วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Phase II.......Part 6 of ( "การทำลายล้าง" และ "ความรอด" 2 )

Disclaimer : สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ เป็น "ความเชื่อส่วนบุคคล" ครับ  ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ เศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ การเมือง และอริยธรรมของมนุษย์ ในการการศึกษาค้นคว้าของผู้เขียน ความคิดต่าง เห็นต่าง ขอให้เป็นดุลยพินิจของท่านผู้อ่านครับ.......  

Sequence หรือลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมดูไว้มีดังนี้ครับคือ 

1.ตลาดหุ้น>เศรษฐกิจ>เงินดอลล่า>เงินสกุลอื่นๆ
2.ตลาดพันธบัตร>ดอลล่า>ตลาดหุ้น>เศรษฐกิจ>เงินสกุลอื่นๆ
3.ยูโร>ตลาดหุ้น>เศรษฐกิจ>ดอลล่า>เงินสกุลอื่นๆ
4.ยูโร>ดอลล่า>ตลาดหุ้น>เศรษฐกิจ>เงินสกุลอื่นๆ (Lindsey Williams)
5.CA>ตลาดหุ้น>เศรษกิจ>ดอลล่า>เงินสกุลอื่นๆ (2012)
6.สงคราม>ดอลล่า>ตลาดหุ้น>เศรษฐกิจ>เงินสกุลอื่นๆ (Ron Paul)
7.การก่อการร้าย>ตลาดหุ้น>เศรษฐกิจ>เงินดอลล่า>เงินสกุลอื่นๆ

ซึ่งดูแล้วทุกอันมีความเป็นไปได้เกือบจะเท่ากันหมดครับ เพราะต้องยอมรับครับว่า Life Line หรือ "ความเป็นความตาย" ของสหรัฐไม่ได้อยู่ในมือของเค้าเองทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติเจ้าหนี้ต่างๆ เช่นจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย และชาติน้ำมันต่างๆ ซึ่งเมื่อขยับเมื่อไหร่ก็จะส่งผลกับดอลล่าและทิศทางของตลาดในทันที 

ส่วนตัวผมมองว่าความอยู่รอดในเรื่องปากท้องหรือเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องยากครับ ซึ่งก็จะวัดกันตรงที่ใครมองเห็นอะไรมากกว่ากัน ทำความเข้าใจกับเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ได้แค่ไหน ประสบการณ์ที่ผ่านมาและ "การเตรียมพร้อม" ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ การเข้าซื้อทองคำและแร่เงินก็เป็น "เพียง" เครื่องมือตัวหนึ่งที่ทำง่ายคิดง่าย ในวงเล็บ "ถ้ามีทุนพอครับ" จึงเกิดคำถามครับว่าถ้าไม่มีล่ะจะอยู่ไม่ได้หรือคำตอบคืออยู่ได้ครับ เพียงแต่ต้อง "คิด" ให้มากขึ้นอีกหน่อย

ผมจะขอแก้ ค่านิยม ความความเชื่อ หรือกรอบความคิดหนึ่งที่ผมเริ่มเห็นหลาย "กูรู" ที่พูดกันมากขึ้นในสังคมไทย ณ เวลานี้ นั่นก็คือการที่มี "ผู้รู้" หลายๆท่านออกเขียนบทความหรือให้ความเห็นในลักษณะที่ว่า "ทองคำกำลังเป็นฟองสบู่" แล้วไม่รู้ว่าฟองสบู่ทองคำกำลังจะแตกเมื่อไหร่ เอาล่ะครับ คนที่เก็บสะสมทองคำไว้มากๆเริ่ม....หนาว

ผมจะขอมองในอีกมุมหนึ่งครับ จะคิดต่างเห็นต่างขอให้เป็นสิทธิของท่านผู้อ่านทุกชาติทุกภาษาเอง โดยเริ่มจากคำถามก็คือ Fundamental หรือปัจจัยพื้นฐานของทองคำอยู่ที่ตรงไหน จำกรอบความคิดนึงที่ผมบอกคุณว่าคุณต้องทำลายมันลงได้ไม๊ครับ นั่นก็คือ "ธนบัตรหรือกระดาษต่างๆที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของคุณคือเงินจริงๆ เพราะฉะนั้นดอลล่าก็ยิ่งเป็นเงินด้วย"

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วธนบัตรหรือกระดาษเหล่านั้นคือ "หนี้" ครับเป็นหนี้ที่เกิดจากการที่คุณนำทองคำไปฝากไว้ธนาคารกลางของประเทศ แล้วเค้าก็พิมพ์กระดาษาเหล่านี้ออกมาใช้หมุนเวียนแลกเปลี่ยนซื้อขายในตลาด แทนที่จะนำทองคำจริงๆมาทำธุรกรรมกันซึ่งก็คงจะแปลกๆครับถ้าจะทำอย่างนั้น แต่....อาจจะเป็นจริงขึ้นซักวัน "อยู่ช่วงหนึ่ง" ครับในอนาคต แล้วในภาวะที่ความไม่แน่นอนพุ่งสูงขึ้น สิ่งที่คุณจะต้องถือครองคืออะไรครับ ทองคำหรือกระดาษ??? ทองคำก็คือทองคำครับ มันอยู่ของมันเฉยๆ ถ้าไม่เชื่อคุณลองเอาทองเก่าๆที่คุณเก็บไว้ขึ้นมาดูสิครับ ลองมองดูมันแล้วถามตัวเองว่าสร้อยคอหรือแหวนทองคำเส้นนี้หรือวงนี้มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า???

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจริงๆ ก็คือปริมาณกระดาษหรือที่เรียกว่าธนบัตรที่ถูกพิมพ์ออกมาสู่ตลาดมากขึ้นๆๆ มาตลอด โดยเฉพาะ "ดอลล่า" ที่ไม่มีอะไรหนุนเลยครับ นอกจาก "ความเชื่อมั่น" แล้วถามว่าวันนี้ความเชื่อมั่นเหล่านั้นอยู่ที่ไหนและมีสภาพเป็นอย่างไร??? เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะไปนำทองคำที่ฝากไว้เหล่านั้นกลับคืนมาก็คือคุณต้องใช้ปริมาณกระดาษหรือที่เรียกว่าธนบัตรเหล่านั้นมากขึ้นนั่นเองครับ

สรุปคือทองคำไม่ได้แพงขึ้นครับแต่ปริมาณของกระดาษมันเยอะ มันเฟ้อหรือมันถูกลง นี่ก็เป็นหลักคิดง่ายๆครับเพื่อที่จะเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของทองคำ เพราะฉะนั้น...คุณไม่ได้ไปซื้อทองเพื่อซื้อทองครับ

และเมื่อไหร่ที่เงินกระดาษทุกสกุลเข้าสู่การ "เสื่อม" ลงพร้อมๆกัน ซึ่งไม่ต้องห่วงครับ IMF รอที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพอยู่แล้วที่จะเข็นสกุลเงินใหม่ออกมาหรือหรือที่เรียกว่า New World Currency หรืองเงินตราสกุลใหม่และจะเป็นเงินสกุลเดี่ยวและสกุลเดียวของโลก ที่จะมาแทนที่ Paper Currency ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ "ทันที" ที่ระบบเงินกระดาษปัจจุบันไปไม่ไหว หรือล้มไม่เป็นท่าแล้วเพราะปัญหา "Hyperinflationary Depression" หรือปัญหาเงินเฟ้อขั้นร้ายแรงที่จะก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในระดับโลก ซึ่งจะเกิดพร้อมๆกันทั่วโลก อันเนื่องมาจากการที่เงินยูโรและดอลล่าล้มตัวลง ในขณะที่เงินสกุลหลักอื่นๆในระบบตะกร้าก็ตามกันไปเพราะอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน

ผมอยากให้คุณทำความเข้าใจกับข้อความด้านบนนี้ให้ดีครับ มันจะเป็นวิกฤติการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลกที่คาดว่าจะเกิดในช่วงปลายปี 2011-2013 ก่อนที่ IMF จะ "หาเรื่อง" เข็นเงินสกุลใหม่ออกมาใช้โดย "อ้างว่า" เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่ แล้ววางตำแหน่งตัวเองเป็น World Central Bank หรืออภิมหาธนาคารกลางของโลกมนุษย์ใบนี้ ซี่งถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณจะมองวิกฤติไม่ออกครับหรือตีมันไม่แตก การเตรียมความพร้อมก็จะไม่เกิด ยิ่งถ้าจะพูดกันถึงการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสอันนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หรือจะว่าไปแล้วก็เปรียบได้กับคนป่วยคนหนึ่งที่มีโรครุมเร้าอยู่สารพัด แต่ไม่ "เชื่อ" ว่าตัวเองป่วย แต่กลับบอกว่าตัวเองไม่ได้ป่วย ยังแข็งแรงดี เพราะยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว จีงไม่มีการตรวจหาสาเหตุหรือดูแลรักษาเกิดขึ้น หรือป้องกันที่จะไม่ให้มีโรคใหม่ๆแทรกซ้อนตามมานั่นเองครับ แล้วก็เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่เหมือนคนปกติ จนในที่สุดโรคร้ายเหล่านั้นกัดกินอวัยวะต่างๆของร่างกาย จนกระทั่งทั้งระบบบางส่วนต้องหยุดทำงานลง แล้วด้วยระบบร่างกายทั้งหมดที่เชื่อมต่อกัน ก็ส่งผลให้ทั้งระบบร่างกายหยุดทำงาน หรือก็คือ "ตาย" ลงในที่สุด

"เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง"

ผมอยากให้ผู้อ่านทุกท่าน "สลัก" ประโยคนี้ไว้ในใจครับ แค่เขียนอย่างเดียวอาจจลบเลือนไปได้ แต่ถ้าสลักไว้แล้วคงจะอยู่ทนนานครับ และประโยคนี้ก็คือคำถามของคำตอบที่ว่าถ้าไม่มีทุนจะซื้อทองคำหรือแร่เงินจะต้องเตรียมตัวอย่างไร " ปัจจัย 4 " ครับ คือคำตอบที่ตรงไปตรงมา ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่การเตรียมพร้อมในเรื่องปัจจัย  4 เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งมากกว่าทองคำและเงินซะอีก คือการมีอาหารและน้ำดื่มที่สะอาดเพียงพอ และปัจจัย 4 ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ส่วนที่เหลืออื่นๆ พระเจ้าท่านทรงประทานไว้ให้หมดแล้วครับ แต่อยากจะให้คิดไปอีกหน่อยว่า จริงๆแล้วท่านสร้างและประทานไว้ให้หมดแล้วล่ะครับ 

แต่กลับเป็นมนุษย์เองที่ทำลายสิ่งเหล่านั้น บุกรุกพื้นที่ที่เป็นแหล่งอาหาร ทำลายสิ่งเหล่านั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง บุกรุกทำลายป่า ระเบิดภูเขาที่ทรงสร้างไว้ให้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร เพราะฉะนั้นคงต้องหาเองครับ และในวันเวลาแห่งความยากลำบากเหล่านั้นต้องมีครับ ต้องเตรียมให้พร้อมด้วยตนเอง ยืนอยู่บนขาของตัวเอง อย่างหวังพึ่งคนอื่นหรือรอรัฐบาล หรือหน่วยงานใดๆ ครับ เพราะเกือบทุกคนก็ต้องการดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอดเหมือนกันหมด และคนที่จะยอมเสียสละตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ซึ่ง "มี" ครับแต่น้อยและจะไม่เพียงพอในวันเวลาแห่งความยากลำบากเหล่านั้น 

คงจะยังไม่ใช่วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ครับที่สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้น แต่ผมก็จะให้เป็นแนวทางไว้ อ่านสัญญานต่างๆ ที่ส่งออกมาครับ ติดตามข่าวสาร เราต้องรู้ลึก รู้เร็ว และรู้ก่อน เพื่อที่จะเตรียมพร้อม ไม่ต้องไปแก่งแย่งแข่งขัน  ฉกชิงวิ่งราว เพื่อที่จะไม่ต้องแย่งซื้อหาสิ่งเหล่านั้นกัน ส่วนข้อมูลเรื่องทองคำและเงินก็คงหาได้จากบล๊อกนี้หรือที่อื่นๆครับ แต่ที่ผมเห็นโดยส่วนใหญ่จะเน้นไปในทิศทางของการเก็งกำไรหรือทำกำไรซะโดยส่วนใหญ่ แต่ผมจะขอเน้นย้ำว่า การลงทุนหรือการเข้าซื้อในช่วงเวลาต่อไปนี้ ขอให้ท่านมุ่งไปที่ "การป้องกันความเสี่ยง" จากการล้มตัวของสกุลเงินต่างๆ ที่จะลากเอาเศรษฐกิจพ่วงตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากครับ 

***เน้นการป้องกันความเสี่ยงมากกว่าการเก็งกำไร ซื้อๆขายๆ หรือการทำ Day Trade  

ปี 2011 นี้จะเป็นที่สหรัฐและโลกตะวันตกทรุดหนักลงอีกมาก และมีความเป็นไปได้ที่จะล้มลงในช่วงครึ่งหลังของปี หรือเต็มที่ก็ไม่น่าจะเกินกลางปี 2012 เพื่อที่จะผลักให้โลกไม่มีทางเลือก และต้องยอมรับสิ่งใหม่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ หรือ New Order หรือวาระใหม่ของโลกในเกือบจะทุกด้าน หรือที่เรารู้จักกันในนาม  New World Order อย่างที่ผู้นำชาติตะวันตกเกือบจะทุกชาติโดยเฉพาะสหรัฐ อังกฤษและฝรั่งเศษพยายามเรียกร้องให้มีนั่นเอง

หลังจากการล้มตัวของทางตะวันตกแล้ว โลกก็จะเข้าสู่ Chaos หรือยุคมืดหรือยุคแห่งความสับสนวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกือบจะทุกๆด้าน ทั้งการเงิน เศรษฐกิจ การก่อการร้าย ภัยภิบัติใหญ่ๆและสงคราม ซึ่งและจะกินเวลา 3 ปีครึ่งถึง 7 ปีเป็นอย่างน้อย และความเสียหายต่างๆที่ประเมิณค่าไม่ได้จะตามมาอย่างมหาศาล ซึ่งผมจะเขียนในตอนต่อๆไปครับ 

The Gold War Phase II...by Jimmy Siri บน Facebook
http://www.facebook.com/home.php?sk=group_170408246326805&ap=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น