วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

2012 โลกจะแตกจริงหรือ??? ( 2012 Fact or Fiction ).......2 of 2

โพสต์ นี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนให้พวกเราได้แยกแยะ Fact หรือความจริง ออกจาก Fiction หรือเรื่องแต่งหรือนวนิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องปี 2012 โดยผมจะนำข้อมูลของ "สมาคมดาราศาสตร์ไทย" หรือ The Thai Astronomical Society มาเพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยให้เราแยก "ความเป็นจริง" กับ "สิ่งลวง" ที่อาจจทำให้เรา "หลงทาง" ไปตามหา "ปัญหาที่มองไม่เห็น" แต่กลับ "ละเลย" ปัญหาหรือ "กับดัก" ที่ถูกวางดักไว้อยู่ต่อหน้าเราครับ

เพราะเวลาช่วงนี้ของมนุษย์ จะเป็นช่วงเวลาแห่งการ "ถูกหลอก" หรือ "ล่อลวง" ด้วยสารพัดรูปแบบ เพราะทั้งสองฝั่งของ Spiritual War หรือ "สงครามที่มองไม่เห็น" จะทำงานกันอย่างเต็มที่ครับ โดยฝั่งหนึ่งมีหน้าที่ที่จะล่อลวงมนุษย์ให้ดำดิ่งและจมอยู่กับ "ความเป็นโลก" ด้วยเทคนิคต่างๆที่แสนแยบยลอย่างที่ทำมาตลอดนับพันปี ในขณะที่อีกฝั่งต้องพยายาม "ปลุก" เพื่อนมนุษย์กลุ่มเดียวกันนี้ให้ "ตื่น" ขึ้นให้มากที่สุด ด้วย Knowledge & Wisdom หรือก็คือ "ความรู้และปัญญา" ครับ     

เรามาลองดูข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ครับ.......

ในปี ค.ศ. 2012 จะเกิดนิวทริโนจำนวนมากพุ่งเข้าชนโลก และกระตุ้นให้เกิดการปะทุของภูเขาไฟขึ้นทั่วโลกจริงหรือไม่?

นิวทริโน เป็นอนุภาคมูลฐานชนิดหนึ่ง มีสมบัติพื้นฐานคือ มีมวลต่ำมาก ไม่มีประจุไฟฟ้า เคลื่อนที่เร็วเกือบเท่าแสง และทำอันตรกิริยาต่อสิ่งอื่นน้อยมาก
นิวทริโนมีอยู่เป็นจำนวนมาก เกิดขึ้นจากกระบวนการบางอย่าง รวมถึงปฏิกิริยาในดวงอาทิตย์ด้วย จึงเป็นความจริงที่โลกได้รับกระแสนิวทริโนจากดวงอาทิตย์และจากแหล่งอื่น แต่นิวทริโนเป็นอนุภาคที่เกือบไม่ทำอันตรกิริยากับสิ่งใดเลย มันไม่ทำให้ร่างกายเราเจ็บป่วย ไม่ทำให้ลมฟ้าอากาศเปลี่ยน ไม่ทำให้โลกร้อนขึ้น มันไม่ส่งผลใด ๆ ต่อโลกทั้งสิ้น ดังนั้นไม่ว่านิวทริโนจะพุ่งใส่โลกมากหรือน้อยจึงไม่มีอะไรให้กังวล ความจริงนิวทริโนไม่ได้พุ่งชนโลก แต่มันพุ่งทะลุโลกออกไปเลย

วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะทั้งหมดจะเรียงกันเป็นแนวเดียวกันจริงหรือ?

ไม่จริง วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2555 (ค.ศ. 2012) ดาวเคราะห์แต่ละดวงอยู่กันคนละทิศคนละทาง ไม่ได้เรียงกันเป็นเส้นตรง และไม่ได้ใกล้เคียงด้วย
เรื่องที่ควรทราบอย่างหนึ่งคือ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะไม่มีวันเรียงเป็นแนวเดียวกัน ความเป็นไปได้อย่างมากก็แค่ใกล้เคียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้จะสมมุติว่ามีวันที่ดาวเคราะห์ทั้งหมดมาเรียงกันเป็นแนว เดียวกันจริง ก็ไม่ต้องห่วงว่าแรงดึงดูดของดาวเคราะห์แต่ละดวงจะส่งผลร้ายแรงใด ๆ ต่อโลก เนื่องจากระยะทางระหว่างดาวเคราะห์แต่ละดวงอยู่ห่างกันมากจนแรงดึงดูดที่ กระทำต่อโลกเกือบเป็นศูนย์

สนามแม่เหล็กโลกสลับขั้วได้จริงหรือ?

มนุษย์ยุคปัจจุบันยังไม่เคยมีใครเห็นโลกสลับขั้วแม่เหล็ก แต่หลักฐานทางธรณีวิทยาบ่งชี้ว่าการสลับขั้วแม่เหล็กเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลาย ครั้งตลอดประวัติศาสตร์ของโลก

สนามแม่เหล็กโลกกำลังอ่อนกำลังลงจริงหรือ?

จริง
นักวิทยาศาสตร์พบว่า นับจากคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกได้อ่อนกำลังลงไปประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะความเข้มสนามแม่เหล็กโลกผันแปรตลอดเวลาเป็นเรื่องปกติ ความจริงสนามแม่เหล็กโลกในขณะนี้ยังเข้มกว่าความเข้มเฉลี่ยของสนามแม่เหล็ก โลกในช่วงหนึ่งล้านปีที่ผ่านมาถึงสองเท่า

ปี 2012 จะเกิดปรากฏการณ์ pole shift จริงหรือ?

pole shift คือการเลื่อนขั้วแกนหมุนของโลก ทำให้ขั้วเหนือและใต้ของโลกเปลี่ยนตำแหน่งไป เกิดขึ้นจากการที่สัญฐานของโลกไม่กลมสมบูรณ์ ปรากฏการณ์นี้เชื่อว่าเคยเกิดขึ้นจริงกับโลก รวมถึงดาวเคราะห์และดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ดวงอื่นด้วย
ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์นี้ในปี 2012 และแม้จะเกิดก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเนื่องจากการเลื่อนนี้เกิดขึ้นในอัตรา ที่เชื่องช้ามาก
ความไม่แน่นอนของขั้วโลกยังมีอีกหลายแบบ เช่น ขั้วแม่เหล็กโลกเลื่อนตำแหน่ง การเปลี่ยนตำแหน่งของขั้วอันเกิดจากการเลื่อนของแผ่นทวีป การเปลี่ยนตำแหน่งของดาวเหนืออันเกิดจากการส่ายของขั้วโลก แต่การเปลี่ยนแปลงจากสาเหตุเหล่านี้มีชื่อเรียกอย่างอื่น ไม่ได้เรียกว่า pole shift

ปี 2012 สนามแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนตำแหน่งจริงหรือ?

จริง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่กำลังจะเกิดใน ค.ศ. 2012 หากแต่เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้แต่ตอนนี้ก็เกิด
นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเคลื่อนที่ตั้งแต่ที่ค้นพบ ขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเมื่อกว่าศตวรรษก่อนแล้ว การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยอัตราเฉลี่ยประมาณ 1 องศาต่อ 1 ล้านปีหรืออาจเร็วกว่านั้น
การสำรวจในช่วงไม่กี่ปีมานี้พบว่า ขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้น แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าโลกใกล้จะสลับขั้วหรือกำลังวิปริต เพราะอัตราการเคลื่อนที่มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ

โลกสลับขั้วแม่เหล็กครั้งล่าสุดเมื่อใด และจะเกิดครั้งต่อไปเมื่อใด?

ครั้งล่าสุดที่โลกสลับขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นเมื่อราว 780,000 ก่อน
การพยากรณ์ว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่ หมายความนักวิทยาศาสตร์จะต้องเข้าใจกลไกการสลับขั้วแม่เหล็กดีพอสมควร หรือการสลับขั้วแม่เหล็กโลกในอดีตมีรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ได้ เช่นมีคาบแน่นอน หรือเกิดขึ้นในเวลาที่สอดคล้องกับเหตุการณ์อื่น แต่ปัจจุบันยังขาดทั้งสองอย่าง นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสนามแม่เหล็กโลกเกิดจากอะไร ไม่ทราบว่าสลับขั้วได้อย่างไร นอกจากนี้บันทึกการสลับขั้วในอดีตก็ไม่มีรูปแบบเด่นชัดพอจะคาดการณ์ได้ ไม่มีคาบที่แน่นอน บางช่วงสนามแม่เหล็กโลกอาจคงทิศอยู่นานถึงหลายสิบล้านปี บางครั้งอาจคงทิศได้เพียงไม่กี่ร้อยปี ความผันแปรอย่างมหาศาลนี้ทำให้แทบระบุไม่ได้เลยว่า โลกจะถึงกาลสลับขั้วแม่เหล็กอีกครั้งเมื่อใด

ในปี ค.ศ. 2012 โลกจะสลับขั้วสนามแม่เหล็กจริงหรือ?

แม้นักวิทยาศาสตร์จะเชื่อว่าโลกจะสลับขั้วแม่เหล็กอีกอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด อย่าว่าแต่จะให้ระบุปีที่เกิด แม้แต่จะให้ระบุว่าจะเกิดขึ้นในศตวรรษใดก็ยังยาก เนื่องจากจังหวะการเกิดปรากฏการณ์นี้ในอดีตผันแปรมาก
นักโลกแตกนิยมมักโยงเรื่องวัฏจักรของดวงอาทิตย์ซึ่งจะถึงช่วงสูงสุดใน ราวปี 2012 เข้ากับการสลับขั้วแม่เหล็กโลก นั่นเป็นการโยงเหตุการณ์ที่ไร้เหตุผลอย่างมาก ไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่าการสลับขั้วแม่เหล็กโลกมีความสัมพันธ์กับวัฏจักร ของดวงอาทิตย์

หากเกิดการสลับขั้วแม่เหล็กโลกจริง จะทำให้เกิดหายนะถึงขั้นผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากหรือไม่

เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกมีบทบาทสำคัญในการเป็นเกราะคุ้มกันรังสี อันตรายจากห้วงอวกาศ ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า หากเกิดความผิดปกติของสนามแม่เหล็กโลก เช่นสนามแม่เหล็กหายไป ก็ย่อมส่งผลต่อสรรพชีวิตบนพื้นโลกอย่างแน่นอน
ผลกระทบที่ว่านี้จะรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายหรือเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่หรือไม่? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
จากการเทียบบันทึกการสลับขั้วแม่เหล็กโลกในอดีตซึ่งเกิดมาแล้วหลาย ครั้ง เราไม่พบว่ามีความสอดคล้องกับเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เคยเกิด ขึ้นบนโลก นี่น่าจะพอเบาใจได้ในระดับหนึ่งว่า หากโลกสลับขั้วแม่เหล็กในช่วงนี้ ก็คงไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย
งานวิจัยด้านสนามแม่เหล็กโลกเมื่อไม่นานมานี้เผยว่าสนามแม่เหล็กโลก ซับซ้อนกว่าที่คิด โลกมิใช่มีเพียงแม่เหล็กแท่งใหญ่แท่งเดียว แต่ยังมีแม่เหล็กขนาดย่อมกระจายอยู่หลายส่วนทั่วโลก ช่วงที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก แม่เหล็กตัวใหญ่จะอ่อนกำลังลงไปมากจนเผยให้เห็นอิทธิพลของแม่เหล็กตัวย่อย ในช่วงเวลาดังกล่าวโลกจะมีขั้วแม่เหล็กเหนือใต้หลายแห่งบนโลก สนามแม่เหล็กโลกจะซับซ้อนยุ่งเหยิงมาก แน่นอนว่าช่วงนี้เราอาจใช้เข็มทิศไม่ได้ สัตว์บางชนิดที่ต้องพึ่งพาสนามแม่เหล็กโลกก็อาจประสบความยากลำบาก แต่เราก็ยังคงปลอดภัยจากสนามแม่เหล็กย่อยที่ยังคงมีอยู่ นอกจากนี้บรรยากาศที่หนาแน่นของโลกก็ยังคงทำหน้าที่เป็นเกราะกำบังรังสีให้ สิ่งมีชีวิตได้อยู่ ความจริงบรรยากาศโลกเป็นเกราะกันรังสีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสนามแม่เหล็ก โลกเสียด้วยซ้ำ

ปัจจุบันแกนหมุนของโลกเอียงมากขึ้นเป็น 24 องศาจริงหรือ?

ไม่จริง ปัจจุบันแกนโลกยังคงเอียง 23.44 องศา
อย่างไรก็ตาม แกนหมุนของโลกมีการเปลี่ยนแปลงเสมอในช่วงแคบ ๆ 22.1-24.5 องศาโดยมีคาบประมาณ 42,000 ปี ดังนั้นถ้าจะมองให้ละเอียด ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจริง แต่เปลี่ยนแปลงช้ามาก และยิ่งกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของมุมเอียงขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง นั่นคือ แกนโลกกำลังเอียงน้อยลง ไม่ใช่มากขึ้น

สุริยุปราคาที่จะเกิดในวันที่ 12 มิถุนายน 2553 จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวจริงหรือไม่?

ข้อนี้ผิดตั้งแต่โจทย์ วันที่ 12 มิถุนายน 2553 ไม่มีสุริยุปราคาที่ไหนบนโลก และการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา ไม่ว่าจะเต็มดวงหรือบางส่วน ก็ไม่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวใด ๆ ทั้งสิ้น
หากวันนั้นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจริง (ความจริงเกิดแผ่นดินไหวทุกวันบนโลก) ก็จะเกิดจากสาเหตุอื่น

เมื่อดาวเคราะห์มาเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติใดต่อโลกบ้าง?

ตามตำแหน่งวงโคจรของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะในปัจจุบัน ดาวเคราะห์แต่ละดวงอยู่ห่างกันมาก แรงดึงดูดและแรงน้ำขึ้นลง (แรงที่เกิดจากความแตกต่างของแรงดึงดูด) จากดาวเคราะห์ดวงอื่นที่กระทำต่อโลกมีค่าต่ำมากจนเกือบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นไม่ว่าดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจะเรียงกันอย่างไร เป็นเส้นตรง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม กากบาท ฯลฯ ก็จะไม่ส่งผลเสียใดต่อโลกเลยแม้แต่น้อย

ข้อมูลโดย : สมาคมดาราศาสตร์ไทย

2 ความคิดเห็น:

  1. ตกลงข้อมูลของสมาคมดาราศาสตร์ไทยเชื่อได้ใช่มั๊ยครับ?

    ตอบลบ
  2. เชื่อถึอได้มากครับ เพราะเป็นการรวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ของประเทศไทย และทุกสิ่งทุกอย่างมีเอาสารหลักฐานจับต้องได้ครับ

    สาเหตุที่ผมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะ "ด้วยความเป็นห่วงครับ" และขอโทษที่ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมานะครับ ว่าเพื่อนๆและน้องๆอีกหลายคน ที่ยังคงสืบค้นเรื่องราวหรือตามหา แพลนเน็ตเอกซ์ เรพไทเลี่ยน ยูเอฟโอ เอเลี่ยน เกรย์ ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ไกลตัวมากครับ แต่ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจของโลกใบนี้กำลังมาถึงทางตัน ทั้งเงินดอลล่า เศรษฐกิจสหรัฐใกล้จะล่มสลายเต็มที สงครามใหญ่ที่เริ่มก่อตัวขึ้น มันเป็นเหมือนกับระเบิดที่ดักรอเราอยู่ข้างหน้าครับ และพวกเราทุกคนก็กำลังเดินไปในเส้นทางนี้พร้อมๆกัน ไม่ว่าจะรู้ตัวกันหรือไม่

    เพราะฉะนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าแพลนเนตเอ๊กซ์จะย้ายไปตรงไหน หรือจะมาชนโลกหรือไม่ หรือถ้าน้ำท่วมโลกแล้วเอเลี่ยนจะลงมาช่วยใคร แต่วันนี้ สหรัฐและเงินดอลล่ากำลังถึงทางตัน และจะลากพวกเราชาวโลกไปกับเค้าด้วย ซึ่งความชัดเจนก็มากขึ้นโดยลำดับครับ ไหนปัญหาหนี้ของกลุ่ม EU ก็เตรียมขึ้นเมรุเต็มที

    มันคงไม่ง่ายสำหรับเพื่อนๆหรือน้องๆ ที่จะเข้าใจครับ แต่มันก็ไม่ยากเกินความพยายามครับ เพราะทั้งหมดมันเป็นเรื่องของ "ความอยู่รอด" ทั้งของตัวเราและครอบครัว โดยเฉพาะที่จะยืนอยู่บนความเป็นจริงที่กำลังจะมาถึงตรงหน้า แล้วเราจะต้องประสบกับมันทั้งที่อยากหรือไม่อยากเจอก็ตาม

    ด้วยความห่วงใย และ ฝากไว้ให้คิดครับ.......

    ตอบลบ