฟ้องยึดที่อยู่บ้านหรือที่อยู่อาศัย รวมทั้งอาคารชุดต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จากผลการศึกษาของ John burns Real Estate Consulting Inc., หรือที่ปรึกษาในธุรกิจนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า ณ ขณะนี้มีอสังหาริมทรัพย์ที่ติดภาวะจำนองถึง 5 ล้านรายที่กำลังประสบปัญหาการผ่อนชำระ ( Under Water ) และถ้าไม่มีปฏิหารย์หรือการแก้ปัญหาใดๆ ทั้ง 5 ล้านรายนี้กำลังจะถูกฟ้องร้องเพื่อยึดทรัพย์โดยธนาคารเจ้าหนี้ ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า และผลจากการฟ้องยึดนี้จะทำให้เกิดสภาวะอสังหาริมทรัพย์ล้นตลาดไปอย่่างน้อยอีก 10 เดือนข้างหน้า และอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18-27 เดือนโดยเฉลี่ยเพื่อที่จะระบายออกสู่ตลาดครับ
7.สหรัฐ - กองทุนบำเน็จ บำนาญ ของสหรัฐกำลังประสบปัญหาการขาดดุลย์ในงบประมาณผูกพันธ์ (Shortfall) ที่จะต้องจ่ายให้กับผู้ประกันตนในอนาคตเป็นเงินอย่างน้อย $1 Trillion ( $1,000,000,000,000) ตัวเลขโดยหน่วยงานวิจันของรัฐสภาสหรัฐหรือ Pew Research Center, Washington D.C.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น