เรื่อง SM นี่คงจะทำให้เรามองเห็นอะไรที่ซ่อนตัว มีอิทธิพลและเป็นทำงานอยู่เบื้องหลังจิตวิญญานของมนุษย์ในยุคนั้นๆ ได้เป็นอย่างดีครับ และในทุกอริยะธรรมจะมีเรื่องที่เป็นปริศนาที่ทิ้งไว้มาจนถึงวันนี้ เช่น เรื่องของศิลาจารึกหรือภาพเขียนสีบนผนังหินที่เขียนเล่าเรื่องราวของ มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะแตกต่างออกไปจากที่มนุษย์เราเป็น มีเขาบ้าง มีปีกบ้าง ลอยอยู่บนฟ้าบ้าง และกลายไปเป็นเจ้าผู้ครองอริยะธรรมนั้นในที่สุด เพราะฉะนั้นเป็นการยากจะปฏิเสธครับว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีจริง แต่ก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ มากกว่านั้น อีกเรื่องคือสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนั้นๆ ซึ่งเครื่องไม้ เครื่องมือ หรือเทคโนโลยีที่ใช้สร้างแทบจะพูดไม่ได้เลยว่าเป็นผลงานของมนุษย์ที่อยู่ในช่วงเวลาหรือในอริยะธรรมนั้นๆ
ตอนนี้เราจะมาดู SM ที่ล้ำลึกชุดนึงครับที่ซ่อนไว้ในภาพหินสลักบนกำแหงของพระวิหารย์แห่งหนึ่งของฟาโรห์ในประเทศอิยิปต์ เป็นภาพสลักของฟาโรห์อเคเนตัน (Akhenaten) และราชินีเนเฟอติติ (Nefertiti) ....link และในภาพสลักนี้แหละครับมีการซ่อน SM หรือ "สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน" ที่พระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้พยากรณ์ไว้อย่างมากมาย ทั้งสิ่งที่เราเรียกว่าเอเลี่ยนหรือสิ่งมีชีวิตต่างภิภพ และการกำเนิดของมนุษย์พันธุ์ผสม มนุษย์ยักษ์หลายเผ่าพันธุ์พันธ์ที่กระจายไปสร้างอริยะธรรมต่างๆทั่วพื้นภิภพ
และทั้งหมดต่อไปนี้ครับ คือการเปิดเผยถึงสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ใน ดาเนียล 9:23 มัธธิว 24:15 มาระโก 13:14 และลูกา 21:20
มัทธิว 24:15
ความทุกข์เวทนาใหญ่ยิ่ง (มก 13:14-23)
24:15 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็น "สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน" ซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่า ที่ดาเนียลศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์" (ผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านก็ให้ผู้นั้นเข้าใจเอาเถิด)
The Great Tribulation (Mark 13:14-23)
24:15 When ye therefore shall see the abomination of desolation, spoken of by Daniel the prophet, stand in the holy place, (whoso readeth, let him understand:)
24:15 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็น "สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน" ซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่า ที่ดาเนียลศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์" (ผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านก็ให้ผู้นั้นเข้าใจเอาเถิด)
The Great Tribulation (Mark 13:14-23)
24:15 When ye therefore shall see the abomination of desolation, spoken of by Daniel the prophet, stand in the holy place, (whoso readeth, let him understand:)
ซึ่งเมื่อสิ่งนี้ถูกเปิดเผยแล้วก็จะเป็นการเริ่มต้นของ "ความทุกข์เวทนาครั้งยิ่งใหญ่" หรือ The Great Tribulation ที่กำลังจะมาถึงนั่นเองครับ
24:6 ท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง
24:6 And ye shall hear of wars and rumours of wars: see that ye be not troubled: for all these things must come to pass, but the end is not yet.
24:6 And ye shall hear of wars and rumours of wars: see that ye be not troubled: for all these things must come to pass, but the end is not yet.
24:7 For nation shall rise against nation, and kingdom against kingdom: and there shall be famines, and pestilences, and earthquakes, in divers places.
24:8 เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก
24:8 All these are the beginning of sorrows.
24:9 ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและจะฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา
24:9 Then shall they deliver you up to be afflicted, and shall kill you: and ye shall be hated of all nations for my name's sake.
24:10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไปและทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกัน
24:10 And then shall many be offended, and shall betray one another, and shall hate one another.
24:11 จะมีผู้พยากรณ์เท็จหลายคนเกิดขึ้นและล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป
24:11 And many false prophets shall rise, and shall deceive many.
24:12 ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่ขยายออกไป
24:12 And because iniquity shall abound, the love of many shall wax cold.
24:13 แต่ผู้ที่ทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด
24:13 But he that shall endure unto the end, the same shall be saved.
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายความละเอียดสูง (ขนาด 2592x1944)
มาดูกันที่จุดแรกคือภาพใบหน้าของราชินีเนเฟอร์ตีติที่ด้านบนขวาครับ
ซึ่งถ้าเรานำภาพมากลับหรือมาเปลี่ยนมุมดู เราจะห็นเป็นภาพส่วนหัวของแกะที่ "ตาย" แล้ว ซึ่งในทางพระคัมภีร์ "แกะ" ก็คือพวกเราหรือมนุษย์นั่นเอง อย่างที่เราเคยได้ยินคำว่า "Lambs of God" ครับ แกะที่ตายแล้วก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างได้สูญพันธุ์หรือได้สิ้นสุดไปแล้วนั่นเองครับ
ทีนี่เราลองเอาภาพด้านบนมากลับหัวดูอีกครั้งครับ
ลองมือปิดส่วนที่อยู่ด้านขวาของภาพ แล้วภาพที่เราจะได้คือภาพใบหน้าส่วนหัวของ Devil หรือภาพปีศาจกำลังยิ้มให้กับเราครับ โดยดินสอกำลังชี้ที่ตา
ในขณะที่อีกครึ่งนึงก็ยังคงเป็นแกะที่มีลักษณะเหมือนครึ่งคนครึ่งแกะ
อสูรกายที่เกิดขึ้นก็คือ "มนุษย์ยักษ์" ที่อยู่ในตำนาน โดยมีการจารึกและบอกเล่าเรื่องราวจากเกือบทุกอริยะธรรมทั่วโลก โดยมีการบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ปฐมกาล 6:1-7
6:1 ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนพื้นแผ่นดินโลก และพวกเขาให้กำเนิดบุตรสาวหลายคน
Wickedness of Man
6:1 And it came to pass, when men began to multiply on the face of the earth, and daughters were born unto them,
6:2 บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า (Fallen Angel หรือกลุ่ม The Watcher) เห็นว่าบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์สวยงาม และพวกเขารับเธอทั้งหลายไว้เป็นภรรยาตามชอบใจของพวกเขา
6:2 That the sons of God saw the daughters of men that they were fair; and they took them wives of all which they chose.
คำเตือนของพระเจ้าถึงการพิพากษา
6:3 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า "วิญญาณของเราจะไม่วิงวอนกับมนุษย์ตลอดไป เพราะเขาเป็นแต่เนื้อหนัง อายุของเขาจะเพียงแค่ร้อยยี่สิบปี"
God's Warning of the Coming Judgment
6:3 And the LORD said, My spirit shall not always strive with man, for that he also is flesh: yet his days shall be an hundred and twenty years.
6:4 ในคราวนั้นมีพวก***มนุษย์ยักษ์***บนแผ่นดินโลก แล้วภายหลังเมื่อบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าเข้าหาบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์ และเธอทั้งหลายคลอดบุตรให้แก่พวกเขา บุตรเหล่านั้นเป็นคนมีอำนาจมาก ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นคนมีชื่อเสียง
6:4 There were giants in the earth in those days; and also after that, when the sons of God came in unto the daughters of men, and they bare children to them, the same became mighty men which were of old, men of renown.
6:5 และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเจตนาทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป
6:5 And GOD saw that the wickedness of man was great in the earth, and that every imagination of the thoughts of his heart was only evil continually.
6:6 พระเยโฮวาห์ทรงโทมนัสที่พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์บนแผ่นดินโลก และกระทำให้พระองค์ทรงเศร้าโศกภายในพระทัยของพระองค์
6:6 And it repented the LORD that he had made man on the earth, and it grieved him at his heart.
6:7 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า "เราจะทำลายมนุษย์ที่เราได้สร้างมาจากพื้นแผ่นดินโลก ทั้งมนุษย์และสัตว์และสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศ เพราะว่าเราเสียใจที่เราได้สร้างพวกเขามา"
6:7 And the LORD said, I will destroy man whom I have created from the face of the earth; both man, and beast, and the creeping thing, and the fowls of the air; for it repenteth me that I have made them.
ด้วยสาเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการ "ชำระล้าง" โลกมนุษย์ในรอบแรกด้วย"น้ำ" นั่นก็คือสาเหตุและที่มาของเหตุการณ์ "น้ำท่วมโลกและเรือโนอาห์" ที่ถูกบันทึกไว้นั่นเองครับ (หลักฐานการค้นพบเรือโนอาห์ซึ่งถูกน้ำแข็งปกคลุมไว้ ที่ความสูง 14,000 ฟุต บนเทือกเขาอารารัต ในประเทศตุรกี...Click )
คำถามก็คือวันนี้โลกของเราใบนี้กำลังเดินไปสู่จุดเดิมคือความผิดบาปเต็มล้นโลก "อีกครั้ง" แล้วหรือยัง ถ้าถามผม ผมคงจะตอบได้ว่ามัน Over Due หรือเกินจุดนั้นมานานมากแล้ว และถ้าการ "ชำระล้าง" จะต้องมาถึงอีกครั้งก็ไม่น่าจะแปลกอะไร จริงไม๊ครับ???
ภาพการขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ยักษ์(บางส่วน)ในที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกในศตวรรษที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น