วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Phase II.......Part 4 of 5 ( สงครามจิตวิญญาน สงครามที่มองไม่เห็น 2 )

สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ เป็น "ความเชื่อส่วนบุคคล" ครับ  ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ เศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ การเมือง และอริยธรรมของมนุษย์ โดยการการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆของผู้เขียน ความคิดต่าง เห็นต่าง ขอให้เป็นดุลยพินิจของท่านผู้อ่านครับ....... 

สิ่งต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ก็เพราะโลกใบนี้ได้ถึง "วาระ" ของมันครับ แต่วาระเหล่านั้นทั้งหมดทั้งสิ้น "จำต้องเกิดขึ้น" ก็เพราะน้ำมือมนุษย์หรือก็คือพวกเราโดยส่วนใหญ่นั่นเองที่ทำขึ้นมา  ส่วนกลุ่ม NWO นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเหรือเป็นเพียง "เครื่องมือ" เท่านั้น ถ้าสังเกตุให้ดีในงานเขียนของผมทั้งหมดผมจะไม่เคยแนะนำให้ไปต่อต้านการกระทำของคนกลุ่มนี้แม้แต่ครั้งเดียว และคงจะเป็นการยากที่จะต่อต้านพวกเขาเหล่านี้ ซึ่งก็คือ "กระแสโลก" ที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ (หรือจะลองพยายามดูก็ไม่ว่ากัน) เพราะฉะนั้นคำตอบคือ "หลีกให้พ้นทาง" พวกเค้าครับ รู้เท่าทันให้มากที่สุดว่าเรื่องทั้งหมดคืออะไร เค้าจะทำอะไร เหมือนที่เรากำลังไล่ตามเค้าอยู่ตอนนี้   ก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์ในระดับหนึ่ง ขาดแต่ก็การระบุวันเวลาที่แน่นอนเท่านั้นเอง 

เรามาดูกันครับว่าทำไมผมถึงบอกว่าโลกใบนี้ได้ถึง "วาระ" ของมันแล้ว ถ้ายังจำโพสต์หนึ่งเรื่อง 


พระคัมภีร์ไบเบิ้ล ฉบับคิงเจมส์ KJV
ปฐมกาล  บทที่ 6
6:11 ดังนั้นมนุษย์โลกจึงชั่วช้าต่อพระพักตร์พระเจ้า และแผ่นดินโลกก็เต็มไปด้วยความอำมหิต
6:12 พระเจ้าทอดพระเนตรบนแผ่นดินโลก และดูเถิด แผ่นดินโลกก็ชั่วช้า เพราะว่าบรรดาเนื้อหนัง(มนุษย์)ได้กระทำการชั่วช้าบนแผ่นดินโลก
6:13 พระ เจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า "ต่อหน้าเราบรรดาเนื้อหนังก็มาถึงวาระสุดท้ายแล้ว เพราะว่าแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความอำมหิตเพราะพวกเขา และดูเถิด เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก


หรือเหตุการณ์การ "ชำระล้างโลก" ครั้งใหญ่ครั้งแรกด้วย "น้ำ" หรือเหตุการณ์ "น้ำท่วมโลก" เมื่อประมาณ 7,000 ปีก่อน เพราะ "ความบาปผิด" ของมนุษย์ท่วมแผ่นดินโลกจนยากที่จะเอาคืนได้แล้ว ยอมรับไม๊ครับว่าสถานการณ์ตอนนี้ของโลกใบ ณ วันนี้ก็ไม่ต่างกันครับ ก็คือเราเข้าสู่ยุคโนอาห์ "อีกครั้งหนึ่งแล้ว" โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม NWO ที่แผ่อิทธิพลไปทั่วพื้นภิภพ แทรกซึม ครอบงำประเทศน้อยใหญ่กว่า 130 ประเทศ การคอรัปชั่นในส่วนหัวของรัฐบาลในระดับโลก ก่อสงคราม เข่นฆ่าชีวิตมนุษย์ในทุกรูปแบบ ทำร้ายโลก ทำลายธรรมชาติ สังหารและลอบสังหารผู้ที่ต่อต้าน โลกเสียสมดุลย์มานานแล้วครับ แล้วใครล่ะจะเป็นผู้เป็นผู้ชำระสิ่งเหล่านี้ (ถ้าสังเกตุให้ดีจะมีเหตุการณ์ทับซ้อนกันอยู่ 2-3 ชั้น)

ในส่วนของมนุษย์อย่างเราๆทั่วไป การเข้าไปมีส่วนร่วมของคนส่วนใหญ่เพื่อก่อสงครามทำลายล้างชีวิตมนุษย์ด้วยกันเอง ในขณะที่คนส่วนน้อยพยามต่อต้านสงคราม ทำลายโลก ทำลายธรรมชาติ ทั้งที่เป็นแหล่งกำเนิดชีวิตและอาหาร มนุษย์บุกรุก ทำลาย ตักตวงผลประโยชน์ทุกอย่างจากธรรมชาติ แล้วใช้สิ่งเหล่านั้นที่ได้มากลับไปทำร้ายธรรมชาติเสียเอง  การทำแท้ง การกราบไหว้รูปเคารพ บูชาแม้แต่รากไม้ สัตว์เลื้อยคลาน  การทรงเจ้า เข้าผี ไสยศาสตร์ รักร่วมเพศ การพนัน ซ่อง โสเภณี ยาเสพติดที่ระบาดอย่างต่อเนื่องและรุนแรง  การค้าทาสค้าชีวิตมนุษย์ จนในที่สุด..ค้าชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ด้วยกันเอง โดยมีประเทศที่เรียกตัวเองว่า "พัฒนาแล้ว" เหล่านั้นเป็นต้นแบบ

พระคัมภีร์ไบเบิ้ล ฉบับคิงเจมส์ KJV

พระธรรมมัธธิว บทที่ 24 
จงเฝ้ารอการเสด็จกลับมาอย่างไม่คาดหมายของพระคริสต์ (พระศรีอริยเมตตรัย) (มก 13:32-37; ลก 21:34-36)
24:36 แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ในสวรรค์ก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาของเราองค์เดียว

Watch for Christ's Unpredictable Return (Mark 13:32-37; Luke 21:34-36)
24:36 But of that day and hour knoweth no man, no, not the angels of heaven, but my Father only.

24:37 ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์ (พระเยซูคริสต์หรือพระศรีอริยเมตตรัย) เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย
24:37 But as the days of Noe were, so shall also the coming of the Son of man be.

24:38 เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา
24:38 For as in the days that were before the flood they were eating and drinking, marrying and giving in marriage, until the day that Noe entered into the ark,

24:39 และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย
24:39 And knew not until the flood came, and took them all away; so shall also the coming of the Son of man be.



ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยครับ ในขณะที่ "วาระ" หรือเหตุการณ์เหล่านั้นกำลังจะมาถึง มนุษย์ยังคงมัวเมา ดื่มกิน เลี้ยงฉลอง จัดงานแต่ง งานรื่นเริงกันตามปรกติ โดยไม่ได้ตระหนักถึงหายนะที่กำลังจะมาถึงทั้งในด้านเศรษฐกิจและภัยพิบัติต่างๆ และคงอีกไม่นานครับที่สิ่งต่างๆจะเกิดขึ้น แล้วก็กวาดเอาคนเหล่านั้นที่ยัง "หลับไหล" ไปจนหมดสิ้น โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวครับ นี่แหละครับทำไมเวลาที่เราพยายามปลุกยามเตือนคนอีกบางส่วน แต่เค้ากลับไม่สนใจ พาลจะหาว่าเราเพี้ยนไป ทุกอย่างถูกกำหนดและถูกเตือนไว้หมดแล้ว เมื่อหลายพันปีมาแล้ว 

คำเตือนง่ายๆ เหล่านี้ถูกเขียนขึ้นมาแล้วหลายพันปีล่วงมา แต่มนุษย์เรากลับไม่สนใจครับ แต่เรากลับเชื่อว่า การบูชา กราบไหว้สิ่งเหล่านั้น การประกอบพิธีกรรม การบนบาน การเซ่นสรวง บรวงสรวง การร่ายเวทย์ร่ายมนต์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการบูชายันต์ด้วยสัตว์และชีวิตมนุษย์ ที่ถูกกำหนดขึ้นในหลายศาสนา คือ  "ทางรอด" ทางนั้น หรือคือการ "ดับทุกข์" และนำไปสู่ภพสู่ภูมิที่ดี

คงจะเริ่มงงหรือสงสัยใช่ไม๊ครับว่า ไม่ใช่กลุ่ม NWO หรือที่จะทำลายมนุษย์(ส่วนใหญ่บางส่วน) คำตอบคือใช่ครับ แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมหรือการให้สิทธิอำนาจนั้นโดยพระผู้สร้างทั้งสิ้น

พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 13
 

สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากทะเล ( วาติกัน )
13:1 และข้าพเจ้าได้ยืนอยู่ที่หาดทรายชายทะเล และเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมีเจ็ดหัว (โป๊ป 7 องค์สุดท้าย) และสิบเขา (ประเทศที่ร่วมก่อตั้งสหภาพยุโรป) ที่เขาทั้งสิบนั้นมีมงกุฎสิบอัน (ผู้นำของสิบประเทศ) และมีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทจารึกไว้ที่หัวทั้งหลายของมัน (สัญลักษณ์ของ Jesu-its หรือ Symbolic ที่ซ่อนไว้ในที่ต่างๆ ทั้งเครื่องแต่งกายและมงกุฏ)

A Beast Rises Up Out of the Sea
13:1 And I stood upon the sand of the sea, and saw a beast rise up out of the sea, having seven heads and ten horns, and upon his horns ten crowns, and upon his heads the name of blasphemy.

13:2 สัตว์ร้ายที่ข้าพเจ้าได้เห็นนั้น เหมือนเสือดาว และเท้าเหมือนเท้าหมี และปากเหมือนปากสิงโต และพญานาค(ลูซิเฟอร์)ได้ให้ฤทธิ์ของมัน และที่นั่งของมัน และสิทธิอำนาจอันใหญ่ยิ่งแก่สัตว์ร้ายนั้น
13:2 And the beast which I saw was like unto a leopard, and his feet were as the feet of a bear, and his mouth as the mouth of a lion: and the dragon gave him his power, and his seat, and great authority.

13:3 ข้าพเจ้าได้เห็นว่าหัวๆหนึ่งของสัตว์ร้ายดูเหมือนถูกฟันปางตาย ( "เยซูอิต" ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกคริสตจักรปราบปรามอย่างรุนแรง ) แต่แผลที่ถูกฟันนั้นรักษาหายแล้ว คนทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
13:3 And I saw one of his heads as it were wounded to death; and his deadly wound was healed: and all the world wondered after the beast.

13:4 เขาทั้งหลายได้บูชาพญานาคที่ได้ให้อำนาจแก่สัตว์ร้ายนั้น เขาได้บูชาสัตว์ร้ายนั้น กล่าวว่า "ใครจะเปรียบปานสัตว์นี้ได้ และใครสามารถจะทำสงครามกับสัตว์นี้ได้" (เป็นชาติมหาอำนาจในการทำสงคราม)
13:4 And they worshipped the dragon which gave power unto the beast: and they worshipped the beast, saying, Who is like unto the beast? who is able to make war with him?

13:5 และยอมให้สัตว์ร้ายนั้นมีปากที่พูดคำกล่าวร้ายและหมิ่นประมาท และ "พระเจ้า" ยอมให้มันใช้อำนาจกระทำอย่างนั้นตลอดสี่สิบสองเดือน (42x30=1,260 วัน และ 1 วันในพระคัมภีร์จะเท่ากับ 1 ปีของโลกมนุษย์ ก็คือ 1,260 ปีที่ผ่านมา ที่สิ่งเหล่านี้ปกคลุมโลกอยู่ในหลายอารยธรรมของมนุษย์)
13:5 And there was given unto him a mouth speaking great things and blasphemies; and power was given unto him to continue forty and two months.

13:6 มันกล่าวคำหมิ่นประมาทต่อพระเจ้า เพื่อหมิ่นประมาทต่อพระนามของพระองค์ ต่อพลับพลาของพระองค์ และต่อผู้ที่อยู่ในสวรรค์
13:6 And he opened his mouth in blasphemy against God, to blaspheme his name, and his tabernacle, and them that dwell in heaven.

สัตว์ร้ายกระทำสงครามกับพวกวิสุทธิชน (สังหารหมู่คริสเตียนและยิว)
13:7 และยอมให้มันทำสงครามกับพวกวิสุทธิชน และชนะเขา และ
"พระเจ้า"ให้มันมีอำนาจเหนือชนทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกประชาชาติ (กลายเป็นชาติมหาอำนาจและก่อตั้งสหประชาชาติ)
The Beast Makes War against the Saints
13:7 And it was given unto him to make war with the saints, and to overcome them: and power was given him over all kindreds, and tongues, and nations.

13:8 และบรรดาคนที่อยู่ในแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น (ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1) คือคนทั้งปวงที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก ผู้ทรงถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก
13:8 And all that dwell upon the earth shall worship him, whose names are not written in the book of life of the Lamb slain from the foundation of the world.

13:9 ใครมีหูก็ให้ฟังเอาเถิด
13:9 If any man have an ear, let him hear.

13:10 ผู้ใดที่กำหนดไว้ให้ไปเป็นเชลยผู้นั้นก็จะต้องไปเป็นเชลย ผู้ใดฆ่าเขาด้วยดาบผู้นั้นก็ต้องถูกฆ่าด้วยดาบ นี่แหละคือความอดทนและความเชื่อของพวกวิสุทธิชน
13:10 He that leadeth into captivity shall go into captivity: he that killeth with the sword must be killed with the sword. Here is the patience and the faith of the saints.

สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากแผ่นดิน (สหรัฐอเมริกา)
13:11 และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน มีสองเขาเหมือนลูกแกะ (หน้าฉากดูดี) และพูดเหมือนพญานาค (หรืองูที่ลื่นไหลโกหกหลอกลวง)
A Beast Comes Up Out of the Earth
13:11 And I beheld another beast coming up out of the earth; and he had two horns like a lamb, and he spake as a dragon.

13:12 มัน(สหรัฐ)ใช้อำนาจของสัตว์ร้ายตัวเดิม(อังกฤษ)นั้นอย่างครบถ้วนต่อหน้าสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น มันทำให้โลกและคนที่อยู่ในโลกบูชาสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น (เยซูอิตในคราบของคริสตจักรแคทอลิก) ที่มีแผลปางตายแต่รักษาหายแล้ว
13:12 And he exerciseth all the power of the first beast before him, and causeth the earth and them which dwell therein to worship the first beast, whose deadly wound was healed.

13:13 สัตว์ร้ายนี้แสดงการมหัศจรรย์ใหญ่ จนกระทำให้ไฟตกลงมาจากฟ้าสู่แผ่นดินโลก(ระเบิดนิวเคลียร์) ประจักษ์แก่ตามนุษย์ทั้งหลาย
13:13 And he doeth great wonders, so that he maketh fire come down from heaven on the earth in the sight of men,

13:14 มันล่อลวงคนทั้งหลายที่อยู่ในโลกด้วยการอัศจรรย์นั้น (ฮอลลีวู๊ด เทคโนโลยี และวิทยาการล้ำสมัยต่างๆ) ซึ่งมันมีอำนาจกระทำท่ามกลางสายตาของสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น และมันสั่งให้คนทั้งหลายที่อยู่ในโลกสร้างรูปจำลอง
(คริสตจักรแคทอลิก)ให้แก่สัตว์ร้าย(เยซูอิต) ที่ถูกฟันด้วยดาบแต่ยังมีชีวิตอยู่นั้น
13:14 And deceiveth them that dwell on the earth by the means of those miracles which he had power to do in the sight of the beast; saying to them that dwell on the earth, that they should make an image to the beast, which had the wound by a sword, and did live.

13:15 และมันมีอำนาจที่จะให้ลมหายใจ
(ทำให้ตั้งอยู่ได้) แก่รูปสัตว์นั้น เพื่อให้รูปสัตว์ร้ายนั้นทั้งพูดได้ และกระทำให้บรรดาคนที่ไม่ยอมบูชารูปสัตว์ร้ายนั้นถึงแก่ความตายได้ (การทำลายและกำจัดศาสนาหรือความเชื่ออื่นๆที่ต่างออกไป)
13:15 And he had power to give life unto the image of the beast, that the image of the beast should both speak, and cause that as many as would not worship the image of the beast should be killed.

13:16 และมันยังได้บังคับคนทั้งปวง ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย คนมั่งมีและคนจน ไทยและทาส ให้รับเครื่องหมายไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของเขา (การฝังไมโครชิพในมนุษย์)
13:16 And he causeth all, both small and great, rich and poor, free and bond, to receive a mark in their right hand, or in their foreheads:

13:17 เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายได้ นอกจากผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น หรือชื่อของสัตว์ร้ายนั้น หรือเลขชื่อของมัน
13:17 And that no man might buy or sell, save he that had the mark, or the name of the beast, or the number of his name.

13:18 ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญา ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก ( Barack Hussein Obama = 18 / 6+6+6 )
13:18 Here is wisdom. Let him that hath understanding count the number of the beast: for it is the number of a man; and his number is Six hundred threescore and six.


เคยสงสัยไม๊ครับว่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของโลกตะวันตก เอาองค์ความรู้หรือเทคโนโลยีเหล่านี้มาจากไหน คงพอจะนึกออกแล้วนะครับ

แต่ทั้งหมดที่ต้องเกิดขึ้นก็เพื่อชำระล้างความผิดบาปที่เก็บสะสมกันมานับพันปี และความผิดบาปทั้งหมดทั้งสิ้นจะต้องถูกพิพากษาโดยไม่มีการยกเว้นครับ คนที่ยังอยู่ก็จะต้องรับการพิพากษาหรือแม้แต่ดวงวิญญานที่ตายไปแล้วก็ต้องถูกปลุกขึ้นมาเพื่อรับการพิพากษาเช่นเดียวกัน และเรื่องนี้ก็เป็นความเชื่อที่ตรงกันในทุกศาสนาหรือความเชื่อ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องไปทวงถาม "ความยุติธรรม" ในโลกใบนี้อย่างที่เรียกร้องกันอยู่ เพราะว่า "มันไม่มี" แล้ววันหนึ่งมนุษย์ทุกคนก็ต้องมาถึงจุดนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือเป็นนาย เป็นไพร่หรือผู้ดี 

The Gold War Phase II...by Jimmy Siri บน Facebook
http://www.facebook.com/home.php?sk=group_170408246326805&ap=1

7 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 ธันวาคม 2553 เวลา 13:26

    (พระเยซูคริสต์หรือพระศรีอริยเมตตรัย)

    อยากทราบว่าทำไมคุณ Jimmy ถึงระบุว่า พระเยซูคริสต์ เป็นองค์เดียวกับ พระศรีอริยเมตตรัย ครับ

    เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณ Jimmy เอง หรือ ได้ข้อมูลมาจากที่ไหนครับ

    วีระชัย ว.

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 ธันวาคม 2553 เวลา 15:09

    มันเป็นการใส่ร้ายป้ายสีทางศาสนา ดิฉันเคยโพสต์ถามคุณจิมมี่ ว่านับถือนิกายอะไร ไปโบสถ์ที่ไหนและถามเบอโทรแต่ไม่ยอมตอบ หลีกเลี่ยงไปตลอด ชอบเอาดีใส่ตัว เอาความชั่วใส่คนอื่น

    ปริดา

    ตอบลบ
  3. เรื่องนี้ผมมีเป็นเอกสารซึ่งก็คือพระธรรมมูลปัญหาคัมภีร์ขอม โดยได้คัดลอกมาจากพระไตรปิฏก วัดพระสิงห์ จว.เชียงใหม่ โดยได้รับการอนุญาตจากพระศรีวิสุทธิวงศ์ กรุงเทพ โดยท่านเป็นผู้รับรองความถูกต้องว่าตรงกับต้นฉบับครับ

    เป็นคัมภีร์ทางพุทธศาสนาที่เก่าแก่เล่มหนึ่ง คือว่ามันยาวครับ ผมจะค่อยๆพิมพ์ไว้ให้ในนี้นะครับ แต่สัญญาว่าต้องกลับมาอ่านนะครับ โดยการพิมพ์อะไรไว้ก็ได้ว่าได้รับเอกสารชุดนี้แล้วครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ20 ธันวาคม 2553 เวลา 16:47

    อ่านด้วย ...

    ตอบลบ
  5. ตอบคุณปริดาครับ :

    ผมตอบไว้ให้แล้วนะครับ แต่ที่ไม่ตอบในคอมเมนต์เพราะกลัวว่าจะหาไม่เจอ เลยเขียนเป็นเรื่องเป็นราวไว้ให้ในโพสต์ของวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาครับ

    http://jimmysiri.blogspot.com/2010/12/phase-iipart-2-of-%E0%B8%97%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%AD.html

    เกือบทั้งหมดอยู่ในนั้นแล้วครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ครับ และไม่มีการสอนในโบสถ์ เพราะคนที่จบโรงเรียนพระคริสตธรรมก็ยังน้อยคนที่จะศึกษาลงลึกไปในประวัติศาสตร์ ตรงนี้ที่เป็นปัญหาหนึ่งในเรื่องกรอบความคิด

    ผมอยากให้คุณลองหาข้อมูลเรื่อง

    1.เยซูอิตเป็นใคร มีจุดหมายอย่างไร แล้วทำอะไรไว้บ้าง แล้วมีความเชื่อมโยงกับคริสตจักรแคทอลิกอย่างไร

    2.ความเชื่อมโยง ของพรรคนาซีเยอรมมันและวาติกันในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะประเด็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ๋ชาวยิว และอีกอันคือ 720,000 ชีวิตในโครเอเชีย (ดูแล้วคุณจะรับได้หรือไม่ผมก็คงตอบไม่ได้ครับ) ใช้

    3.โบสถ์คืออะไร ต่างกับคริสตจักรตรงไหน คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าคือสิ่งเดียวกันแต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย หรือใช้คำว่า "Church of Christ" เป็นคีย์เวิร์ดในการค้นหาครับ ไม่ใช่สถานที่ครับก็คือตัวเรานี่เอง

    4.ทำไมเราต้องไปโบสถ์ แล้วทำไม่ต้องไปวันอาทิตย์ ใครเป็นคนกำหนด ทั้งที่วันบริสุทธิ์คือวันเสาร์ไม่ใช่หรือ ดู Sunday Law ครับ

    5.วันอาทิตย์ก็คือ "Sun" Day หรือวันของพระอาทิตย์ Sun หรือพระอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของใครหรือของอะไร ดูคำว่า The Morning Star ทำไมวาติกันจึงให้ความสำคัญกับสัญลักษณ์เหล่านี้ ทั้งที่บอกว่า "พระเยซู" ทรงเป็นพระเจ้ามิใช่หรือ

    6.ศีกษาวิวรณ์อย่างละเอียดครับ โดยเฉพาะเรื่อง Beast ต่างๆ องค์ความรู้เหล่านี้ในประเทศไทยมีน้อยครับ จึงไม่มีคนกล้าสอนเพราะอาจจะไม่รู้ลึกหรือรู้จริงและสุ่มเสี่ยงต่อการสอนผิด แต่ในซีกโลกตะวันตก เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดามากครับ เข้า The Prophecy Club แล้วดูเทศนาจากผู้รู้ต่างๆ มาอธิบายในประเด็นที่เราสงสัย ควรจะดูหลายๆ คนครับ อย่าเอนเอียงใช้วิจารณญาน

    ผมยินดีและแต็มใจที่จะให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ครับ แต่ข้อให้ศึกษาเรื่องราวต่างๆ อีกซักนิดก่อน เราอาจจะเข้าใจอะไรที่ตรงกันครับ ไม่ได้เป็นความผิดของคุณหรือของใคร เพราะมนุษย์เราก็โดน Deception มาไม่ต่างกัน ผมก็เกี่ยวพันกับแคทอลิกมาหลายปีพอสมควรครับ ศึกษา ซึมซับ น่าจะ 7 ปีเป็นอย่างน้อย แล้วก็อยู่กับเยซูอิตอีก 2 ปี

    ลองค้นหาความจริงเหล่านี้เถอะครับ ผมจะช่วยเต็มที่ถ้ามีอะไรที่สงสัย เพราะผมมีข้อมูลเยอะมากกกกก ลองอยู่นอกโบสถ์นะครับ อธิษฐานแบบเปิดใจครับ เปิดใจจริงๆ ขอให้พระเจ้าทรงเปิดเผยความจริงด้วยวิธีการต่างๆ อะไรก็ได้ วันนี้คุณมาถึงสิ่งเหล่านี้แล้วอย่าให้อะไรบางอย่างมัน "สกัด" คุณไว้ อีกนิดเดียวเองครับ

    "ส่วนการเอาดีใส่ตัว เอาความชั่วใส่คนอื่น" ผมจะไม่ตอบนะครับ แค่อยากจะบอกว่า ค้นหาครับแล้วคุณจะเจอ ถ้าผมทำอะไรที่ไม่ดีสิ่งเหล่านั้นจะตกอยู่ที่ผมเองไม่มีใครเดือดร้อนครับ สิ่งก่อสร้างอิฐหินปูนทรายเหล่านั้นก็ไม่เดือดร้อน แต่ "ความรอด" ของคุณ จะมีความหมายกับผมมากกว่าครับ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ20 ธันวาคม 2553 เวลา 21:20

    อ่านประจำทุกวันอยู่แล้วครับ

    จะติดตามต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงวันนั้นครับ

    วีระชัย ว.

    ปล.คุณปริดาไม่น่าจะใช้คำพูดอย่างนั้นเลย เรื่องอย่างนี้ใครอยากเชื่อก็เชื่อไม่อยากเชื่อก็ไม่ได้คนเขียนไม่ได้บังคับอะไร

    ตอบลบ
  7. ขอแก้ไข link ของคุณ jimmy นะครับ link เสียครับ
    Subliminal Messages 9 of 14 ....... " เรื่องของโนอาห์ "

    click ที่นี่ครับ
    http://jimmysiri.blogspot.com/2010/11/subliminal-messages9-of.html

    ตอบลบ