วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Glen Beck Show (Nov 5, 2010).......The Crash of the Dollar

ารไรตี้เชิงข่าวตอนนี้ของเกลน เบล๊ค ตอนนี้ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมาครับ มีผู้ชมชาวอเมริกันไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคนที่ได้ชม ก็คงจะได้ร้อนๆหนาวๆกันไป จะ "ตื่น" หรือยังก็ไม่ทราบได้ครับ แต่อย่างนึงคือ หลังจากออกอากาศไปแล้วก็มีอะไรตามมามากมายพอสมควร เพราะสารพัดสื่อขนาดใหญ่เริ่มนำเอาไปขยายผล ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องดีครับสำหรับประเทศและคนของเค้าครับ หลังจากได้จมดิ่งลงไปกับความเป็น "วัตถุนิยม" แบบสุดขั้ว มาตลอดไม่น้อยกว่า 1 ทศวรรษ

ย่างที่บอกครับ เป็นเรื่องที่ดีสำหรับสังคมอเมริกันครับ ที่มีการเปิดประเด็นให้เริ่มคิดและตระหนักถึง "Crash of the Dollar" หรือ "การล่มสลายของเงินดอลล่า" ในคลิปที่สองจะพูดกันถึง "The Day" หรือดีเดย์ ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งไม่ไกลเกินความเป็นจริงเลยถ้าดูจากสถานการณ์และความเป็นจริงในวันนี้ 

ป็นการจำลองสถานการณ์กรอบเวลา 15 วัน นับจากวันแรกที่จีนประกาศ " No More Bond " หรือการประกาศหยุดซื้อพันธบัตรอย่างเป็นทางการออกมาจากทางการจีน สิ่งที่ตามมาก็ยากที่จะบรรยายครับ ซึ่งก็ไม่ง่ายที่จะเกิดครับเพราะเมื่อจีนประกาศอย่างนั้นแล้ว ก็คงจะรู้ถึงผลที่จะตามมาในที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลสหรัฐและ FED ยังคงดำเนินนโยบายหรือเดินไปในทิศทางนี้ที่ทำมาตลอด 2 ปี คือการ "พิมพ์เงินมาใช้หนี้" และหากจีนพร้อมแล้วหรือจำเป็นที่จะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลกแทนที่สหรัฐ โดยไม่หวังพึ่งพากำลังซื้อของสหรัฐโดยการจับมือกับรัสเซียและชาติอื่นๆแทน  สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากเช่นกันครับ

ต่ความเสียหายไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศสหรัฐครับ เพราะเค้าพูดกันถึง " Global Meltdown " หรือการ "ล่มสลาย" ในระบบการเงินไปพร้อมๆกันทั่วโลกที่เชื่อมโยงกันด้วยระบบ "เงินดอลล่า" นั่นเองครับ กระดาษที่ถูกลงบัญชีเป็นเงิน เป็นทุนสำรองหรือทรัพย์สินในคลังและกระเป๋าของรัฐบาลและคนทั่วไป และกำลังท่วมโลกอยู่ในขณะนี้ 

มีเพียงคนอเมริกัน 3 ล้านคนเท่านั้นครับที่มีโอกาสได้ชมและได้ฉุกคิด ในขณะที่ปัญหานี้เป็นประเด็นและปัญหาของคนทั่วโลก ที่จะทำให้เกิด " Global Meltdown " คือระบบการเงินโลกล่มทั้งระบบ ผมจะขอโฟกัสกลับมาที่ประเทศไทยครับ เท่าที่เห็นยังไม่มีใครที่จะกล้ามองไปถึงจุดนั้น เรากลับมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัว และคิดแต่เพียงว่า "อเมริกาล้มไม่ได้และเดี๋ยวก็ฟื้น"  เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีการป้องกันใดๆทั้งในภาครัฐและเอกชน ตรงนี้ละครับที่จะทำให้เกิด "Mojor Shift" หรือการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ "คนที่มีมากจะกลายเป็นคนที่มีน้อย คนที่มีน้อยจะกลับมั่งคั่งร่ำรวย หัวจะกลายเป็นหางและหางจะกลายเป็นหัว"

อาล่ะครับ เราค่อยๆ มาดู มาศึกษาร่วมกันไปครับ ในโพสต์ต่อไป "15 วัน.......สู่การจัดระเบียบโลกใหม่" ผมจะหยิบยก กรอบเวลา 15 วันนี้มาขยาย มาให้เพื่อนๆ คิดกันเล่นๆครับ ถึงผลกระทบที่จะมีต่อประเทศไทยและต่อพวกเราทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะวิกฤติการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสของอีกหลายๆคนที่มองเห็นครับ แต่คงจะต้องช่วยกันอ่านจังหวะและเวลาพอสมควร      



สุดท้าย...อย่างที่เคยบอกครับ การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ "ต้องเกิด" ครับ เพื่อเป็นการปรับฐานของมนุษยชาติ ไม่ช้าก็เร็วจะถึงเวลาที่ต้องชำระล้างกันซะที ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะมีเหตุผลและคำอธิบายครับ เพียงแต่เราจะหามันเจอและเข้าใจหรือไม่เท่านั้นเอง

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอขอบคุณคุณจิมมีมากๆ กำลังรออ่านที่คุณจิมมีจะวิเคราะห์เรื่องกรอบเวลา 15 วันอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ

    ตอบลบ
  2. เวลานั้นประเทศอุตสาหกรรมวิกฤตน่าจะหนักหนากว่าประเทศเกษตรกรรมนะครับ

    ตอบลบ