วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

SDR, Silver Manipulation และ IMF Gold Sale 2/3

Vince (guest): ฝากถึงคุณจิมมี่ช่วยรบกวนขยายความให้หน่อยครับเรื่อง SDR จากครึ่งหลังของวีดีโอนี้น่าสนใจมากครับ AJ กับ BC พูดเกี่ยวกับการผลักดัน อัตตราแลกเปลี่ยนใหม่ของโลกขึ้นมา การออกมาแฉเรื่องการบิดเบือนราคา Silver ที่ออกมาในข่าว mainstream วิธีการกดราคาโดยการประกาศขายทองของ IMF ที่ผ่านมา มีบางช่วงที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง SDR ครับ ขอบคุณครับ http://www.youtube.com/watch?v=YmYNDtO0464

ตอบครับ:
 

มาดูกันในอีก 2 ประเด็นที่เหลือครับ คือ Silver Manipultion หรือการบิดเบือนราคาแร่เงิน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสินแร่ที่อยู่คู่กับมนุษย์ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งความนิยมจะเป็นรองก็เพียงน้ำมันและทองคำเท่านั้นครับ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ Silver หรือเงินถูกจัดให้เป็นเงินตราจริงๆ มาตั้งแต่ยุคโบราณครับ ถ้าใครที่อ่านพระคัมภีร์ไบเบิลในภาคพันธสัญญาเดิมจะเห็นว่า มีการกล่าวถึงแร่เงินอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็คือเงินถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไม่ต่ำกว่า 5-6,000 ปีมาแล้วนั่นเอง

ส่วนประเด็นเรื่องความพยายามบิดเบือนราคานั้น จริงๆ แล้วเค้าไม่ได้ บิดเบือนหรือ "ปั่น" แค่เงินเท่านั้นครับ ปัจจุบันกลุ่มขาใหญ่กลุ่มนี้เค้าเข้าไปปั่นหรือควบคุมราคาทรัพยากรแทบทุกชนิดในทุกประเทศในโลกใบนี้ ด้วยกลไกของตลาด Derivatives หรือตราสารอนุพันธ์ วิธีการก็คือเค้าคิดให้มีการใช้กลไกของตลาดค้าล่วงหน้าซึ่งแรกเริ่มก็มีการส่งมอบสินค้ากันจริงๆ จนในที่สุดก็พัฒนามาเป็นเพียงการซื้อขายสัญญาหรือที่เราเรียกว่า Future Contract หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นการเก็งกำไรแบบ 100% เต็มจากการขึ้นลงของราคา โดยไม่มีการส่งมอบ "ถั่ว" แม้แต่เม็ดเดียว หรือเก็งกำไรกันจนถึงขั้นซื้อขายอะไรกันยังแทบจะไม่รู้เลยครับ มีเพียงแต่อ้างอิงราคาตลาดของโภคภัณฑ์ชนิดนั้นๆ เท่านั้นเอง

และไอ้เจ้าวิธีหลังนี้เองที่พวกขาใหญ่ ซึ่งก็คือ JPMorgan, HSBC, Citi Group, Goldman Sachs และอีกสารพัดที่อยู่ในเครือข่าย เข้าทำการ "Naked Short" หรือก็คือเข้าเปิดสัญญาขาย(ลูกเดียวอย่างต่อเนื่องและยาวนาน)ล่วงหน้าในสารพัดตลาด รวมทั้ง "ทองคำ" แบบไม่มีการส่งมอบจริง โดยการขายล่วงหน้าในราคาต่ำกว่าท้องตลาดหรือราคาที่ควรจะเป็น ยิ่งกว่านั้นพวกเค้ากดราคาขายลงอย่างต่อเนื่องหรือให้อยู่ในระดับหนึ่งที่พวกเค้าต้องการ โดยสร้างภาพให้ราคาของโภคภัณฑ์ชนิดนั้นๆ อยู่ในการควบคุมและมีราคาต่ำ เพื่อรักษากำลังซื้อของเงินสกุลหนึ่งคือ "ดอลล่าสหรัฐ" นั่นเอง (เพราะการกำหนดราคาราคาซื้อ-ขายสินค้าระหว่างประเทศเกือบทั้งหมดทำกันในสกุลดอลล่าสหรัฐ) และประเทศที่เป็นผู้บริโภคนิยมหรือผู้ซื้อหลักคือมีสัดส่วนถึง 30% ของทรัพยากของโลก ก็คือสหรัฐอีกนั่นเอง

จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว องค์กรตรวจสอบทางด้านการลงทุนในตราสารองค์กรหนึ่งคือ CFTC ได้หยิบยกประเด็นการบิดเบือนราคาแร่เงินในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของ JP Morgan และ HSBC ขึ้นมาตรวจสอบว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็นการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้อื่นเสียหายและผิดกฏหมายหรือไม่ การตรวจสอบและการไต่สวนโดยคณะกรรมาธิการของวฺุฒิสภาดังกล่าวใช้เวลาไปแล้วถึง 2 ปี จนในที่สุดก็มีการพยายามกล่าวโทษทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้ และมีนักลงทุนอีกบางส่วนที่เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษว่าการกระทำดังกล่าวของ JP Morgan และ HSBC ทำให้พวกเค้าเสียหายและขาดทุนจากการลงทุนอย่างมหาศาล จนกลายเป็นประเด็นที่พาดหัวข่าวของสื่อยักษ์ใหญ่หลายๆ ค่าย ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาครับ


สถานการณ์ล่าสุด เนื่องจากกระแสข่าวและความตื่นตัวในเรื่องดังกล่าว จากการเพ่งเล็งจากหลายๆ ฝ่ายในเรื่องดังกล่าว JP Morgan ไม่สามารถเข้าช๊อตเพื่อกดราคาแร่เงินลงได้อย่างง่ายดายเหมือนที่ผ่านๆ มา จึงต้องประสบภาวะขาดทุนจำนวนมหาศาลเนื่องจากต้องถูกบังคับปิดสถานะช๊อตที่เปิดไว้ในปริมาณมหาศาล ในทางตรงกันข้าม ราคาแร่เงินในตลาดล่วงหน้ากลับวิ่งหน้าตั้ง พุ่งสูงขึ้นจาก $18.xx/ออนซ์ มาไต่ระดับที่ 24.xx/ออนซ์ ทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 30 ปี ในเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาครับ จนทำให้ JP Morgan ต้องถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Call Margin) เป็นเงิน "หลายพันล้านเหรียญ" เพื่อปิดสถานะในรอบการซื้อขายที่ผ่านมาครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ นี่คงเป็นเหตุผลที่ silver ทำ all time high ไปนี่เอง

    ปล. ผมสังเกตุมาหลายคืนแล้ว ในช่วงเวลาของตลาดนิวยอร์ก ทองมักวิ่งลงไปแรงมากๆ แล้วก็ตีตื้นกลับขึ้นมาใหม่ในช่วงปิดตลาด เหมือนมีการ สว๊อปกันอย่างลับๆเลย ก็แปลกๆดีครับ

    วินซ์

    ตอบลบ