Gold Update.......This way

ดูเหมือนฐานราคาเริ่มจะมีการปรับตัวบ้างแล้ว รอกันมาตั้งนานคงเรื่อง DJI แตะ 10,000 จุดและเรื่องการกำไรแบบเละเทะของพวกวอลสตรีท คนที่เละจริงๆ น่ะคือประชาชนคนเสียภาษีครับ ที่เค้ามีกำไรได้เพราะเงินที่เข้าไปอุ้มทั้งนั้น เข้าไปอุ้มแบบให้เปล่าไม่มีต้นทุน คือเอาเงินส่วนนี้เข้าไปอยู่ในงบดุลย์ทั้งนั้น งบดุลย์มันก็ออกมาดี แล้วเป็นบริษัทขยาดยักษ์ก็ไปดัน DJI อีกที ถ้าใครที่เข้าใจเรื่องงบดุลย์จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แล้วเงินบางส่วนก็เข้าไปซื้อหนี้เสีย (Toxic Debt) แล้วเอาไปกองไว้ที่ FED ซื้อที่เท่าไหร่ไม่มีการเปิดเผย แต่มหาศาลครับ  ผมไม่แน่ใจว่า 2.4 Trillion หรือเปล่าที่เอาไปกองไว้ที่นั่น แล้วมาบอกว่าทำกำไรกันมหาศาล สุดท้ายจ่ายโบนัสผู้บริหารและพนักงานกันอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะ Goldman Suck  แต่ประชาชนคนเสียภาษีต้องจ่ายตรงส่วนนี้ไปกันชั่วลูกชั่วหลานครับ

มีอีเมลล์เข้ามาเยอะครับถามว่าน่าจะเข้าซื้อได้ตอนไหนอีก ผมก็ตามไปช่วยคิดกระจายไปอยู่ในหลายโพสต์ครับ ก็เลยคิดว่าโพสต์นี้จะคุยกันเรื่องนี้ครับ จังหวะเข้าซื้อจากนี้ไป จะถือว่าเป็นการส่งสัญญาณก็แล้วแต่ครับ ผมเอาข้อมูลมาวางไว้ให้แล้วเรามาช่วยกันตัดสินใจน่าจะสนุกกว่าครับ ให้มีความเห็นหลากหลายเข้าไว้ เป็นในแนวระดมสมองเหมือนเดิม ส่วนตัวผมจะใช้ข้อมูลในทางลึกหรือ "Insider" ซะมาก
กว่า ตีไปซัก 50% ข่าวทั่วไปที่เปิดเผยซัก 35% แล้วดูกราฟประกอบอีก 15% อันนี้แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนครับ เรามาดูสถานการณ์ทองตอนนี้ก่อนครับ


1.ดอลล่าอินเด็กซ์ 76 คงเป็นอดีตไปแล้วเพียงแค่ไม่กี่วัน ลงแรงในอัตรานี้น่าเป็นห่วงครับ เร็วเกินไป นักลงทุน นักวิเคราะห์กำลังรอดูจังหวะ Pull Back หรือ Adjust หรือการปรับฐาน เรียกง่ายๆก็คือการเทขายทำกำไรนั่นแหละครับ แต่เรามือโปรกันแล้วต้องเรียกให้เข้าใจยากหน่อย ไม่รู้ทำไม 55555  นี่ก็รอกันมาตั้งนานแล้วเนี่ยยิ่งรอยิ่งไปกันใหญ่ จนถึงวันนี้ก็เพิ่งจะมีวี่แวว มาจากปัจจัยข้างต้นครับ

ใครจะรอการ Pull Back ยังไงก็แล้วแต่ครับ แต่ในส่วนข้อมูลและเวลามันกระชั้นชิดเข้ามาทุกทีคือ กลุ่ม NWO ( New World Order ) เค้ามีกำหนดเวลาการปฏิบัติการของเค้าครับ ยกตัวอย่างการรวมหัวกันทุบดอลล่าเป็นต้น เราจะไปหาทฤษฐีหรือกราฟที่ไหนมาอธิบายก็ไม่มีครับ  เป็น Insider ล้วนๆ ไปเอาตามตำราที่เรียน MBA กันมา "เสร็จเค้าครับ" ผมถึงพยายามจะฉายภาพให้เห็นกลุ่มเครือข่ายนี้ที่ "ชักใย" อยู่เบื้องหลังโลกเราครับ ถ้าเรารู้เวลาการปฏิบัติการของเค้าแล้วเราปรับตามนั้น "ใช้ประโยชน์" จากตรงนี้ได้ครับ เพราะเราจะพอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อไหร่ แต่บอกแบบเจาะจงวันเวลาเลยไม่ได้ครับ เพราะไม่ได้เป็นคนทำนะ 55555 แต่เราคาดการณ์ได้ครับ เค้าเข้าไปตี ล้มกันทีเป็นหลักหมื่นล้านแสนล้าน เราตามไปเก็บที่หล่นๆ หลักแสนหลักล้าน ก็ Happy แล้ว เราตัวเล็กตัวน้อยครับ คนพวกนี้อภิมหารวย ทรัพย์สินรวมกันเกินครึ่งโลกไปแล้ว อาจจะ 3 ใน 5 ส่วนของความมั่งคั่งทั้งหมดของโลกนี้ ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องของเงินหรือผลกำไรครับ มันคือเรื่องของอำนาจและการยึดครองทั้งนั้นเลย


แต่เรารู้ครับว่ามันจะไปกระทบตลาดอะไรตรงไหน เราก็ไปนั่งรอนอนรอเลย พอมีความชัดเจนก็ใส่เต็มที่ ถ้าเกิดก็รับเละครับ ถ้าไม่เกิดเราก็เตรียมพร้อมตั้งรับไว้ไม่เสียหายครับ อย่างน้อยก็ไม่เจ็บตัวครับ ยกตัวอย่างสถานการณ์ตอนนี้ถ้ายังไปอัดอยู่ในพอร์ตหุ้นเต็มๆ แล้วไม่มีทองเลย อย่างนี้ก็เสี่ยงเกินไป หุ้นตอนนี้ High Risk แต่ Low Return ครับ ที่กำลังรออยู่ตอนนี้คือตลาดหุ้นวอลสตรีท Clash หรือล้มครับ ลงเที่ยวนี้อาจจะได้เห็น 4,000 หรือ 2,500 ครับ บางสำนักวิเคราะห์ให้แค่ 1,500 เอง ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ครับ อาจจะคิดว่ามันเหลือเชื่อ แต่ถ้ารู้ความจริงว่าที่ตีขึ้นมาจาก 6,500 มาถึง 10,000 นี่เบื้องหลังเป็นยังไงแล้วจะเข้าใจครับ เป็นภาพเดียวกับการล้มของปี 1930 เปี๊ยบ ก็คือที่โพสต์ไปนั่นแหละครับ เรื่อง The Great Depression ถ้าหาดูกราฟหุ้นเปรียบเทียบได้แล้วจะช๊อคครับ เพราะ Moving Average หรือการเคลื่อนตัวของกราฟเกือบเป็นเส้นเดียวกันเป๊ะ ตอนนี้ก็รอแค่ Timing  หรือ กรอบเวลาเท่านั้นเอง เตรียมเข้า Short ตลาดหุ้นไทยได้เลยครับ หลังจากนั้นถนนทุกสายก็จะมุ่งมาที่ทองครับ เพราะเงินทุนไม่มีที่ไปแล้ว ตลาดหุ้นล้ม ตลาดพันธบัตรโดน FED กดดอกเบี้ยไว้ แล้วไหนจะความเสี่ยงเรื่อง เงินเฟ้อยิ่งยวดอีก ไม่ใช่เงินเฟ้อธรรมดาครับ


2.มีกระแสข่าวว่าวิทยุท้องถิ่นของจีน ประกาศเรื่องงดการส่งออกทองคำทุกชนิด ในขณะที่ Forbes จัดอันดับให้จีนเป็นชาติที่ส่งออกทองคำเป็นอันดับหนึ่งของโลกครับ ถ้าข่าวนี้ไปถึง Bloomberg แล้วมีการตีข่าวนี้ขึ้นมา "ทองก็พุ่งกระฉูดอีก" แต่ถ้าจีนทำเค้าคงทำให้เงียบที่สุด เพื่อไม่ให้ราคาพุ่งแรงเกินไป เพราะในขณะเดียวกันเค้าต้องการนำเข้าทองคำปริมาณมหาศาลเพื่อเป็นการดั์มดอลล่าครับ


3.มีกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องเรื่องการลื้อระบบธนาคารทั้งหมดของทางสหรัฐ ด้วยการให้ธนาคารทั้งหมดเข้า สู่มาตรฐานเบเซล 2 และ 3 หรือ  ( Basel 2 และ Basel 3 Compliant ) ก็คือธนาคารทั้งหมดต้องเข้มงวดเรื่องการกันสำรองเงินฝาก และเรื่องสินทรัพย์ทั้งหมด ทั้งสินทรัพย์ดีและสินทรัพย์เน่า (Toxic Debt) ตามมาตรฐานของ BIS หรือ Bank of International Settlement อยู่ที่เมือง Basel ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ก็เลยเรียกว่าตามกฏ Basel เท่านั้น เท่านี้ จะล้างกันทั้งหมดตรงนี้เลย และทีสำคัญทีสุดจะนำไปสู่การ "การเปลี่ยนสกุลเงินครับ" คือจากเงินสกุลดอลล่าที่เป็นเงินกระดาษ เข้าสู่ระบบ Gold Back Currency หรือการธนบัตรที่พิมพ์โดยมีทองหนุนหลัง เหมือนประเทศอื่นๆ ในโลกครับ แต่การทำตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ตามที่มีข้อมูลเค้าจะต้องมีการลดค่าเงินดอลล่าลงก่อน เท่าที่่มีข่าวมา อาจจะเหลือเพียง 1 ใน 6 หรือ 1 ดอลล่าสหรัฐจะลดค่าลงเหลือเพียง 16.67 เซนต์


ซึ่งผมคิดว่ายังได้มากครับ เพราะถือว่าเอากระดาษมาแลกกับทอง เมื่อต้นปีที่ผมได้ยินมาคือได้ 2 เซนต์เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผู้ฝากเงินทุกคนในสหรัฐจะจนลงพร้อมกันเพียงชั่วข้ามคืนครับ ทันทีที่มีการประกาศเรื่องนี้ แต่ใม่ใช่ว่าจะประกาศเลยสุ่มสี่สุ่มห้าครับ เค้าจะเริ่มทำที่ธนาคารคือ ปิดธนาคารทั้งระบบ ล๊อคทุกอย่าง บัตรเอทีเอ็ม เงินฝาก ตู้เซฟ แล้วทำการลดค่าเงินลงก่อน แล้วค่อยประกาศเปลี่ยนแปลงครับ ตรงนี้มีเอกสารหลักฐานชัดเจน เรียกว่า Executive Order  เซ็นโดยโอบาม่าเองครับ (ไว้จะหาลิ๊งมาใส่ให้ ทำหายไปครับ)โดยให้ธนาคารทั้งหมดเอาเงินที่มีอยู่มาทยอยแลกกับกระทรวงการคลังเพื่อเอาเงินสกุลใหม่ที่มีทองหนุนไปแทน ในอัตราส่วนตามที่บอกมาล่าสดคือ 6 : 1 คือ 6 ดอลล่าเก่าแลกได้ 1 ดอลล่า"อเมโร่"  หรือเงินใหม่


เพราะฉะนั้นอีกไม่นานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้า คว่ำดิน หลายอย่างขื้นในสหรัฐคือ


ปิดระบบธนาคารทั้งระบบ ล๊อคทุกอย่างห้ามเคลื่อนไหว เคลียร์สินทรัพย์ทั้งดีและเสียในคราวเดียวกัน ใครไปได้ก็เปิดต่อ ใครไปไม่ได้ก็ล้มไปเลย ไม่ต้องกลับมาเปิด แล้วให้ FDIC เข้ามาค้ำประกัน (ถ้ายังไม่ล้ม และ มีศักยภาพเงินทุนเพียงพอที่จะทำได้) หรือพอไปได้แต่เพิ่มทุนไม่ได้ก็ไปควบรวมกันไป  ลดค่าเงิน แล้วเปลี่ยนถ่ายสกุลเงิน แล้วกลับมาเปิดดำเนินการใหม่ เป็นอันเสร็จพิธี สุดท้ายประชาชนก็รับกรรมไปครับ มีเงินฝาก 100 บาทก็จะเหลือเพียง 17 บาท ( หวังว่าจะได้เท่านี้นะ ) ลองมองกับไปเมื่อหลายเดือนก่อน จำได้ไม๊ครับที่โอบาม่า เสนอเลือกนายเบน เบอร์นันเก้ให้นั่งในตำแหน่งเดิมอีกครััง แล้วให้ออกกฏหมายให้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการจัดการเรื่องๆ นึง นั่นก็คือการปฏิรูประบบการเงินการธนาคารนั่นเอง ส่วนทิม ไกเนอร์ ก็บอกว่าต้องทำเรื่องปฏิรูป แต่ไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าจะทำอะไร เพราะ "พูดไม่ได้ครับ"


แล้วทองของเราล่ะ เท่าที่ได้ข้อมูลมา ทันทีที่ประกาศลดค่าเงินดอลล่าทองจะพุ่งไปที่จุดนึงก่อน อาจจะ $1,500 หรือเค้าอาจจะเม้มไว้ประกาศแบบโครมเดียวเลยทั้งเปลี่ยนสกุลเงินด้วย ก็จะพุ่งไปที่ $2,000 ต่อออนซ์ทันทีครับ แล้วให้ตลาดโลกมาทำ FIX หรือปรับราคากันใหม่ภายหลัง

 "ทั้งหมดที่ทำสหรัฐเองไม่ได้เดือดร้อนเลยครับ เพราะเค้าแก้ปัญหาภายในของเค้า แต่ทั้งโลกแทบถล่มลงไปครับ เพราะไปเอากระดาษเค้ามากันทั้งโลก ทุกอย่างเข้าทางเค้าทั้งหมด"


ที่นี้เรามาดูเงินสกุลใหม่ของเค้าครับ มีกระแสข่าวบางกระแสว่าเงินสกุลใหม่ที่จะเอามาแทนดอลล่าตอนนี้พร้อมอยู่ที่ FED แล้วทั้งหมด รอแต่เวลาที่จะปฏิวัติระบบการเงินเท่านั้นเอง อันนี้เป็นกระแสข่าวครับแต่ค่อนข้างชัดเจนและลงตัว อีกกระแสนึงก็คือ ใช้ SDR เลย จะทางไหนก็เข้าทางเค้าอยู่ดี หรือถ้าไม่ทันก็ใช้ SDR ก่อนแล้วเงิน Amero ค่อยประการศเปลี่ยนไปใช้ในภายหลัง มีตัวเลือกแต่นี้ครับไม่อันใดก็อันนึง ลองดูเงินชุดนี้ครับ

คลิกเข้าไปดูรูปใหญ่ได้ครับ เป็นเงินสกุลของ FED เลย แล้วแต่ละหน้าที่อยู่ในธนบัตรก็เป็นผู้ก่อตั้ง FED และระบบธนาคารกลางตั้งแต่เริ่มต้น ชุดนี้ดูแล้วใกล้เคียงความจริงมาก เพราะดูจากตราสัญลักษณ์ต่างๆ ดูที่ใบละ 5 ดอลล์ครับ มีตัวสัตว์ประหลาดที่จ้องจะรวมโลกเป็นหนึ่งใส่ไว้ในนั้นเลย ส่วนใบละ 1 ดอลล์ก็มีตราสัญลักษณ์เดิมอยู่ แต่ให้สังเกตุว่า "ปิระมิดสร้างเสร็จแล้ว" แล้วดวงตรากลับลงมาอยู่ในปิระมิด คงต้องหาเวลาตีความอีกแล้วครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่........

4.วันที่ 18-19 ตุลา นี้ "อาจจะ" มี Event ครับ หรือเหตุการณ์ช๊อคโลก เอาเป็นว่าโน๊ตไว้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ซื้อทองให้เสร็จก่อนเป็นดี เข้า GF Long ไว้ได้เลยครับ ขอโทษที่บอกเวลาค่อนข้างกระชั้นชิดมาก เอาเป็นว่าทันก็ทัน ไม่ทันก็ไม่เป็นไร อาจจะเกิดหรือไม่คงไปฟันธงเลยไม่ได้ครับ  แต่เตรียมได้ก็เตรียมเท่านั้นเอง เดือนนี้จะมี  2 ช่วงเวลาครับ บ้านเราเหตุการณ์ไม่ถึงกับบาดเจ็บล้มตาย แต่ตลาดเงินตลาดทุนไม่แน่ ถ้าเกิด "หนักมากครับ" ถ้าซื้อทองไว้ "รับทรัพย์ครับ" นี่คือเหตุผลทีทำไมผมถึงตอบไปในหลายๆ โพสต์ว่าให้เข้าก่อนวันที่ 18 ครับ

5.วันที่ 25-26 ตุลา วันนี้อาจจะเป็น Event หรือเหตุการณ์ทางการเงินครั้งสำคัญ การก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งนึง การลอบสังหารปธน.โอบาม่า แต่บางกระแสว่าอาจจะมีการเปิดฉากสงครามในตะวันออกกลางครับ ความแม่นยำเค้าว่ากันไว้ถึง 90% ในครั้งที่ผ่านๆ มา น่าคิดครับ เพราะฉะนั้นถ้ารอด 18-19 มาได้ก็จะมาเจอ 25-26 นี้ครับ

*** 25-26 อันนี้ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ แต่อยากให้รัดกุมหน่อย ระวังเรื่องการเงินการทองและการธนาคารให้มากๆ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นก็รู้กันไว้เลย ไม่ใช่การก่อการร้าย หรือตาลีบัน คือเรื่องของ NWO ล้วน เพื่อนำไปสู่ปฏิบัติการเรื่องอื่นๆ ต่อไป

6.การคาดการณ์สุดท้ายอีกอันคือ Reinhart Prediction เซิร์ชหาอันนี้ครับหาดูอันล่าสุด  ก็มาตรงกันอีกแต่เค้าไม่ได้ระบุเวลาแต่ก็ช่วงเวลาประมาณนี้ อาจจะมี Event ครับ โดยมากฝรั่งเค้าใช้คำเดียวคือคำว่า Event ไม่ว่าจะเป็นอะไรเหตุการณ์อะไร แต่ของ Reinhart นี่ความแม่นยำของเค้าถึง 99.30%  ในช่วงปลายๆ เดือนเหมือนกัน ***ถ้ามีอะไรชัดเจนกว่านี้จะโพสต์ให้ครับ     

7.เอาที่ต้องเกิดแน่นอนกันบ้าง เที่ยงคืนของวันที่ 31 ตุลาคมนี้ โอบาม่าและรัฐสภาสหรัฐจะต้องผ่านงบประมาณของปี 2010 และกฏหมายการเงินที่สำคัญหลายๆ ฉบับที่ต้องทำเสร็จไปเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา แต่ผ่านไม่ได้เพราะเคลียร์กันไม่ลงตัวเพราะเรื่องหนี้และการขาดดุลย์งลประมาณที่รุนแรงทั้งของปี 2009 และ 2010 ถ้ายังไม่ได้อีกรัฐบาลกลางอาจจะต้องให้โอบาม่าลงนามประกาศ "ล้มละลาย" ครับ ผมว่าเค้าหาวิธีแก้ได้ แต่ที่ห่วงคือเค้าจะกดระเบิดลูกนี้ครับ "ตายหมู่กันเลยครับ" ยกเว้นพวกที่ตั้งใจทำ ลูกนี้อ่านใจเค้าไม่ได้เลย มีแค่ 2 ทางนี้เท่านั้น เค้าจะเอายังไงเท่านั้นเอง 

8.สงครามอิหร่าน คงไม่นานครับ "อย่ามองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาด อย่าคิดว่าไกลตัว" เพราะสหรัฐเดินเกมส์อยู่ตลอด ล่าสุดฮิลลารี่พยายามไปล๊อบบี้รัสเซีย ทั้งที่รู้ว่ารัสเซียเป็นคนสนับสนุนอิหร่านในเรื่องนิวเคลียร์ อิสราเอลก็ออกมาพูดว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ไม่วาย แก้เกมส์กันไปมา อยู่ดีๆ เมื่อวานนี้ ปธน.รัสเซีย ออกมาอ้างสิทธิ์ขาดในการทำ Pre-Emtive Strike คือเค้าถือสิทธิ์ที่จะบุกข้าศึกได้เลยโดยที่ไม่ต้องผ่านสภา หรือประกาศสงคราม ก็คือเอาตัวอย่างที่ไอ้กันไปบุกอิรัครอบที่ผ่านมานั่นแหละครับ  เค้าก็เลยเอาบ้าง มันเป็นการส่งสัญญาณความถึ่สูงครับ คือกฏบัตรสหประชาชาติว่าด้วยสงคราม ไม่ต้องเอามาใช้กันแล้ว ถ้าเกิดสงครามคงไม่มีความเมตตาใดๆ แล้ว และอาจจะเป็นสงครามที่โหดร้ายที่สุดที่มีมาของมนุษยชาติ ทั้งระเบิดนิวเคลียร์ อาวุธเคมี อาวุธเชื้อโรค โรบอทวอร์ และเทคโนโลนีสงครามชั้นสูงทั้งหมด  ผมมีข้อมูลเรื่องนี้พอสมควร แล้วจะโพสต์ให้ดูความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ใช้ในสงครามครับ ตอนนี้ที่เค้ามีที่น่ากลัวมากคือ อาวุธไมโครเวฟ คือการยิ่งคลื่นไม่โครเวฟ ไม่มีเสียง ไม่กลิ่น มองไม่เห็น แต่ยิงไปแล้วร่างกายสุกเลย เหมือนเอาเข้าเตาไมโครเวฟ ทั้งที่เสื้อผ้าไม่ไหม้  ทหารนั่งอยู่ในรถโดนยิงไป ครึ่งท่อนบนไหม้เกรียมครึ่งล่าง โหดร้ายมาก เค้าเอาไปใช้ในสงครามอิรัคครั้งที่ผ่านมา มีเป็นวีดีโอเลยครับ

9.ไข้หวัด 2009 ไม่ต้องแปลกใจนะครับถ้ามีวันนึงอีกไม่นานนี้ พาดหัวข่าวไปทั่วโรค ว่าคนอเมริกันติดไข้หวัดหลายสิบล้านคน แล้วตายมหาศาล เรื่องนี้ดูเหมือนจะเงียบอยู่แค่ในมุมนึง แต่ผมเชื่อว่าพวกเค้าจะใช้ไข้หวัดตัวนี้แหละที่จะล้มเศรษฐกิจสหรัฐ แบบจับมือใครดมไม่ได้ อ้างว่าเป็นเพราะไข้หวัดที่ทำให้เศรษฐกิจพัง แล้วเงินดอลล่าล่มสลายตามมา และเร็วกว่าปกติ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้เค้าเดินหมากตัวต่อไปได้

อีกสารพัดปัญหา เช่น Shortfall หรือการขาดดุลย์งประมาณของแต่ละรัฐ ก็ลากกันมานานเหลือเกิน แต่มาสุดที่ 30 เดือนกันยายนที่ผ่านมา เพราะเป็นการเริ่มปีงบประมาณใหม่ วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ดึงต่อไปไม่ได้ครับ เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน

อีกสารพัดหนี้ บัตรเครดิต หนี้บ้าน การฟ้องยึดทรัพย์สินต่างๆ พุ่งขึ้นสูงมาก การฟ้องล้มละลายตัวเอง คนตกงานที่เพิ่มขึ้นตรงนี้ฟังตัวเลขก็หน้ากลัวแล้วแต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเค้าอยู่ในสภาวะตกงานกันมามากกว่า 20 เดือนทำให้คนที่ตกงานหมดสิทธิ์ที่จะได้รับเงินชดเชยการว่างงานไป 400,000 คนแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว คนเหล่านี้ไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ แม้แต่จะกินครับ แล้วจะมากขึ้นเรื่อย 4-600,000 คนต่อเดือน ทั้งตกงาน หมดสิทธิ์รับเงินจากการว่างงาน ด้วยปัจจัยเหล่านี้ผมคิดว่าเข้าเที่ยวนี้อาจจะต้องถือยาวไปแล้วครับ