โดย เอฟ วิลเลียม เองดาห์ล 11 ตุลาคม 2552 22:47 น.
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000120526
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์www.atimes.com)
Dollar exit for oil trade?
By F William Engdahl
08/10/2009
อนาคตของเงินดอลลาร์อเมริกันกำลังถูกเงาทะมึนทาบทับดำทึบยิ่งขึ้นอีก เมื่อมีรายงานข่าวว่าพวกรัฐอาหรับที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน และประเทศลูกค้ารายใหญ่อย่างเช่นจีนและญี่ปุ่น จะหันไปใช้สกุลเงินตราและตัวกลางอื่นๆ เพื่อชำระบัญชีซื้อขายเชื้อเพลิงปริมาณมหาศาลของพวกเขาในไม่ช้านี้
มีรายงานข่าวซึ่งดูน่าเชื่อถือทีเดียวว่า พวกชาติอาหรับที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน และประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกบางรายเป็นต้นว่าจีนและญี่ปุ่น กำลังวางแผนการในระยะยาวเพื่อที่จะยุติการกำหนดราคาซื้อขายน้ำมันของพวกเขาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าหากข่าวนี้เป็นความจริงแล้ว มันก็จะเสมือนเป็นเสียงระฆังมรณะสำหรับเงินดอลลาร์อเมริกันในการดำรงฐานะเป็นสกุลเงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรองของทั่วโลก และก็เป็นลางร้ายสำหรับสำหรับสหรัฐฯในการการดำรงฐานะความเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจระดับโลก
ตั้งแต่ที่วอชิงตันฉีกทิ้งสนธิสัญญาเบรตตัน วูดส์ (Bretton Woods treaty) ในเดือนสิงหาคม 1971 และเดินหน้าเข้าสู่ “ระบบทุนสำรองเงินดอลลาร์ที่เป็นกระดาษ” (dollar paper reserve system) ไม่ใช่เงินดอลลาร์ที่หนุนหลังด้วยทองคำอีกต่อไป สหรัฐฯในฐานะที่เป็นมหาอำนาจทางทหารผู้ทรงพลานุภาพที่สุดของโลก ก็ยังคงสามารถบงการให้โลกปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินของตน ชาติต่างๆ เป็นต้นว่าญี่ปุ่น และต่อมาก็คือจีน ต่างต้องพึ่งพาอาศัยสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออก และก็จะต้องมีหน้าที่นำเอาเงินดอลลาร์ส่วนเกินซึ่งได้มาเพราะการได้เปรียบดุลการค้า ไปลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งก็เท่ากับกำลังให้การสนับสนุนทางการเงินแก่สงครามต่างๆ เป็นต้นว่า อิรัก และอัฟกานิสถาน ที่พวกเขาคัดค้าน ทั้งนี้พวกเขามองไม่เห็นว่าจะมีทางเลือกอย่างอื่นๆ
ทางด้านพวกประเทศอาหรับที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน เมื่อตกอยู่ใต้แรงบีบคั้นทางการทหารของสหรัฐฯ ก็ต้องยอมขายน้ำมันโดยคิดราคากันเป็นสกุลดอลลาร์อเมริกันเท่านั้น ซึ่งเท่ากับกลายเป็นไม้ค้ำยันคอยพยุงเงินดอลลาร์กันโดยตรง ในยามที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะเสื่อมทรุดอย่างร้ายแรง อย่างไรก็ดี สภาพการณ์ดังกล่าวเหล่านี้น่าจะกำลังไปถึงจุดสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว
ตามรายงานข่าวซึ่งรั่วไหลจากพวกรัฐอาหรับย่านอ่าวเปอร์เซียที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน ระบุว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้มีการหารืออย่างลับๆ ต่อเนื่องกันหลายครั้ง ระหว่างพวกประเทศอาหรับที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เป็นต้นว่าซาอุดีอาระเบีย (รวมทั้งมีรายงานว่ารัสเซียก็ได้เข้าร่วมด้วย) และพวกประเทศผู้บริโภคน้ำมันชั้นนำ ในจำนวนนี้มีทั้งจีนและญี่ปุ่น อันเป็น 2 ใน 3 ชาติผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกในเวลานี้
ครงการที่พวกเขาพิจารณาหารือกันก็คือ การแอบๆ ตระเตรียมพื้นฐานเพื่อยุติ “กฎเหล็ก” ที่จะต้องขายน้ำมันกันเป็นสกุลเงินดอลลาร์อเมริกันเท่านั้น อันเป็นสิ่งที่ทำกันตลอด 65 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังที่ราคาน้ำมันช็อกโลกด้วยการทะยานลิ่วไปถึง 400% ในปี 1973 ตอนนั้นสื่อมวลชนสหรัฐฯต่างประณามกล่าวโทษว่า “พวกชีคอาหรับผู้ละโมบ” คือตัวการที่ทำให้เกิดสภาพการณ์เช่นนั้นขึ้น และกระทรวงการคลังสหรัฐฯก็ได้เดินทางลับๆ ไปยังกรุงริยาด เพื่อแจ้งกับทางซาอุดีอาระเบียด้วยคำพูดที่โจ่งแจ้งขวานผ่าซากว่า ถ้าหากพวกเขายังต้องการกำลังทหารสหรัฐฯคอยช่วยเหลือคุ้มครองในเวลาที่อาจจะถูกอิสราเอลโจมตีแล้ว องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Organization of Petroleum Exporting Countries หรือ OPEC) ก็จะต้องตกลงเห็นพ้องกันเป็นการภายในว่า จะต้องไม่ขายน้ำมันในสกุลเงินตราอื่นๆ นอกเหนือจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ [รายละเอียดอ่านได้จากหนังสือของผู้เขียน เรื่อง Mit der Olwaffe zur Weltmacht ( สำนักพิมพ์ Kopp Verlag).] ระบบ “ดอลลาร์จากน้ำมัน” (Petrodollar) ดังกล่าวนี้เอง ทำให้สหรัฐฯสามารถที่จะปล่อยให้ตนเองขาดดุลการค้าอย่างมหาศาล แต่เงินดอลลาร์ก็ยังคงเป็นสกุลเงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรองของโลก และนี่ก็เป็นหัวใจของความสามารถของสหรัฐฯในการเข้าครอบงำและควบคุมตลาดการเงินโลก ทั้งนี้จวบจนกระทั่งมาถึงวิกฤตตราสารหนี้แปลงสภาพจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (subprime real estate securitization) ในเดือนสิงหาคม 2007
ตามรายงานข่าวระบุว่า บรรดาประเทศที่ปรึกษาหารือกันกำลังเล็งที่จะใช้ตะกร้าเงินตราหลายๆ สกุล ที่สามารถสะท้อนความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างผู้ผลิต-ผู้บริโภคได้ดี โดยที่จะหนุนหลังด้วยทองคำเพื่อให้เป็นเสมือนแกนกระดูกสันหลังอันมั่นคง ในตอนแรกๆ เลยมันจะไม่เป็นเงินตราสกุลใหม่เหมือนดังที่มีบางคนคาดเดาเอาไว้ แต่จะอยู่ในลักษณะเป็นการดำเนินการเพื่อมุ่งขจัดความเสี่ยงซึ่งเกิดจากการกำหนดราคาขายน้ำมันเป็นสกุลเงินดอลลาร์ที่กำลังอยู่ในภาวะผันผวนและมีแนวโน้มลดค่าลงเรื่อยๆ
อิหร่านก็ได้ประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่า ในอนาคตจะขายน้ำมันของตนโดยคิดราคาเป็นเงินสกุลยูโรไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามรายงานที่ออกมาหลายกระแส ตะกร้าเงินตราที่พวกผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันเหล่านี้คิดพิจารณากัน จะประกอบด้วยเงินเยนญี่ปุ่น, ยูโร, เงินหยวนจีน, และทองคำ ทั้งนี้มีรายงานว่าบราซิลก็จะเข้าร่วมด้วยโดยอยู่ในฐานะทั้งเป็นประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้บริโภค
รายงานข่าวเกี่ยวกับแผนการลับๆ นี้ปรากฏเปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรก โดย รอเบิร์ต ฟิสก์ (Robert Fisk) ผู้สื่อข่าวประจำตะวันออกกลางซึ่งได้รับการยกย่องนับถือ ของหนังสือพิมพ์ ดิ อินดีเพนเดนต์ (The Independent) ของอังกฤษ [ในรายงานข่าวเรื่อง The demise of the dollar, The Independent, Ocober 6, 2009] ทั้งนี้ฟิสก์อ้างว่าได้รับการยืนยันเรื่องแผนการดังกล่าวนี้ทั้งจากแหล่งข่าวที่เป็นชาวอาหรับหลายรายและแหล่งข่าวชาวจีนในฮ่องกง ตัวผมเอง (ผู้เขียน เอฟ วิลเลียม เองดาห์ล) ก็ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวหลายรายในแถบอ่าวเปอร์เซียซึ่งเป็นบุคคลระดับที่อาวุโสมากและทราบเรื่องเป็นอย่างดี ว่ามีการพูดจาหารือเรื่องนี้กันจริงๆ
พวกประเทศผู้ผลิตน้ำมันต่างรู้สึกเต็มกลืนกันมานานปีแล้วในเรื่องที่ต้องกำหนดราคาน้ำมันของพวกตนเป็นสกุลดอลลาร์ หาไม่ก็จะต้องเผชิญการตอบโต้แก้เผ็ดจากสหรัฐฯ พวกเขากำลังต้องขาดทุนรายได้ไปเรื่อยๆ จากการที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินตราอื่นๆ และเมื่อเทียบกับทองคำ หลังจากที่สหรัฐฯประกาศ “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” โดยคณะรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 พวกประเทศอาหรับชั้นนำที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน ส่วนใหญ่แล้วมีความคิดเห็นเป็นการภายในว่า นโยบายที่สหรัฐฯกำลังดำเนินอยู่นั้นมุ่งจุดมุ่งหมายที่เป็นการก้าวร้าวล่วงละเมิดพวกตน การที่สหรัฐฯเข้าไปรุกรานและยึดครองอิรักในปี 2003 มีแต่จะเป็นการยืนยันเรื่องนี้ เฉกเช่นเดียวกับการที่สหรัฐฯข่มขู่คุกคามอิหร่านในเวลาต่อมา
ภายหลังรายงานข่าวแผนการลับๆ นี้รั่วไหลออกมาสู่สาธารณชน รัฐบาลของประเทศที่เกี่ยวข้องหลายๆ รายแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยการปฏิเสธเรื่องนี้อย่างกราดเกรี้ยว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้มีการความเคลื่อนไหวตระเตรียมการในเรื่องนี้จริงๆ พวกเขาต่างตระหนักเป็นอันดีว่าสหรัฐฯซึ่งเสมือนเสือร้ายที่กำลังบาดเจ็บ ย่อมเป็นอันตรายมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
และจากรายละเอียดของแผนการที่รั่วไหลถึงสื่อมวลชนทั่วโลก ไม่ว่าสิ่งที่ฟิสก์รายงานเอาไว้จะถูกต้องทุกสิ่งทุกอย่างหรือไม่ก็ตามที มันก็ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกอยู่ดีว่า เงินดอลลาร์ในฐานะที่เป็นสกุลเงินตราสำรองอันเชื่อถือได้สำหรับการพาณิชย์ของโลก กำลังอยู่ในวิถีดำเนินไปสู่ความเสื่อมสลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
ยังมีอีกบางประเด็นที่ไม่ชัดเจน เป็นต้นว่า เยอรมนีและฝรั่งเศส 2 มหาอำนาจสำคัญที่สุดภายในสหภาพยุโรปจะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร ถ้าหากพวกเขาตัดสินใจที่จะวางเดิมพันเข้าข้างพวกประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันแล้ว ก็จะเท่ากับพวกเขาเปิดประตูต้อนรับลู่ทางโอกาสใหม่ๆ ทางการค้าและการลงทุนจากพวกประเทศแถบยูเรเชีย แต่ถ้าพวกเขาไม่กล้าก้าวไปสู่จุดนั้นและตัดสินใจที่จะยังอยู่กับเงินปอนด์อังกฤษและเงินดอลลาร์อเมริกัน พวกเขาก็จะต้องจมดิ่งลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น พร้อมๆ กับที่เงินดอลลาร์ซึ่งเสมือนเรือไททานิก
ความทรุดโทรมของอิทธิพลเงินดอลลาร์อเมริกัน ยังจะตามมาด้วยการลดทอนเสื่อมทรามลงของอำนาจทางการเมืองของสหรัฐฯ ในฐานะที่เป็นอภิมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและทางการเงินแต่ผู้เดียวของโลก เราทั้งหลายจึงกำลังเผชิญกับน่านน้ำที่ปั่นป่วนผันผวนอย่างยิ่ง และไม่น่าประหลาดใจอะไรที่ทองคำกำลังมีค่าพุ่งพรวดท่ามกลางความไม่แน่นอนเช่นนี้ โดยที่อยู่ในระดับสูงกว่า 1,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้ว จากที่เมื่อวันที่ 29 กันยายน ยังอยู่ที่ราวๆ 990 ดอลลาร์เท่านั้น
เอฟ วิลเลียม เองดาห์ล เป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง A Century of War: Anglo-American Oil Politics and the New World Order และเรื่อง Seeds of Destruction: The Hidden Agenda of Genetic Manipulation (www.globalresearch.ca) หนังสือเล่มล่าสุดของเขาคือ Full Spectrum Dominance: Totalitarian Democracy in the New World Order (Third Millennium Press) สามารถติดต่อกับเขาได้โดยผ่านเว็บไซต์ของเขา
www.engdahl.oilgeopolitics.ne
เอื้อเฟื้อข้อมูลโดยคุณ
"Mac. DoGoodBeGreat"
ขอขอบคุณครับผม
คุณ Jimmy ครับ ครังก่อนเห็น พาดพิงถึง หนังเรื่อง 2012
ตอบลบรบกวนช่วย วิเคราะห์หน่อยได้ไหมครับ
เพราะ ผมดูบางส่วนแล้ว โคลัมเบีย ก้อ อยู่เบื้องหลังเหมือนกัน
งานนี้ ขยายผลต่อจาก เกมส์ไพ่อีลูมินาติ หรือเปล่า
คืนนี้ที่ US จะมีการประกาศตัวเลขกำไรของ Goldman , CITI , IBM และ Google
ตอบลบGoldman ออกมาแล้วค่ะ กำไรดีกว่าคาดตามระเบียบ (ไม่แปลกใจเลยเพราะเจ้านี้คงได้กำไรจากการปั่นหุ้นทั่วโลกค่อนข้างเยอะ รวมทั้ง Trading ใน Product อื่นๆ ) ทำเอาเงินยูโรอ่อนกะทันหัน ทองตอนนี้หลุดลงต่ำกว่า 1050 ไปเรียบโร้ย ยย
น้องที่นี่ 2 คนบอกเหมือนกันค่ะ ว่า daily graph ของทองวันนี้ดูไม่ดี มันเป็นแท่งดำยาวที่ครอบแท่งขาวของวันก่อนหน้า ทำให้ technically แล้วอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะไปทดสอบที่ 1020 ก่อนที่จะขึ้นต่อไปใหม่ ก็รอดูกันต่อไปนะคะ
ส่วนวันจันทร์ที่จะถึงนี้ มีประชุม Finance Minister ของประเทศในยูโรโซน เค้าจะ discuss กันถึงเรื่องค่าเงินยูโรที่แข็งค่าอยู่ตอนนี้ ว่าจะเอายังงัยกันดีค่ะ ก็เป็นอีก 1 event ที่จะมีผลต่อค่าเงินยูโรและค่าทองในที่สุด
ตลาดหุ้นบ้านเรา ลบลึกสุด เกือบ61จุด ก่อนจะมาปิดที่ -39 ด้วยความไม่มั่นใจเรื่องเดิม ทำเอาดอลล่าบาทจาก 33.37 ในตอนเช้า ไปเทรดสูงสุดที่ 33.59 ก่อนจะอ่อนตัวลงมาตามการ rebound ของตลาดหุ้น
เลยต้องคิดต่อค่ะ ถึง Implication ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ในกรณีที่หุ้น sell off มากๆ ว่านักลงทุนจะโยกเงินไปลงทุนที่ไหน ตอนนี้ที่คิดออกคือ ฝากแบงค์ ....ซื้อตราสารหนี้....ซื้อทอง.....หรือกอดเงินสดเก็บไว้กับตัว.....
ต.